ศูนย์ข่าวภาคเหนือ-7 ก.ย.48 แกนนำชาวแม่อายยังเชื่อมั่นศาลปกครองสูงสุดจะให้ความยุติธรรมแก่ชาวบ้าน แต่หากแพ้ พร้อมที่จะยื่นฟ้องกรณีสัญชาติเป็นรายบุคคล และรายครอบครัว โดยยึดแนวทางเดิม คือการได้สัญชาติคืนมาด้วยการพิสูจน์หลักฐานพยานบุคคล และยืนยันจะไม่ยื่นขอสัญชาติ ตามมาตรา 7 ทวิ
ตามที่ชาวบ้านแม่อาย ได้ร่วมกันยื่นฟ้องกรมการปกครอง และนายอำเภอแม่อาย จ.เชียงใหม่ ในความผิดฐานเป็นหน่วยงานรัฐ และเจ้าหน้าที่รัฐออกประกาศคำสั่งโดยมิชอบด้วยกฎหมาย สืบเนื่องจากกรณีที่นายอำเภอแม่อายออกประกาศลงวันที่ 5 ก.พ.45 ให้จำหน่ายชื่อชาวบ้าน อ.แม่อาย ออกจากทะเบียนบ้านโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และขอให้ศาลมีคำสั่งให้นายอำเภอแม่อายนำชื่อของตน และชาวแม่อายที่ถูกเพิกถอนสัญชาติไทยจำนวน 1,243 คน กลับเข้าไปอยู่ในทะเบียนบ้าน และคืนบัตรประชาชนให้นั้น
ล่าสุด โดยชาวบ้านแม่อายที่ถูกถอนสัญชาติทั้ง 1,243 คน พร้อมจะเหมารถบัสเดินทางไปที่ศาลปกครอง จ.เชียงใหม่ ในวันที่ 8 ก.ย.นี้ โดยศาลปกครองสูงสุดจะนัดฟังคำพิพากษาคำตัดสินคดีดังกล่าว
นายประเสริฐ กายทวน แกนนำชาวบ้านแม่อายที่ถูกถอดถอนสัญชาติ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว"ประชาไท" ว่า เมื่อวันที่ 3-4 ก.ย.ที่ผ่านมา ทางคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้ลงพื้นที่ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ เพื่อรับเรื่องราวปัญหาผลกระทบของชาวบ้านที่ถูกถอนสัญชาติทั้ง 1,243 คน ว่ามีความเดือดร้อนกันอย่างไร ซึ่งกรณีปัญหาเช่นนี้ หากใครไม่เจอด้วยตัวเอง ก็จะไม่รู้ว่าหนักหนาสาหัสเพียงใด
"ในวันนั้น ทางแกนนำชาวบ้านก็ได้พยายามหาทางแก้ไขปัญหากัน โดยมี รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร เป็นที่ปรึกษา ซึ่งตอนนี้กำลังอยู่ในระหว่างก้ำกึ่งกันอยู่ เนื่องจากต้องรอฟังคำตัดสินของศาลปกครองออกมาก่อนว่าผลคำพิพากษาจะเป็นไปในทางไหน " นายประเสริฐ กล่าว
นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า หากศาลตัดสินให้ชาวบ้านชนะ ทางแกนนำคงเข้าไปปรึกษากับทางอำเภอแม่อายว่า จะเร่งแก้ไขปัญหาในการเยียวยาชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างไรต่อไป แต่หากศาลตัดสินให้ประกาศของอำเภอแม่อาย เพิกถอนชื่อชาวบ้านออกจากทะเบียนราษฎรนั้น เป็นประกาศที่ชอบด้วยกฎหมาย ถ้าเป็นเช่นนั้น ชาวบ้านก็ต้องกลับมาพูดคุยกันใหม่ว่าจะทำอย่างไร โดยเฉพาะการยื่นคำร้อง จะต้องมีทิศทางที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่า หากชาวบ้านแพ้คดี ทางชาวบ้านจะดำเนินการอย่างไรต่อไป นายประเสริฐกล่าวว่า ชาวบ้านยังยืนยันที่จะยึดการต่อสู้ในแนวทางเดิม แต่จะต้องชัดเจนยิ่งขึ้น ทั้งนี้เนื่องจากปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นอยู่ที่ทางฝ่ายปกครองของอำเภอที่ไม่ยอมรับพยานบุคคล ซึ่งตามกระบวนการทางกฎหมาย ก็บอกชัดเจนว่า ไม่มีสิทธิที่จะถอดถอนสัญชาติของชาวบ้าน
ด้านนายพรหมมินทร์ อินทวิชัย แกนนำชาวบ้านอีกคนหนึ่ง กล่าวว่า ชาวบ้านที่เชื่อมั่นว่าตนเองมีหลักฐานชัดเจนว่า เป็นคนไทยร้อยเปอร์เซ็นต์คงไม่ยื่นคำร้องขอสัญชาติ ตามมาตรา 7 ทวิ หากศาลตัดสินให้ชาวบ้านแพ้คดี แต่ทั้งนี้คงต้องกลับมาหารือหาแนวทางกันใหม่
"ที่ผ่านมานั้น ชาวบ้านทุกคนได้ตั้งความหวังไว้สูงว่า จะต้องได้สัญชาติไทยคืนมา ซึ่งเป็นการต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่หากศาลตัดสินให้ชาวบ้านแพ้ ชาวบ้านก็คงกลับมาดำเนินการยื่นฟ้องกรณีสัญชาติกันต่อไป โดยจะยื่นคำร้องการฟ้อง แยกเป็นรายบุคคล หรือรายครอบครัวกันต่อไป" นายพรหมมินทร์ กล่าว
ในขณะที่ พระมหานิคม มหาพินิกขมโน ที่ปรึกษากลุ่มสิทธิชุมชน อ.แม่อาย เปิดเผยว่า กรณีหากชาวบ้านแพ้ ส่วนใหญ่ยังคงยืนยันที่จะยึดช่องทางการฟ้องร้องเหมือนเดิม เพราะทุกคนยืนยันว่าเป็นคนไทย หากจะให้ยื่นคำร้องตามมาตรา 7 ทวิ นั้น ก็อาจจะทำให้รู้สึกว่าขัดต่อความรู้สึก ว่าคุณจะต้องไปเป็นคนต่างด้าว ซึ่งส่วนใหญ่คงจะไม่ยอม
"แต่อาจจะมีชาวบ้านบางส่วน ที่คิดว่าถ้าการเรียกร้องต่อสู้ตามแนวทางเดิมนั้นช้าเกินไป อีกทั้งมีเอกสารพยานน้อย ก็อาจมีคนบางส่วนเลือกช่องทางนี้ ซึ่งจะต้องยอมรับว่าเป็นคนต่างด้าวและเริ่มต้นขอสัญชาติกันใหม่ และถ้าไม่คิดมากก็ไม่เป็นไร" ที่ปรึกษากลุ่มสิทธิชุมชน อ.แม่อาย กล่าว
อย่างไรก็ตาม แกนนำชาวบ้านแม่อาย ได้กล่าวอย่างมั่นใจว่า ยังเชื่อและมั่นใจในความยุติธรรมของศาลปกครองสูงสุดอยู่ ว่าจะยึดตามแนวทางการตัดสินของศาลปกครอง จ.เชียงใหม่ ที่ออกมาให้เพิกถอนคำสั่งของนายอำเภอแม่อาย เนื่องจากเห็นว่าเป็นการกระทำการไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ทั้งนี้ เวลา 14.00 น. ในวันที่ 8 ก.ย.นี้ ศาลปกครองสูงสุดจะนัดฟังคำพิพากษาคดี ที่ศาลปกครอง จ.เชียงใหม่ โดยชาวบ้านแม่อายที่ถูกถอนสัญชาติทั้ง 1,243 คน พร้อมจะเหมารถบัสเดินทางไปรอลุ้นฟังคำตัดสินชี้ขาดอีกครั้งว่าจะชนะหรือแพ้
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)