พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งเพิ่งมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เป็นผู้บัญชาการทหารบก เป็นมุสลิมคนแรกที่รับตำแหน่งนี้ ให้สัมภาษณ์พิเศษกับบีบีซี จากที่ประชุมผู้บัญชาการทหารบกของอาเซียน ณ ประเทศบรูไน

พลเอกสนธิ บอกว่าที่ได้รับการแต่งตั้งคงไม่ใช่เป็นเพราะเป็นคนมุสลิม

"ผมคิดว่าคงไม่ใช่ปัจจัยหลักในการพิจารณาของผู้บังคับบัญชานะครับ ผมคิดว่าผมเป็นทหาร ที่เดินมาด้วยความเป็นทหารที่สมบูรณ์ ชีวิตส่วนใหญ่อยู่กับการทำงาน ปฎิบัติหน้าที่หนัก ๆ และประสบความสำเร็จมา"

ส่วนสถานการณ์ภาคใต้ พลเอกสนธิบอกว่า เป็นปัญหาที่มีเงื่อนไขซับซ้อนในหลายๆ เรื่อง ต้องดำเนินการแก้ไขร่วมกันในหลายๆ กรณี

"ความมั่นคงเรื่องเดียวคงไม่ใช่ มีเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องการศึกษา และเรื่องอื่น ๆ อีกมากมาย ที่ต้องมาร่วมกันคิดแก้ไข"

เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างทางการกับชาวบ้าน ที่หลายฝ่ายบอกว่า ต้องมีการส่งเสริมและทำความเข้าใจกันนั้น พลเอกสนธิบอกว่า

"ผมเองก็พยายามเสนอแนะหน่วยทหารต่างๆ ที่ลงไป แม้แต่ตำรวจ ต้องเรียนรู้ถึงวัฒนธรรมประเพณีและศาสนาของประชาชนให้ดี และตรงไหนที่เป็นกฎระเบียบที่เขากำหนดไว้ชัดเจน ก็อย่าไปฝืนเขา"

พลเอกสนธิ บอกว่า โดยภาพรวมประชาชนเข้าใจเจ้าหน้าที่รัฐ และต้องการให้ทหารตำรวจอยู่ในพื้นที่

"ผู้ก่อความไม่สงบก็มุ่งเน้นที่จะสร้างความหวาดกลัว แล้วตรงนี้ประชาชนก็รู้อยู่แก่ใจนะครับ แล้วก็อยากให้ทหารอยู่ใกล้ๆ แต่ความหวาดระแวง ก็คือ กลัวว่า ทหารจะไปอยู่สักพักก็ออกไป เขากลัวตรงนี้มากกว่า"

พลเอกสนธิบอกว่า ต้องมีการปรับเปลี่ยนกองทหารให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

"ตอนนี้เกิดช่องว่าง ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบ หวาดกลัว กลัวถูกทำร้าย ส่วนทหารเองก็เกิดช่องว่าง ทำให้ถูกลอบทำร้ายอยู่บ่อยๆ"

ว่าที่ผู้บัญชาการทหารบก บอกว่า ต้องทำความเข้าใจว่า ขบวนการผู้ก่อความไม่สงบ มีรากฐานมาจากตรงไหน เกิดได้อย่างไร มีโครงการเป็นอย่างไร

"ผมคิดว่าเป็นเรื่องของขบวนการ เพราะฉะนั้น ถ้าเราต้องเข้าไปทำงานตรงนี้แล้ว เราคงต้องเข้าไปเพื่อแยกขบวนการพวกนั้นออกมาจากประชาชน ถ้าทำได้ประชาชนก็จะอบอุ่นใจ"

ต่อคำถามที่ว่า จะยึดมั่นหลักสันติวิธีแค่ไหน พลเอกสนธิ กล่าวว่า

"ถ้าเข้าใจแล้ว ทุกอย่างจะแก้ได้หมด ถึงแม้เราจะเป็นทหารก็ตาม แต่เราเดินอยู่ภายใต้กรอบของการเมืองนำการทหาร….

ตรงนี้เป็นเรื่องความขัดแย้งกันด้านความคิด เพราะฉะนั้นต้องทำให้ทุกคนเข้าใจ ใช้วิธีการทางอื่นคงไม่ได้ การทหารคงเดินเคียงข้างไปกับการเมืองเท่านั้นเอง"