Skip to main content
sharethis

บ่ายวันที่ 13 กันยายน 2548 นายสุวโรจน์ พะลัง กรรมาธิการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร พร้อมเจ้าหน้าที่และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ประมาณ 15 คน ได้เดินทางไปยังสถานกักกันคนหลบหนีเข้าเมือง อำเภอตาเนาะแมเราะ รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย เพื่อดูความเป็นอยู่ชาวนราธิวาส 131 คน ที่เข้าไปขออพยพในมาเลเซีย


 


จากนั้น นายสุโข ภิรมย์นาม กงสุลประจำเมืองโกตาบารู บรรยายสรุปว่า ฝ่ายไทยไม่สามารถเข้าไปสอบสวนชาวนราธิวาสทั้ง 131 คน ทุกอย่างดำเนินการโดยมาเลเซียกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยสหประชาชาติ ทางกระทรวงต่างประเทศของไทย ได้พบตัวแทนชาวนราธิวาสมุสลิม 4 คน เพียง 10 นาที คนเหล่านั้นยืนยันว่า ต้องการลี้ภัยในมาเลเซีย จากการตรวจสอบรายชื่อที่มาเลเซียนำมามอบให้ ไม่พบชื่อของแนวร่วมที่มีหมายจับ เช่น นายมือเยาะ สะอุ อดีตผู้ใหญ่บ้านตำบลโต๊ะเด็ง อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส ที่มีค่าหัว 500,000 บาท จากการเข้าไปดูสถานที่กักกันพบว่า ทั้ง 131 คน มีความเป็นอยู่ดีมาก มีการแบ่งกลุ่มชาย - หญิง ไม่ให้ปะปนกัน อาการการกินสมบูรณ์


 


จากนั้น คณะกรรมาธิการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ได้เดินทางเข้าเยี่ยม ดาโต๊ะนิ อาซิ มุขมนตรีของรัฐกลันตัน ที่ทำการรัฐกลันตัน ดาโต๊ะนิ อาซิ กล่าวถึงปัญหาการขอลี้ภัยของทั้ง 131 คนว่า ขณะนี้เป็นอำนาจชี้ขาดของรัฐบาลกลางมาเลเซีย ตนเชื่อว่าสาเหตุที่ทำให้คนไทยมุสลิมในจังหวัดนราธิวาสขอลี้ภัย มาจากการบังคับใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ของรัฐบาลไทย ทำให้เกิดความกดดันและหวาดกลัว ตนจึงคิดว่า ถ้ารัฐบาลไทย เลิกใช้กฎหมายฉบับนี้ เหตุการณ์น่าจะดีขึ้น

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net