นายสุวัฒน์ ตันติพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ มีชื่อในแคนดิเดทโผโยกย้ายข้าราชการกระทรวงมหาดไทย ระดับ 10 ในช่วงก่อนสิ้นเดือนสิงหาคม กระแสข่าวผ่านสื่อส่วนกลางที่อกมาระหว่างวันที่ 25-27 สิงหาคมนั้นบอกว่า อาจจะถึงจะได้คั่วตำแหน่งอธิบดีกรมการปกครอง เลยทีเดียว
เรื่องนี้มีที่มาที่ไประดับที่สื่อทั่วไปเขียนตรงกันว่า เป็นเพราะความสนิทสนมแน่นแฟ้นเป็นพิเศษ กับ ครอบครัวของ เจ๊แดง-เยาวภา วงษ์สวัสดิ์ เจ้าแม่วังบัวบาน ผู้ซึ่งเวลานี้เป็นประธานพัฒนาพื้นที่ภาคเหนือลำนามแต่งตั้งโดยนายกรัฐมนตรี ตำแหน่งนี้ วงในรู้กันดีว่า เป็นตำแหน่งน้อง ๆ รัฐมนตรีที่สามารถใช้งานผู้ว่าราชการจังหวัดภาคเหนือได้หมด รับรู้โครงการทุกเม็ด หากต้องการรู้ ไม่เพียงเท่านั้น นายสุวัฒน์ ยังเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่สนิทสนมยิ่งกับ สมชาย วงษ์สวัสดิ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม มาตั้งแต่ครั้งศึกษานิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์
ตอนที่ นายสุวัฒน์ ข้ามห้วยมาเป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เมื่อเกือบ 3 ปีก่อน ตอนนั้นวงการเมืองก็ฮือฮามารอบหนึ่งแล้วเพราะ เพิ่งขึ้นซี.10 กินตำแหน่งผู้ว่าฯ มาแค่ไม่ถึงปี ก็เลื่อนชั้นขึ้นคุมจังหวัดใหญ่แบบข้ามหัวบรรดาสิงห์ทั้งหลายเป็นทิวแถว
มารอบนี้ จึงไม่แปลกที่จะมีชื่อของ สุวัฒน์ ตันติพัฒน์ ติดโผแคนดิเดทอธิบดีกรมการปกครอง
แต่ที่สุดแล้วก็เป็นที่รับรู้กันว่า
จนกระทั่งการประชุมครม. เมื่อ 30 สิงหาคม มีมติแต่งตั้งข้าราชการระดับ 10 กระทรวงมหาดไทย จำนวน 9 ตำแหน่ง ที่สำคัญคือ นายชาญชัย สุนทรมัฏฐ์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมการปกครอง
ไม่มีชื่อของนาย สุวัฒน์ ตันพิพัฒน์
ในวันเดียวกันนั้นคือ อังคารที่ 30 สิงหาคม นายสุวัฒน์ ตันติพัฒน์ เดินทางกลับจากราชการที่จังหวัดเชียงราย และก็มาเจอกับกลุ่มผู้สื่อข่าวกลุ่มใหญ่ เพื่อรอถามเรื่องปัญหาของบริษัท แกมม่า มีเดีย จำกัด ซึ่งเป็นผู้จัดงาน "เชียงใหม่ไอซีทีซิตี้ 2005" ระหว่างวันที่ 28-29 ส.ค.48 ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล แอร์พอร์ตพลาซ่า จังหวัดเชียงใหม่ ต้องล้มเลิกกลางครัน เนื่องจากบริษัทฯ มีปัญหาในการเคลียร์ค่าเช่าพื้นที่จัดงานและค่าใช้จ่ายอื่นๆ
ผู้ว่าฯ สุวัฒน์ บอกไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันเลย ทำไมต้องมาโยงเรื่องนี้กับตัวผู้ว่าฯด้วย
แต่เรื่องนี้มีที่มาที่ไป อย่างน้อยที่สุด ทำให้สื่อท้องถิ่นแทบทุกสื่อหยิบมาเล่นทั้งแบบหนัก ๆ และแบบทีเล่นทีจริงกันต่อเนื่องข้ามสัปดาห์
นั่นเพราะบริษัท แกมม่า มีเดีย เป็น คู่สัญญากับจังหวัดเชียงใหม่ ดำเนินการประชาสัมพันธ์ การพัฒนาตามยุทธศาสตร์จังหวัด ระดับที่ เคยมีหนังสือราชการลงนามโดยรองผู้ว่าราชการจังหวัด นายธงชัย วงษ์เหรียญทอง แจ้งต่อสื่อมวลชนทุกแขนงขอให้ความร่วมมือกับบริษัทดังกล่าว ที่ได้สิทธิ์ในการประชาสัมพันธ์ยุทธศาสตร์จังหวัด
สัญญาดังกล่าวมีมูลค่า 5.3 ล้านบาท ทำระยะเวลาดำเนินการ 4 เดือน (ก.ค.-ต.ค.48) เฉลี่ยแล้วเดือนละล้านกว่าบาท
การได้สัญญาของ แกมม่า มีเดีย อาจจะตรงไปตรงมาผ่านการตรวจสอบของคณะกรรมการคัดเลือกของจังหวัดตามที่ผู้เกี่ยวข้องอ้างอิงถึง แต่ที่สุดแล้ว กลับยังไม่มีใครเคลียร์ปัญญาคาใจปมอื่น ๆ อาทิเช่น การที่บริษัทแห่งนี้มีที่ทำงานตึกเดียวกันกับบริษัทของลูกสาวผู้ว่าฯ สุวัฒน์ บริเวณเชียงใหม่แลนด์ และ มีความจำเป็นที่ยากเย็นระดับใดกัน ถึงกับต้อง มีบริษัทเอกชนเพื่อมาทำงานด้านประชาสัมพันธ์ยุทธศาสตร์จังหวัด
ก็ในเมื่อ เชียงใหม่เป็นที่ตั้งของหน่วยราชการใหญ่ ๆ ระดับเขต รวมไปถึง ศูนย์ประชาสัมพันธ์เขต เคยมีการตั้งคณะทำงานด้านประชาสัมพันธ์ของผู้ว่าฯซีอีโอ.มาแล้วคณะใหญ่ ถามว่า ได้ใช้งานคณะทำงานเหล่านี้หรือยัง หรือว่าคณะทำงานชุดเหล่านี้ ไม่มีความสามารถตามสเปกที่ต้องการ
ด้วยคำถามเหล่านี้เอง ที่บรรดาสื่อมวลชน จึงเฝ้าปักหลักรอสัมภาษณ์ผู้ว่าฯสุวัฒน์
ผลพวงจากการนี้ มีการวิพากษ์วิจารณ์กันพอหอมปากหอมคอทั้งในเว็บไซต์ท้องถิ่นกับเว็บไซต์ส่วนกลางที่นำข่าวนี้ไปลง
ผู้ว่าฯ สุวัฒน์ เจอเรื่องที่ไม่แฮปปี้ 2 เรื่องติดกัน เมื่อ 30 สิงหาคม หนึ่ง-เรื่องโผแต่งตั้งอธิบดี และสอง-เรื่องจุกจิกกวนใจกรณี บริษัท แกมม่า มีเดีย
เท่านี้ยังไม่พอ ยังมีเด้งที่สามที่หนักหนากว่า 2 เด้งแรกตามมาอีกระลอก
เมื่อวันศุกร์ที่ 2 กันยายน นายเกรียงศักดิ์ วัฒนวรางกูร กรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ได้แถลงข่าวเรื่อง ตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างเครื่องมือ และอุปกรณ์การแปรรูปลำไยกระป๋องของจังหวัดเชียงใหม่
ซึ่ง สตง. เข้าไปตรวจสอบพบว่าจังหวัดเชียงใหม่และลำพูน ที่มีการเบิกจ่ายงบประมาณไปแล้วกว่า 20 ล้านบาท ได้สรุปข้อตรวจพบที่สำคัญ ใน 2 กรณี เรื่องแรก กรณีการจัดซื้อเครื่องมืออุปกรณ์ผลิตลำไยกระป๋องของจังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 60 ชุด เป็นเงิน 14.58 ล้านบาท พบว่า คณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคา พิจารณารับราคาของผู้เสนอราคาที่เสนอรายละเอียดไม่ถูกต้องตามเงื่อนไขการประกวดราคา ซึ่งเท่ากับเป็นการไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535
เรื่องนี้มีคณะกรรมการตรวจรับตามระเบียบราชการหลายราย รวมถึง นายขวัญชัย วงศ์นิติกร รองผู้ว่าราชการจังหวัดด้วย
แต่ที่ คตง. พาดพิงถึงผู้ว่าฯ สุวัฒน์ ก็คือ นายสุวัฒน์ ได้ลงนามรับผลการตรวจรับดังกล่าว
นาย เกรียงศักดิ์ กล่าวแถลงดังนี้ว่า
"ของจังหวัดเชียงใหม่ ผู้ที่ต้องร่วมรับผิด ก็จะมีรองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าสำนักงานจังหวัด เกษตรอำเภอ และผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการ การเกษตรวิศวกรรมจังหวัด และเจ้าหน้าที่ระดับ 7 อีก 3 คน และเมื่อเสนอเรื่องให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้ว่าฯ ก็ได้อนุมติ ดังนั้น ผู้ว่าฯ ก็ต้องรับผิดชอบด้วย เพราะข้อเสนอนั้นรายละเอียดไม่เป็นไปตามประกาศประกวดราคาก็ยังไปพิจารณาผลได้ ดังนั้นก็ต้องถูกดำเนินคดีทางอาญาด้วย ส่วนจังหวัดลำพูนก็มีเจ้าหน้าที่ระดับ 7 ประมาณ 3-4 คน"
ดอกนี้ เล่นเอา นายสุวัฒน์ ถึงกับตั้งหลักไม่ทัน เพราะมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ในวันดังกล่าว นาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มาตรวจราชการพอดี และได้รับทราบเรื่องคร่าว ๆ ในตอนเย็น เมื่อมีผู้สื่อข่าวมาถามจึงตอบปฏิเสธไป
และจนบัดนี้ นายสุวัฒน์ ยังปิดปากเงียบ ที่จะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้
ถึงไม่พูด แต่ก็ยังสังเกตได้ว่า หมัดดังกล่าวทำเอาเสียอาการไม่น้อย
วันที่ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ รมว. เกษตรและสหกรณ์ เดินทางมาประชุมเรื่องปัญหาลำไยเมื่อ 6 กันยายน โดยนายสุวัฒน์ นั่งประชุมร่วมด้วย คุณหญิง ยังเอ่ยปากแซวว่า "การอนุมัติเงินกู้ลำไยต้องทำตามระเบียบราชการ เพราะเดี๋ยวสตง. สอบมาจะลำบาก เอาแค่ที่ผ่านมา ท่านผู้ว่าฯ ก็ยุ่งแล้ว" ...
ข่าวคราวที่ปรากฏทั้งวงในและสื่อสาธารณะเกี่ยวกับตัวผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ระยะ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา แทบจะไม่มีข่าวที่ทำให้ นายสุวัฒน์ ยิ้มออกมาได้เลย
มติครม. สัญจร พังงาเมื่อ 6 กันยายนที่ผ่านมา เรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการกระทรวงมหาดไทย มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งสำคัญ ๆ หลายตำแหน่ง ซึ่งรวมถึง นายปริญญา ปานทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เลื่อนชั้นเป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดน่านด้วย
จะสังเกตได้ว่า มีการเปลี่ยนแปลงโยกย้ายในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนน้อยมาก แค่ น่าน กับแม่ฮ่องสอน
นี่เป็นผลพวงจากมติครม. 30 สิงหาคม ที่ไม่มีชื่อนายสุวัฒน์ ตันติพัฒน์ รวมอยู่ด้วย ... เป็นผลให้ โผเกี่ยวข้องไม่ขยับเช่นเดียวกัน อาทิเช่น นายอุดม พัวสกุล ผวจ.ลำพูน ที่ได้รับการคาดหมาย จะมาแทนที่เชียงใหม่
และก็รวมไปถึง ข้าราชการระดับสูง ซี. 7-8-9 ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน อีกหลายคน เพราะเป็นที่รู้กันว่า มหาดไทยยุคนี้ เป็นยุคที่โยกกันมาทั้งพวง ถ้าขึ้น ๆ เป็นแผง
แต่ถ้าแป๊ก .. ก็แป๊กทั้งกลุ่มเช่นกัน
มีคนวิจารณ์ว่า การที่นายสุวัฒน์ ไม่ได้ขยับอาจเป็นเพราะกรณีการชี้มูลของ คตง.
แต่แท้จริงแล้ว คตง. แทบจะไม่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจโยกย้ายเมื่อ 30 ส.ค. แม้แต่น้อย
อิทธิพลที่สำคัญที่สุด คือ วงการสิงห์ ที่หมายถึง รุ่นพี่รุ่นน้องผู้จบทางรัฐศาสตร์ แต่ นายสุวัฒน์ แม้จะผ่านรั้วสีเหลือง-แดง มาก่อนแต่ก็เป็น นิติศาสตร์ ไม่ใช่ สิงห์แท้ ...
ต่อมา คือ ความใกล้ชิดกับ วังบัวบานที่กลุ่มอื่น ๆ มองว่า " มากเกินไป"
อย่าลืมว่า กระทรวงมหาดไทย ยุคพล.อ.คงศักดิ์ วันทนา เป็นยุคของ วังจันทร์ส่องหล้า
วังบัวบานอาจจะใหญ่ในสายตาของใครหลายคน แต่ สำหรับ จันทร์ส่องหล้า ... วังบัวบานไม่ได้ใหญ่โตอะไรถึงขนาดที่ต้องให้ อธิบดีกรมการปกครองเลย
ที่สุดแล้ว หากพลพรรควังบัวบาน ต้องการสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมที่สุดในการดำเนินการกิจกรรมใด ๆ ในพื้นที่ภาคเหนือแล้วไซร้ ... บุคคลที่จัดวางอยู่ในปัจจุบัน ในหลายจังหวัด มีความเหมาะสมดีพออยู่แล้วที่จะตอบสนองกิจกรรมทั้งแบบปกติและแบบพิเศษให้
คำตอบ ก็คือ นายสุวัฒน์ ตันติพัฒน์ ยังอยู่เชียงใหม่
เมื่อหัวขบวนยังไม่ขยับ การโยกย้ายใหญ่ของซี. 10 ภาคเหนือ ก็ยังไม่ขยับเช่นกัน
นี่นับเป็นโชคหรือเคราะห์ของนายสุวัฒน์ไม่ทราบได้ !
แสดงความคิดเห็น