วอชิงตัน ดีซี (แอลเอไทม์ส) - แม้ว่าเศรษฐกิจจะดูดีและอัตราการจ้างงานจะสูงขึ้น แต่สำมะโนฯ ชี้ คนอเมริกันปี 2004 มี 37 ล้านคน หรือ 12.7% คือครอบครัวที่มีรายได้ต่ำกว่า 44,389 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี
รายงานจากสำนักงานสำมะโนประชากร ซึ่งได้รับการเปิดเผยเมื่อปลายเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นว่า จำนวนคนอเมริกันที่จัดว่าเป็นผู้มีรายได้น้อยได้เพิ่มมากขึ้นติดต่อกันเป็นปีที่ 4 แม้ว่าภาพรวมของเศรษฐ
กิจและการจ้างงานในปีนี้จะดีขึ้นก็ตาม
รายงานเปิดเผยว่า รายได้เฉลี่ยของครอบครัวอเมริกันทั่วประเทศในปี 2004 คือ 44,389 ดอลลาร์ต่อปี ซึ่งต่ำกว่าปี 2003 อยู่ 93 ดอลลาร์ แต่กระนั้นก็ยังมีผู้มีรายได้ต่ำกว่ารายได้เฉลี่ยอยู่ 12.7 %หรือเกือบ 37 ล้านคน คือเพิ่มจากปี 2003 มา 1.1 ล้านคน โดยเฉพาะในปี 2004 ถือเป็นปีที่มีจำนวนผู้มีรายได้น้อยสูงที่สุด นับตั้งแต่ปี 1998
นอกจากนี้ รายงานจากสำนักงานสำมะโนประชากรยังชี้ให้เห็นด้วยว่า ในปี 2004 ชาวอเมริกัน 45.8 ล้านคน หรือ 15.7 % ไม่มีประกันสุขภาพ เนื่องจากจำนวนนายจ้างที่จัดหาระบบประกันสุขภาพให้ มีน้อยลงเรื่อยๆ ทำให้ลูกจ้างส่วนใหญ่หันมาพึ่งพาระบบประกันสุขภาพของรัฐ อาทิ เมดิเคด อย่างไรก็ตาม สภาคองเกรสก็กำลังจะตัดงบประมาณสำหรับเมดิเคดลง 10 พันล้านดอลลาร์ภายในห้าปีนี้ และผู้ที่ซื้อระบบประกันสุขภาพด้วยตนเองก็มีเพียง 9.2-9.3 %เท่านั้น
บอนนี บัลลาร์ด ประชาสัมพันธ์ขององค์กรฮาร์ทแลนด์ อัลไลแอนซ์ ในเมืองชิคาโก ซึ่งเป็นองค์กรที่คอยให้ความช่วยเหลือผู้ไร้ที่อยู่อาศัยและผู้มีรายได้น้อยมาตลอดหนึ่งศตวรรษ เปิดเผยว่า ไม่ประหลาดใจที่รู้ว่ามีคนอเมริกันที่จัดว่าเป็น "คนจน" เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับระบุว่าความยากจนนี้เป็นผลมาจากค่าที่อยู่อาศัยซึ่งแพงขึ้นมาก ค่าน้ำมันและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ทำให้ผู้คนไม่มีโอกาสได้หลุดพ้นจากสภาพที่เป็นอยู่
จาเรด เบริ์นสไตน์ นักเศรษฐศาสตร์จากสถาบันอีโคโนมี โพลิซี กล่าวว่า สาเหตุที่อัตราการว่างงานลดลง 5 % ในปีนี้ อาจมีสาเหตุมาคนอเมริกันเลิกมองหางานด้วยตนเอง
"เป็นไปได้ว่า เศรษฐกิจโตขึ้นก็จริง แต่ผลของการเติบโตนั้นไม่ได้กระจายไปอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะไปไม่ถึงกลุ่มชนชั้นกลางและผู้มีรายได้น้อย" เบิร์นสไตน์กล่าว
อย่างไรก็ตาม ดักกลาส เจ เบชรอฟ นักวิชาการจากสถาบันอเมริกัน เอนเตอร์ไพรซ์ กล่าวโต้แย้งว่า โดยปกติ อัตราความยากจนจะลดลง หลังจากภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นส่งให้มีการจ้างงานมากกว่าหนึ่งปีขึ้นไป และในสถานการณ์นี้ ภาวะเศรษฐกิจไม่ได้ส่งเสริมให้มีการจ้างงานจนกระทั่งกลางปีที่แล้ว จึงควรสังเกตการณ์ต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง
ชาร์ลส เนลสัน ผู้ช่วยหัวหน้าฝ่ายสถิติรายได้ ความยากจนและการประกันสุขภาพ กล่าวว่า สถิติความยากจนของปี 2004 ไม่ถือเป็นเรื่องผิดปกติในปีที่ 3 ของการฟื้นฟูเศรษฐกิจ เนื่องจากสหรัฐฯ เคยผ่านเหตุการณ์เช่นนี้มาแล้วในช่วงปี 1990-91 หรือในระยะแรกๆ ในสมัยอดีตประธานาธิบดี บิล คลินตัน
นอกจากนี้ รายได้เฉลี่ยทั่วประเทศในปี 2004 ที่ต่ำลงจากปีที่แล้วนั้น ก็เป็นไปได้ว่า แรงงานที่เคยว่างงานเมื่อก่อนนี้ ได้กลับเข้าสู่ตลาดแรงงานอีกครั้ง และได้เริ่มต้นทำงานใหม่ด้วยรายได้ที่ต่ำกว่า จึงทำให้ค่าเฉลี่ยต่ำไปด้วย.
ที่มา http://www.thaitownusa.com/