Skip to main content
sharethis

ศูนย์ข่าวภาคเหนือ-8  ก.ย.2548    ชาวบ้านแม่อายนับพันคนเฮ ก่อนร่ำไห้ด้วยความดีใจ  หลังคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดชี้ขาดให้คำสั่งเพิกถอนสัญชาติชาวบ้านแม่อายทั้ง  1,243 คนเป็นคำสั่งทางปกครองที่ออกโดยมิชอบด้วยกฎหมาย


 


เมื่อเวลา 14.00  น. ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 2  ศาลปกครองเชียงใหม่  ได้มีการอ่านคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด  กรณีที่ชาวบ้านแม่อาย ได้ยื่นฟ้องกรมการปกครอง เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จ.เชียงใหม่  เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2  และนายอำเภอแม่อาย  เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่  3   เรื่อง  คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครอง  หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย  ด้วยการประกาศให้จำหน่ายชื่อและรายการบุคคล รวม 1,243 คนและจำหน่ายออกจากทะเบียนนั้น 


 


ซึ่งศาลปกครองสูงสุดพิพากษาว่า การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ได้มีประกาศอำเภอแม่อาย ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2545 ให้จำหน่ายชื่อและรายการบุคคลรวม 1,243 คน ซึ่งรวมถึงผู้ฟ้องคดีออกจากทะเบียนบ้านนั้น เป็นการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ของรัฐในการออกคำสั่งอันมีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสถานภาพของสิทธิ หรือหน้าที่ของบุคคลเป็นการถาวร


 


ทำให้บุคคลดังกล่าวซึ่งเดิมเคยมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน  เคยมีบัตรประจำตัวประชาชนต้องถูกถอนชื่อออกจากทะเบียนบ้าน  ไม่มีสัญชาติไทยและต้องคืนบัตรประจำตัวประชาชนให้กับทางราชการ คำสั่งดังกล่าวจึงเป็นคำสั่งทางปกครองตามมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ..2539 เมื่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 มิได้แจ้งให้ผู้ฟ้องคดีทั้งหมด ซึ่งจะเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากประกาศดังกล่าวได้ทราบว่า จะต้องถูกเพิกถอนชื่อออกจากทะเบียนบ้าน จะต้องเปลี่ยนสถานะจากสัญชาติไทยไปเป็นชนกลุ่มน้อย ทำให้ผู้ฟ้องคดีไม่มีโอกาสได้โต้แย้งหรือแสดงพยานหลักฐานตามมาตรา ๓๐ แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ..2539


 


ประกาศของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ดังกล่าว จึงเป็นคำสั่งทางปกครองที่ออกโดยมิชอบด้วยกฎหมาย พิพากษาแก้คำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น เป็นให้เพิกถอนประกาศอำเภอแม่อาย ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2545 ทั้งฉบับ  และให้มีผลต่อผู้ถูกกระทบจากประกาศดังกล่าวทุกคน


 


หลังคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด  ชาวบ้านแม่อายที่อยู่ภายในและนอกศาลปกครองเชียงใหม่  ต่างปรบมือโห่ร้องแสดงความยินดี บางรายถึงสะอื้นร่ำไห้กับปัญหาที่อัดแน่นมานานกว่า 4  ปี



 


 


แม่เป็ง  น้อยใจ  อายุ  66  ปี  ชาวบ้านที่ถูกถอดสัญชาติอีกคนหนึ่ง  สะอื้นร่ำไห้บอกว่า ดีใจที่สุดในชีวิตที่ได้สัญชาติคืนมา  เพราะหลังจากถูกถอนสัญชาติ  ครอบครัวของตนทั้ง  9  คน   ต่างได้รับความเดือดร้อนกันหมด  แม้กระทั่งลูกๆ ที่กำลังเรียนหนังสือ  และลูกชายของตนที่ไปเป็นทหาร ก็ถูกไล่กลับมาอยู่บ้าน


 


นายเอกราช  จันดาวงษ์  ชาวบ้านแม่อาย  ถือธงชาติไทย  กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นคลอว่า  ดีใจที่มีวันนี้  เพราะตนเองถูกถอนสัญชาติมาตั้งแต่เป็นเด็กนักเรียน  ซึ่งเคยนึกน้อยเนื้อต่ำใจว่า  ทำไมเราเกิดในเมืองไทย  เป็นคนไทย แต่ว่าไม่เหมือนคนไทยคนอื่นๆ  จนไม่มีโอกาสเรียนหนังสือ  ต้องไปอยู่ป่าอยู่ดอย 


 


"เมื่อกลับไปถึงบ้าน  ตนจะบอกกับลูกๆ  ว่าเราเป็นคนไทยเหมือนเดิมแล้ว ไม่ต้องวิตกกังวลเหมือนที่ผ่านมา  และจะนั่งต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงและพระราชินี  ปฏิญาณตนว่า  จะขอเป็นคนดีที่สุดคนหนึ่ง  เพราะที่ผ่านมา  ตนไม่ได้ต้องการเงินทองอะไร  แต่ต้องการคนดีของประเทศ และเป็นคนไทยที่สมบูรณ์เหมือนคนทั่วๆ  ไป" นายเอกราช  กล่าว


 


ในขณะที่นายประเสริฐ  กายทวน  แกนนำชาวบ้านแม่อาย  กล่าวว่า  ตอนนี้ชีวิตของชาวบ้านเหมือนเกิดใหม่  หลังจากที่เหมือนกับว่าถูกหายไปจากสังคมมา 4  ปี  ตอนนี้จึงมีความดีใจสุดๆ  ที่ศาลได้พิพากษาความยุติธรรมให้แก่ชาวบ้านในครั้งนี้  และขอขอบคุณองค์กรหน่วยงานต่างๆ  ที่ได้ให้ความช่วยเหลือมาโดยตลอด  รวมทั้งสื่อมวลชนทั้งหลายที่ให้ความสำคัญกับปัญหาของชาวบ้านแม่อายมาอย่างต่อเนื่อง


 


"หลังจากนี้  ทางกลุ่มของชาวบ้านและแกนนำ จะไปนั่งประชุมพูดคุยสรุปชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2545  จนถึงตอนนี้ว่าเป็นอย่างไร  รวมทั้งผลการตัดสินคดีของศาลปกครองสูงสุด  และทางแกนนำก็คงจะไปพูดคุยกับทางอำเภอว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป" แกนนำชาวบ้าน กล่าวในตอนท้าย


 


ด้านนายวินิจ ล้ำเหลือ ประธานคณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชน ด้านชนเผ่า  ผู้ไร้สัญชาติ  ผู้พลัดถิ่น  และแรงงานต่างด้าว  สภาทนายความแห่งประเทศไทย  กล่าวว่า ประกาศดังกล่าวแม้จะถูกต้อง  แต่ส่งผลกระทบต่อสิทธิของชาวบ้าน ศาลจึงไม่เพียงแต่ยืนตามคำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น แต่ยังแก้คำพิพากษาให้มีผลครอบคลุมไปยังชาวบ้านถึง 1,243 คนด้วย


 


"ต่อจากนี้  ก็เป็นเรื่องที่ทางกรมการปกครองจะต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาทันที  ในส่วนของชาวบ้าน  หากกระบวนการแก้ไขมีความล่าช้าเกินไป  ก็สามารถที่ยื่นหนังสือให้ฝ่ายปกครองปฏิบัติตามคำพิพากษา  ส่วนจะมีการฟ้องร้องเพื่อเรียกค่าชดเชย  ค่าเสียหายหรือไม่นั้น  ทางสภาทนายความแห่งประเทศไทย ก็ได้ให้คำปรึกษาแก่ชาวบ้านไว้แล้ว  ซึ่งหลังจากนี้  ชาวบ้านก็คงจะมีการปรึกษาหารือกันอีกที" นายวินิจ  กล่าว


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net