ประชาไท-2 ก.ย. 48         "คุณแหม่มไม่ได้อยู่ในวัยเรียน สามารถรับผิดชอบตัวเองได้ ถ้าคุณแหม่มจะท้อง ก็หนักท้องคุณแหม่มเองไม่ได้หนักท้องใคร"  ความเห็นของ นายวัฒนา เมืองสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ภายหลัง "แหม่ม" นักแสดงชื่อดัง เจ้าของ ฉายา "เจ้าหญิงแห่งวงการบันเทิง"ออกมาแถลงข่าวยอมรับว่าตั้งครรภ์ ได้ 5 เดือนแล้ว วันนี้(2 ส.ค.)

หลังจากที่  น.ส.คัทลียา แมคอินทอช หรือ"แหม่ม" ตัดสินใจออกมายอมรับ ปรากฏการณ์พิเศษที่เกิดไม่บ่อยนักเมื่อกระแสสังคมมีปฏิกิริยากับเรื่องดังกล่าวอย่างมหาศาล สื่อโทรทัศน์ทุกช่องได้นำเสนอภาพการแถลงข่าวของเธอ

แม้แต่ในโลกอินเตอร์เน็ต หลังจาก "ผู้จัดการออนไลน์"นำเสนอข่าวดังกล่าว ก็มีคนเข้ามาชมถึง 75,000 ครั้งต่อชั่วโมง แสดงความเห็นแล้วเกือบ 1,000 ความเห็น และกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนในเว็บไซต์อื่นๆ ก็เป็นประเด็นหลักที่กล่าวถึงอย่างแพร่หลาย

ผศ.ชลิดาภรณ์ ส่งสัมพันธ์ นักวิชาการจาก คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อธิบายปรากฏการณ์นี้ว่า นักแสดงสาว คัทลียา แมคอินทอช หรือ "แหม่ม" ตั้งครรภ์เป็นเรื่องธรรมดา แต่สังคมไทยมีความแกว่ง ไม่ได้ใช้มาตรฐานเดียวกัน โดยจัดประเภทผู้หญิงประเภทที่เรียกว่าผู้ดี เมื่อมีพฤติกรรมบางอย่างที่สังคมรู้สึกว่าออกนอกกรอบของผู้ดี จะโดนประณามอย่างหนัก

นอกจากนี้นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ยังแสดงความเป็นห่วงว่า สังคมอาจจะไม่ค่อยเห็นใจในกรณีดังกล่าว ทั้งๆที่ความจริงควรคำนึงถึงแง่มุมที่เราอาจจะยังไม่รู้ด้วย ซึ่งมีเหตุผลส่วนตัว และแม้ว่า น.ส.คัทลียาจะยอมรับตั้งแต่แรก ก็มีผลกระทบอยู่ดีเพราะเธอมีภาพลักษณ์ที่ค่อนข้างดี เพียงแต่ยอมรับตอนนี้แรงกระแทกก็แรงกว่า

อย่างไรก็ตาม อาจมีการผ่านการตัดสินใจหลายขั้นตอนในการออกมายอมรับเรื่องดังกล่าว หากมองในแง่ดี ก็มีความเป็นไปได้ว่าเพิ่งรู้ตัวเมื่อวานนี้จริงๆ เราควรเคารพการตัดสินใจและสิทธิส่วนตัว คิดว่า น.ส.คัทลียา โชคร้าย เนื่องจากความเป็นดาราและภาพของความเป็นเจ้าหญิง

โดย ผศ.ชลิดาภรณ์ อธิบายต่อว่า กรณีการตั้งครรภ์ดังกล่าว เป็นเรื่อง 2 เรื่องที่ซ้อนกัน คือ ประเด็นดารากับความสัมพันธ์นอกสมรส การท้องแล้วและแต่งงานภายหลังเป็นรูปแบบที่เป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว แต่ยกเว้นกรณีของ น.ส.คัทลียา ที่บังเอิญมีภาพที่เป็นนางเอก เป็นเจ้าหญิงในวงการบันเทิง เป็นต้นแบบของผู้หญิงที่ดี พอมีการตั้งข้อสงสัยก็ปฏิเสธมาตลอด แต่อยู่ดีๆมายอมรับเลยเป็นประเด็นให้คนเสียความรู้สึกกับภาพเจ้าหญิง และอาจเป็นการสั่นคลอนสำหรับคนบางกลุ่มอย่างแน่นอน

ส่วนสังคมก็ให้ความสำคัญกับประเด็นนี้ ยิ่งสื่อก็ยิ่งให้ความสำคัญ โดยเฉพาะสื่อบันเทิง ซึ่งสะท้อนลักษณะ อนุรักษ์นิยม ของสื่อไทย อย่างมาก และสื่อไทยควรต้องยอมรับ

ผศ. ชลิดาภรณ์ กล่าวต่อว่า ปรากฏการณ์ท้องก่อนแต่ง คนไทยก็เห็นมานานในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา คนไทยชั้นกลางหรือคนกลุ่มอื่นๆในสังคมอาจรู้สึกเฉยๆไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ประเด็นดังกล่าวอาจจะส่งผลกระทบต่องานตามมา  และเกรงว่าหลังจากนี้จะมีการยกประเด็นนี้มาเชื่อมโยงกับเรื่องการรักนวลสงวนตัว เรื่องของการท้องว่า เป็นแบบอย่างของวัยรุ่น

น.ส.คัทลียา แมคอินทอช ได้ปฏิเสธข่าวการตั้งครรภ์มาโดยตลอดนับตั้งแต่สื่อมวลชนเริ่มตั้งคำถามกับการที่เธอดูอ้วนขึ้นเหมือนกำลังตั้งครรภ์ แต่เธอให้เหตุผลว่าเพียงอ้วนเพราะน้ำหนักขึ้นจากการรับประทานยาบำรุง "สตรีเบนโล" เท่านั้น ผู้สื่อข่าวโดยเฉพาะสายบันเทิงยังไม่เชื่อโดยสนิทใจพยายามหยิบยกมาเป็นประเด็นเสนออย่างต่อเนื่องโดยตลอดในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมานี้

จนกระทั่งวันนี้ เธอยอมรับและเปิดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการอย่างกะทันหัน ว่าตั้งครรภ์โดยระบุว่า รู้ว่าท้องเมื่อวานนี้หลังการไปตรวจสุขภาพ

"ก็ถือโอกาสในวันนี้ในการบอกกับทุกคน เพราะสัญญาเอาไว้ว่าถ้ามีอะไรก็จะบอก ตอนนี้ก็มีครรภ์แล้ว แต่เหตุที่ไม่แต่งงานตั้งแต่ก่อนหน้านี้เพราะว่ายังแอบหวงชีวิตโสดอยู่นิดนึง" น.ส.คัทลียากล่าว ส่วนด้าน นายสงกรานต์ กระจ่างเนตร ผู้เป็นพ่อของเด็กในท้องและว่าที่เจ้าบ่าวในอนาคตก็ยืนยันว่าอยากแต่งงานกับ น.ส.คัทลียา มานานแล้ว และสัญญาว่าจะดูแลให้ดีที่สุด