ประชาไท - 16 ก.ย. 48 ดร.
"กฎหมายปี 2530 ไม่อนุญาตให้ประชาชนทำวิทยุ แต่กฎหมายรัฐธรรมนูญคุ้มครองสิทธิของประชาชน ซึ่งกลไกต่างๆ ทำให้ กทช. ต้องตกเป็นจำเลย เพราะความชอบธรรมมีเพียงแค่ครึ่งเดียว ดังนั้นวิทยุชุมชนต้องประกาศจุดยืนทั่วประเทศเพื่อให้รับรู้ว่ากรมประชาสัมพันธ์ ต้องการทำอะไร เพราะการให้เข้าไปอยู่ภายใต้การดูแลของรัฐบาล หรือของกรมประชาสัมพันธ์ก็คือการละเมิดสิทธิอันชอบธรรมที่ประชาชนมีภายใต้รัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้วิทยุชุมชนจะปิดตัวชั่วคราว 30-45 วัน เพื่อให้องค์กรทำหน้าที่สรรหา กสช. ทำหน้าที่ให้แล้วเสร็จ หากเสร็จไม่ทันตามเวลา ก็ต้องปิดตัวเองเช่นกัน" ดร.เจษฎ์ กล่าว
ดร.เจษฎ์ ยังตั้งคำถามกับ ดร.กณพ เกตุชาติ ผู้แทนของนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ว่า กทช.และรัฐบาลยึดถือกฎหมายตัวใดที่จะไปจับวิทยุชุมชน เพราะมีกฎหมาย 2 ฉบับที่ต่างกันอยู่ ซึ่งก็ยังได้คำตอบที่ไม่ชัดเจน
ขณะที่ นาย
สำหรับปัญหาการรบกวนนั้น เกิดจากได้รับการร้องเรียนจากนักบินที่ได้รับผลกระทบ และเมื่อไปตรวจสอบก็พบว่ามีคลื่นรบกวนจริงๆ จึงต้องทำหนังสือเตือน และสั่งปิด แต่ระดับการรบกวนจะทำให้เป็นอันตราย หรือมีผลต่อความปลอดภัยหรือไม่ ยังไม่มีข้อมูล" นายมนัส กล่าว
ขณะที่นาย
ด้าน น.พ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ ประธานคณะกรรมาธิการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวปิดเวทีการไต่สวนสาธารณะ โดยยืนยันว่า กรมประชาสัมพันธ์ และ กทช. ไม่มีสิทธิที่จะใช้อำนาจสั่งปิดวิทยุชุมชน เพราะเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน นอกจากนี้สิ่งที่รัฐบาลควรต้องเร่งดำเนินการคือสร้างเวทีการหารือ การเรียนรู้ร่วมกัน และแยกความแตกต่างให้ชัดเจนระหว่างวิทยุชุมชนกับวิทยุภาคประกอบการ และต้องเป็นการทำงานที่โปร่งใส ตรวจสอบได้
ส่วนในการประชุมวันที่ 21 ก.ย.ที่กรมประชาสัมพันธ์จะจัดหารือนั้น ควรจะได้ข้อสรุปให้ตั้งคณะกรรมการไตรภาคี (ภาครัฐ, นักวิชาการ และประชาชน) เพื่อต่อยอดเวทีในแต่ละประเด็นปัญหา เช่น เทคนิค ประเภทการประกอบการ และขอให้เป็นความเห็นจากผู้แทนที่เป็นตัวจริง ที่สามารถสะท้อนปัญหาได้จริง น.พ.นิรันดร์ กล่าว