Skip to main content
sharethis

ประชาไท—6 ก.ย. 48  วันนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร  จ.พังงา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)  ได้รายงานภาวะเศรษฐกิจไตรมาสที่ 2/2548 และแนวโน้มปี 2548  ต่อที่ประชุม  ดังต่อไปนี้


 


ภาวะเศรษฐกิจไตรมาสที่2/2548


สำหรับเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 2และครึ่งแรกของปี 2548  โดยเศรษฐกิจไตรมาสที่2 ขยายตัวร้อยละ 4.4 สูงกว่าร้อยละ 3.3 ในไตรมาสแรก เนื่องจากผลกระทบจากภัยแล้งต่อผลผลิตทางการเกษตรบรรเทาความรุนแรงลง ส่วนภาวะการท่องเที่ยวปรับตัวดีขึ้นจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เริ่มขยายตัว ทั้งนี้  การผลิตภาคอุตสาหกรรมก็ขยายตัวได้ดีขึ้น ขณะที่ภาวะการส่งออกปรับตัวดีขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและอิเล็กทรอนิกส์


                                    2548                             Q1                    Q2                    H1


เกษตร                                                               -7.9                  -2.3                  -5.4


นอกภาคเกษตร                                                    4.6                    5.0                    4.8


อุตสาหกรรม                                                        3.5                    6.4                    5.0


โรงแรมและภัตตาคาร                                            -2.0                  2.9                    0.5


(จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ)                                  -9.2                  1.9                    -4.1


บริการและอื่น ๆ                                                    7.4                    4.1                    5.0


GDP                                                                  3.3                    4.4                    3.9


 


ทั้งนี้  สศช.ให้ข้อมูลว่าโดยรวมในครึ่งปีแรกปีนี้ เศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ 3.9 ซึ่งดีกว่าการประมาณการจากแหล่งต่าง ๆ แม้เศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้นมาก (ราคาน้ำมันดิบดูไบครึ่งแรกของปี 2547 เฉลี่ย 31.4 ดอลลาร์ต่อบาเรล เพิ่มขึ้นเป็นเฉลี่ย 44.6 ดอลลาร์ต่อบาเรลครึ่งแรกปี 2548)  นอกจากนั้นยังมีภัยแล้ง ธรณีพิบัติภัยและความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เป็นปัจจัยลบต่อเศรษฐกิจ


 


นอกจากนี้   อัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงเป็นร้อยละ 3.3 ในครึ่งแรกของปี โดยเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 2.8 ในไตรมาสแรกและเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 3.7 ในไตรมาสที่ 2  ส่วนดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุล 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสแรกและขาดดุลมากขึ้นเป็น 4,710 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในไตรมาสที่ 2


 


อย่างไรก็ตาม  อัตราการว่างงานเฉลี่ย 6 เดือนยังอยู่ในระดับต่ำเท่ากับร้อยละ 2.3 และรายได้โดยรวมยังเพิ่มสูงขึ้น   โดย GDP ณ ราคาปีปัจจุบันในไตรมาสที่สองเท่ากับ 1,718 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.8 จาก 1,597 ล้านล้านบาทในไตรมาสที่ 2 ของปี 2547


 


ขณะที่  อุปสงค์ภายในประเทศเป็นส่วนประกอบสำคัญของการขยายตัวทางเศรษฐกิจในครึ่งแรก  โดยเฉพาะการใช้จ่ายและการลงทุนภาคเอกชนที่ขยายตัวได้ดีต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาสแรก โดยในไตรมาสแรกมีการใช้จ่ายและการลงทุนภาคเอกชนเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.6 และ 11.7 ตามลำดับ และในไตรมาสที่ 2 การขยายตัวทรงตัวอยู่ที่ร้อยละ 4.7 และ 12.3 ตามลำดับ


 


สำหรับการส่งออกมีแนวโน้มการปรับตัวดีขึ้น  โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้ากุ้งและไก่ที่ปัญหาคลี่คลายลง อีกทั้งราคาสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้นมาก เช่น ราคายางดิบชั้น 3 (F.O.B.)ซึ่งมีราคาเฉลี่ย 69.85 บาทต่อ กก. ในเดือน ก.. และ 66.72 บาท ในเดือน ส.. เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปี 2547 ร้อยละ 32.8 และ 29.2 ตามลำดับ การส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ กลับมาขยายตัวได้มากขึ้นจากการส่งออกในกลุ่ม disk drive และ hard disk  ในครึ่งแรกมูลค่าการส่งออกรวมในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐ  เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.4 แต่มูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้นมากถึงร้อยละ 31.2 จากการนำเข้าสินค้าในกลุ่มวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 31 สินค้าทุนร้อยละ 20.2 และหมวดน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นร้อยละ 80.0


 


แนวโน้มเศรษฐกิจในครึ่งหลังของปี 2548


จากข้อมูลของ สศช. ระบุว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจถึงจุดต่ำสุดในไตรมาสแรก และมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีขึ้นในครึ่งปีหลัง  เนื่องจาก  1) การส่งออกที่มีแนวโน้มดีขึ้นโดยเฉพาะการส่งออกในกลุ่มอาหาร สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ยางพารา และสินค้ากลุ่มอื่น ๆ ประเภทของใช้ในบ้าน สบู่ และเครื่องสำอาง 2) การบริหารการนำเข้าที่ประสิทธิภาพส่งผลให้การนำเข้าชะลอตัว ซึ่งในเดือนกรกฎาคม มูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.4 และ 3) การท่องเที่ยวฟื้นตัวมากขึ้นและทำให้ดุลบริการมีการเกินดุลต่อเนื่อง


 


นอกจากนั้น  ยังมีการดำเนินมาตรการเพื่อสร้างเสถียรภาพเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปี   ซึ่งจะเป็นมาตรการที่ช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจในครึ่งหลัง ที่สำคัญได้แก่ 1) การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบรัฐบาล     2) กองทุน SML 3) การเพิ่มค่าจ้างแรงงานและเงินเดือนข้าราชการ 4)การสนับสนุนการใช้  NGV การปล่อยลอยตัวราคาน้ำมันดีเซล และ 5)จัดศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน (Fix It Center) จำนวน 2,000 หมู่บ้าน ซึ่งจะช่วยประหยัดรายจ่ายการนำเข้า


 


อย่างไรก็ตาม  แนวโน้มทางด้านเศรษฐกิจยังมีปัจจัยเสี่ยง  และข้อจำกัดต่อเศรษฐกิจไทยที่ต้องระมัดระวังในช่วงครึ่งหลังของปี   ได้แก่


 


1. เศรษฐกิจโลกยังชะลอตัว โดยมีปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดและการขาดดุลการคลังของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่มีภาวะร้อนแรงอยู่ในปัจจุบันในหลายประเทศที่อาจจะมีการปรับตัวอย่างรุนแรงในช่วงปลายปีได้  ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวจะทำให้การส่งออกของไทยขยายตัวได้เพียงประมาณร้อยละ 15


 


2.ราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้นมากโดยเฉพาะภายหลังจากที่เฮอร์ริเคนแคทรินาได้สร้างความเสียหายแก่แท่นขุดเจาะน้ำมันในอ่าวเม็กซิโก โรงกลั่น และท่าเรือที่จะกระทบต่อการขนถ่ายน้ำมัน แม้ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะสามารถให้โรงกลั่นยืมน้ำมันดิบจากคลังสำรองยุทธศาสตร์มาใช้ได้บ้างก็ตาม ดังนั้น สศช. จึงปรับสมมติ ฐานน้ำมันดิบดูไบในช่วง 4 เดือนหลังของปีเป็น 60 ดอลลาร์ต่อบาเรล หรือราคาเฉลี่ยทั้งปีอยู่ในช่วง  50 - 55 ดอลลาร์ต่อบาเรล


 


3. การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในครึ่งหลังของปี จะทำให้แรงกระตุ้นของอัตราดอกเบี้ยต่อการใช้จ่ายและการลงทุนลดลงกว่าครึ่งปีแรก


 


4.น้ำแล้ง อาจจะมีผลกระทบไม่เฉพาะการผลิตภาคเกษตร แต่จะกระทบถึงภาคอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวบริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออกด้วย


 


5. การสะสมสินค้าคงคลัง ในครึ่งปีแรกมีมูลค่าสูงถึง 191,771 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.6 ของ GDP ซึ่งในส่วนของการสะสมวัตถุดิบจะช่วยให้การนำเข้าชะลอตัวในครึ่งหลังของปี แต่การสะสมสินค้าคงคลังในกลุ่มสินค้าสำเร็จรูปและกึ่งสำเร็จรูปซึ่งคาดว่าประมาณร้อยละ 40 ของมูลค่าสินค้าคงคลังทั้งหมดจะทำให้กิจกรรมการผลิตไม่ขยายตัวมากเท่ากับการใช้จ่ายที่คาดว่าจะกระเตื้องขึ้นในครึ่งหลังของปี


 


อย่างไรก็ตาม จากการทบทวนเงื่อนไขทางเศรษฐกิจทั้งที่เป็นบวกและลบ สศช. จึงได้ปรับประมาณการขยายตัวของเศรษฐกิจปี 2548 จาก ร้อยละ 4.5-5.5 เป็นร้อยละ 3.8-4.3 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในช่วงร้อยละ 4.0-4.4 และการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดประมาณร้อยละ 1.9-2.4 ของ GDP


                       


ประมาณการเศรษฐกิจปี 2548  ของสศช.










































































































 


ข้อมูลเบื้องต้น


ประมาณการ ปี 2548 ณ วันที่


2546


2547


7 มี..


6 มิ..


5 ..


GDP (ณ ราคาประจำปี : พันล้านบาท)


5,930.4


6,576.8


7,198.8


7,195.0


7,142.4


อัตราการขยายตัวของ GDP (ณ ราคา


คงที่, %)


6.9


6.1


5.5-6.5


4.5 - 5.5


3.8 - 4.3


การลงทุนรวม (ณ ราคาคงที่ , %)


11.9


14.4


15.6


11.9


11.0


การบริโภครวม (ณ ราคาคงที่,%)


5.8


5.4


5.7


5.1


4.9


มูลค่าการส่งออกสินค้า (พันล้านดอลลาร์ สรอ.)


78.1


96.1


110.3


111.1


105.5


อัตราการขยายตัว (%)


18.2


23.0


14.8


15.7


15.0


มูลค่าการนำเข้าสินค้า (พันล้านดอลลาร์ สรอ.)


74.3


94.4


113.4


116.1


118.2


อัตราการขยายตัว (%)


17.4


26.9


20.2


23.0


25.2


ดุลการค้า (พันล้านดอลลาร์ สรอ.)


3.8


1.7


-3.2


-4.9


-7.7


ดุลบัญชีเดินสะพัด (พันล้านดอลลาร์ สรอ.)


8.0


7.3


1.9


0.1


-3.2


ดุลบัญชีเดินสะพัดต่อ GDP (%)


5.6


4.5


1.0


0.1


-1.9


เงินเฟ้อ (%)


 


 


 


 


 


ดัชนีราคาผู้บริโภค


1.8


2.7


3.1


3.6


4.1


 


ที่มา : สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 5 กันยายน 2548

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net