"ยงยุทธ" โยน ให้กมธ.สภาฯตัดสิน "พื้นที่ป่าต้นน้ำพิเศษ"

ประชาไท-26 ส.ค. 48       "ยงยุทธ" รับหนังสือคัดค้าน "พื้นต้นน้ำอนุรักษ์พิเศษ" จากเครือข่ายป่าชุมชน ปัดไม่มีอำนาจตัดสินใจ ขั้นตอนอยู่ที่การพิจารณาของคณะกรรมาธิการร่วม แต่พร้อมรับหน้าที่ "ไปรษณีย์" ส่งเรื่องให้ได้ ย้ำสุดท้ายต้องไปตัดสินกันที่สภา

 

นายยงยุทธ ติยะไพรัช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม(ทส.) กล่าวกับ กลุ่มเครือข่ายป่าชุมชนที่ กว่า 200 คนที่เดินทางมายื่นหนังสือ และอธิบายเหตุผลที่ไม่ต้องการให้มีพื้นที่ต้นน้ำพิเศษ ว่า หากใครมีเรื่องที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางของตน สามารถทำหนังสือไปให้คณะกรรมาธิการร่วม ที่มี นายผ่อง เล่งอี้ เป็นประธานกมธฯ  พิจารณาเองได้ ส่วนตนไม่ใช่ผู้ชี้ขาด แค่ทำหน้าที่เป็นฝ่ายบริหารและอธิบายภาพรวมเท่านั้น

 

ทั้งนี้ นายยงยุทธ ให้เหตุผลที่ต้องจัดทำพื้นที่ต้นน้ำพิเศษ ว่า พื้นที่ดังกล่าวจะเป็นเหมือนนิวเคลียสที่ สำคัญที่จะต้องอนุรักษ์ไว้ เพื่อรองรับการขยายตัวของประชากรที่เพิ่มขึ้น แต่พื้นที่ป่ากลับลดลงเรื่อยๆ   ขณะเดียวกันขณะนี้ประเทศก็ยังไม่ได้อยู่ในขั้นวิกฤตที่จำเป็นต้องเอาป่าต้นน้ำมาทำกิน และอยากให้กลุ่มเครือข่ายเข้าใจด้วยว่าพื้นที่ป่าเป็นของคนทั้งประเทศ ไม่ใช่เพียงสำหรับคนเพียง 10 ล้านคนในป่า แต่ต้องแบ่งปันให้กับคนอีก 50ล้านคนในประเทศด้วย

 

โดย รมว.ทรัพยากร ยืนยันว่า การอนุรักษ์พื้นที่ป่าต้นน้ำพิเศษจะจัดการให้กระทบกับชาวบ้านในพื้นที่ให้น้อยที่สุด  จะกินบริเวณไม่เกิน 20 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ป่าทั้งหมด โดยใครที่เคยอยู่อาศัยในพื้นที่ดังกล่าวมานานจะหาพื้นที่รอบๆให้แทน และจะไม่มีการใช้กำลังในการให้ออกจากพื้นที่ แต่ต้องเป็นไปด้วยความยินยอมพร้อมใจของชาวบ้านด้วย

 

นอกจากนี้พื้นที่ดังกล่าวจะยังช่วยเริมอาชีพให้คนในป่าชุมชนได้อีกทาง โดยทางรัฐบาลจะจ้างคนในพื้นที่มาช่วยดูแลพื้นที่ป่าต้นน้ำพิเศษ ส่วนใบไม้กิ่งไม้ก็สามารถเก็บไปเป็นเชื้อเพลิงสำหรับผลิตไฟฟ้าชุมชนอีกทาง

 

สำหรับชาวบ้านที่ยังมีข้อข้องใจละอยากให้ลงพื้นที่ นายยงยุทธ กล่าวว่าให้ฝากเรื่องและข้อมูลไว้ พร้อมทั้งรับปากว่าจะลงพื้นที่ทั้งหมด

 

ด้านเครือข่ายป่าชุมชน เมื่อรับฟังคำชี้แจงจาก รมว.ทรัพยากรฯ แล้ว จึงกล่าวโต้ว่า คำชี้แจงดังกล่าวเป็นการแสดงให้เห็นว่าทางภาครัฐยังมีความไม่ไว้ใจชาวบ้านว่าสามารถดูแลป่าสำคัญได้ ทั้งๆที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาชุมชนคือผู้ที่ดูแลและทำให้มีป่าเหลือมาถึงปัจจุบัน ในขณะที่หลายคนต้องเสียชีวิตไปเพื่อปกป้องผืนป่า ไม่ว่าจะเป็นจากการทำให้ป่ากลายเป็นเขื่อน โรงไฟฟ้า ถนนหรือการพัฒนาอื่นๆ  

 

นอกจากนี้ อยากให้ทางรัฐบาลปรับความคิดเสียใหม่ว่า ป่าชุมชน  ไม่ใช่พื้นที่เกษตรกรรม แต่ป่าชุมชน คือ การให้อำนาจและสิทธิชุมชนในการดูแลป่า และชุมชนไม่ใช่ผู้ทำลายป่าอย่างที่รัฐพยายามมองให้เป็น เพราะป่าคือแหล่งต้นน้ำที่ชาวบ้านต้องบริโภค ดังนั้นชุมชนต้องดูแลไม่ใช่ทำลาย และที่ผ่านมาบางแห่งชุมชนคือผู้ที่ดูแลต่อๆกันมากว่ามาหลายร้อยปี ก่อนที่รัฐบาลจะมาประกาศเขตอนุรักษ์เสียอีก

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท