Skip to main content
sharethis

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 19 กันยายน 2548 18:21 น.



 



       "หมอประเวศ" เตือนบ้านเมืองเกิด "กลียุค" หากสื่อถูกครอบงำ ถูกจำกัดเสรีภาพ ประชาชนถูกปิดบังไม่ได้รับรู้ความจริง เตือนรัฐบาลกำลังทำบาปมหันต์โหมด้านการตลาดบิดเบือนทำให้คนเข้าใจผิดถือเป็นอันตราย ระบุทุนไร้คุณธรรมใช้อำนาจเงินเด็ดยอดซื้อสิ่งที่คนอื่นสร้างมาด้วยความเหนื่อยยาก เรียกร้องทุกฝ่ายในสังคมสร้างกฎกติกาพัฒนาคุณภาพและให้สื่อมีอิสระอย่างแท้จริง


      


       วันนี้ (19 ก.ย.) นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส ให้สัมภาษณ์ กับสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยถึงเรื่องการครอบงำสื่อว่า ในสังคมใดก็ตาม หากมีการปิดกั้นไม่ให้คนในสังคมได้รู้ความรู้ความจริง หรือสื่อไม่มีเสรีภาพ ก็จะทำให้การแก้ปัญหาไม่มีทางประสบความสำเร็จและถือว่าเป็นอันตรายมาก


      


       "หลักใหญ่ของสังคม ที่ต้องพิจารณาในเรื่องสื่อ ก็คือ ในเวลานี้จะเห็นว่าสังคมซับซ้อนมาก เจอปัญหายากๆ ซึ่งทำอะไรก็จะไม่สำเร็จ ดูได้จากประเทศฟิลิปปินส์ ที่ประธานาธิบดี อาคีโน ขึ้นสู่ตำแหน่ง โดยมีประชาชนให้การสนับสนุนจำนวนมาก แต่ก็ปรากฏว่าทำอะไรก็ไม่สำเร็จ แต่การจะแก้ไขปัญหาอะไรที่ยากๆ ซึ่งเป็นปัญหาของโครงสร้างที่ซับซ้อน จะต้องทำโดยให้คนได้รู้ความจริง ถ้าคนไม่รู้ความจริง ก็จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาอะไรได้ เพราะฉะนั้นต้องทำให้คนไทยรู้ความจริงโดยทั่วถึงกัน แล้วจะแก้ปัญหาได้" นพ.ประเวศ ระบุ


      


       อย่างไรก็ดี ราษฎรอาวุโส กล่าวว่า เรื่องเหล่านี้ต้องอาศัยพลังทาง สังคม เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะฝ่ายวิชาการ สื่อมวลชน ฯลฯ จะต้องร่วมกันผลักดันความจริง ทำอะไรต้องอาศัยฐานความจริง เพราะ ถ้ารู้ผิดเพี้ยน มันจะทำไม่สำเร็จ


      


       นพ.ประเวศได้ยกตัวอย่างเปรียบเทียบว่า การทำอะไรต้องอาศัยความจริงจึงจะสำเร็จ เหมือนคนยิงจรวดก็ต้องอาศัยความจริง ไม่ว่าจะเป็นการคำนวณแรงโน้มถ่วง แรงดึงดูด ฯลฯ เรื่องใหญ่ของสังคมคือ ต้องทำให้สังคมรู้ถึงความจริงแล้วสภาวะต่างๆจะดีขึ้น การสร้างภาพหรือสื่อที่ไม่มีเสรีภาพ ไม่มีคุณภาพ จะเป็นอันตรายมาก


      


       "อมาตยา เซ็น ผู้เคยได้รับรางวัลโนเบล ก็เคยเปรียบเทียบให้เห็นว่า เศรษฐกิจของจีน ดีกว่าอินเดีย แต่ที่อินเดีย ไม่มีคนอดตาย เพราะว่า สื่อมวลชนมีเสรีภาพ เพราะฉะนั้นจึงสื่อได้ว่า ที่ไหนมีปัญหารัฐบาลก็ตามไปแก้ไข ถ้าปิดจะเป็นอันตราย ถึงเศรษฐกิจดี แต่ประชาชนก็อาจจะอดตายได้" นพ.ประเวศกล่าว และว่า เสรีภาพของสื่อมวลชนจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ


      


       "ครั้งนี้นายทุนจะยึดสื่อ ตรงนี้ ผมคิดว่าเป็นทุนที่ไม่ศิวิไลซ์ ไม่เจริญ เพราะเข้าไปเด็ดยอด ในงานที่คนอื่นสร้างมา ตัวอย่างเช่นเดียวกันนี้เคยเกิดขึ้นกับเรื่องกล้วยไม้ไทย อาจารย์ระพี สาคริก และชาวสวนไทยนับหมื่นคน ได้ช่วยกันพัฒนาพันธุ์กล้วยไม้ของเรามาหลายสิบปี จนสามารถส่งออกกล้วยไม้ได้ แต่วันหนึ่งทุนต่างประเทศก็บอกว่าจะเอาทุนมา 3 หมื่นล้าน เพื่อซื้อสิ่งนี้แล้ว ไม่ให้คนอื่นทำ เด็ดเอายอดที่อาจารย์ระพีและคนไทยทั้ง


       หลายที่ได้สร้างกันมา เป็นสิ่งที่มีคุณค่าไป" นพ.ประเวศกล่าว


      


       ราษฎรอาวุโสยังกล่าวเปรียบเทียบถึงกรณีการแพทย์แผนไทย ที่สมเด็จพระบรมราชชนก และใครก็ต่อใครก็ได้ช่วยกันให้การแพทย์แผนไทยมีคุณภาพ แต่พอมีคุณภาพ ทุนก็จะมาซื้ออีก มาซื้อโรงพยาบาลเอกชน เพื่อดึงให้คนต่างประเทศมาใช้บริการมากๆ เพื่อที่ตัวเองจะได้เงิน เมื่อแพทย์ ถูกดึงเข้าระบบนี้ คนยากจนก็ไม่มีคนดูแล แม้คนต่างประเทศจะพอใจ เพราะราคาการรักษาพยาบาลที่ไทยจะถูกกว่าลอนดอน แต่เป็นการเอาทุนมาเด็ดเอายอดการลงแรงของคน ที่ทำมา สร้างมา ซึ่งพวกนี้มีทุนแต่ไม่มีความดี


      


       "คนไทยต้องรู้ว่า สื่อก็เหมืนกัน บางกอกโพสต์ และมติชน กว่าที่เขาจะสร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมา เขาต้องศึกษา ต้องเรียนรู้ว่าจะบริการจัดการอย่างไร ถึงจะมีคุณภาพ ถึงจะดี ซึ่งเป็นเรื่องดี ไม่ใช่ว่าใครจะมีเงิน 5,000 ล้านแล้ว อยากออกหนังสือพิมพ์ก็ทำได้ แต่กว่าจะสร้างคนให้มีคุณค่า ต้องลงแรงมาต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคม ไม่ใช่ทำอะไรก็ได้ หลอกให้ประชาชน สาธารณชนเข้าใจผิด ทำการตลาดโดยหลอกลวงคน ให้เข้าใจผิด ซึ่งผมคิดว่าถ้าทำแบบนั้น มันเป็นบาป บาปมาก การทำให้คนเข้าใจผิดนี้เป็นบาป"


      


       นพ.ประเวศ กล่าวว่า ในทางตรงข้ามการส่งเสริมให้สังคมได้เข้าใจความจริงโดยทั่วถึงต่างหาก จึงเป็นบุญ การทำการตลาดของรัฐบาล ทำให้คนเข้าใจผิด หรือการสร้างเหตุการณ์เพื่อดึงความสนใจของคนออกจากบางเรื่อง ทำให้เสียหาย ทำให้คนไม่เข้าถึงความจริงเหล่านี้เป็นบาป


      


       "ผมว่าทุนต้องพัฒนาไปสู่ ทุนที่มีศีลธรรม ไม่ใช่อยากจะสื่ออะไรก็ได้ ลงทุนอะไรก็ได้ ทุกวันนี้สังคมเราแย่ เพราะเราใช้เงินซื้ออะไรก็ได้ ลงทุนอะไรก็ได้ ในขณะที่ทุกศาสนาสอนให้ตั้งคำถาม ความดีคืออะไร ความจริงคืออะไร แต่ขณะนี้คนทั่วไปถูกชักจูงให้คิดว่า ทำอะไรถึงจะรวย เพราะฉะนั้น การขายเด็ก ขายผู้หญิง ทำลายสิ่งแวดล้อม คอร์รัปชั่น ทำธุรกิจโดยไม่คำนึ่งส่วนรวม ฯลฯ จึงเกิดขึ้น บ้านเมืองเราเป็นเช่นนี้ เพราะเราตั้งคำถามว่าทำอะไรจะรวย ถ้าตั้งคำถามกันแบบนี้เราจะถึงกลียุค"


      


       นพ.ประเวศ กล่าวว่า เราต้องตั้งคำถามว่า ความดี ความจริง คืออะไร แล้วเราจะเห็นว่า ความเพียร เมตตา กรุณา ฯลฯ เป็นความดี จะมาทำธุรกิจ แบบทำอย่างไรถึงจะรวย มาเด็ดยอดเอาของเขาแบบนี้ มันเป็นเรื่องไม่ศิวิไลซ์เป็นเรื่องป่าเถื่อน ถึงมีเงินก็จะไปครอบงำเขาไม่ได้ได้ จะเสื่อมเสียมาก ทำให้สังคมเกิดกลียุค มากขึ้นขึ้น คนทั้งประเทศต้องเข้าสู่ความจริง เพื่อจะได้เข้าถึงความดี


      


       ราษฎรอาวุโสเรียกร้องให้ประชาชน นักวิชาการ สื่อมวลชน ต้องช่วยกัน ดูว่าทำอย่างไรสื่อทั้งหมดจึงจะอิสระ และมีคุณภาพ ต้องดูว่าความเป็นเจ้าของควรจะเป็นอย่างไร ควรจะมีคนคนเดียวเป็นเจ้าของหรือไม่ ต้องดูว่าควรจะมีกฎกติกา ในการป้องกันการผูกขาดอย่างไร ซึ่งต้องดูลงในรายละเอียดทั้งหมด รวมทั้งความเป็น อิสระ จะต้องมีหลักประกันความเป็นอิสระของกองบรรณาธิการ เมื่อผู้สื่อข่าวสื่อความจริง จะได้ไม่ถูกปลด


      


       นพ.ประเวศ เห็นว่า สังคมต้องมีศีลธรรม หมายถึงว่าการอยู่ร่วมกันอย่างถูกต้อง การอยู่ร่วมกันมีองค์ประกอบมากมาย ไม่ว่าฝ่ายการเมือง ราชการ ธุรกิจ เราต้องเอาการอยู่ร่วมกันเป็นที่ตั้ง ต้องอยู่ร่วมกันอย่างสันติและยั่งยืน และต้องมีการเรียนรู้ และต้องมีการอิสระก่อน ไม่เช่นนั้นจะเรียนรู้ไม่ได้ แล้ววิกฤติจะเกิดขึ้น อย่างที่บอกคือ สื่อมวลชนบวกประชาชน เท่ากับสถาบันสังคม ถ้าทำให้สถาบันสังคมแข็งแรงเท่ากับ ศีลธรรมก็จะแข็งแรง ผมอยากเห็นประชาชนสนใจเรื่องนี้ และสนใจในเรื่องอิสรภาพของสื่อ และทำระบบสื่อให้ดี คำว่าระบบสื่อไม่ได้หมายถึงนักข่าวและกองบรรณาธิการเท่านั้น แต่หมายถึงคนรับสื่อด้วย


      


       นพ.ประเวศ กล่าวว่า สังคม ได้เรียนรู้เรื่องมติชน แต่อย่าลืมเรื่องบางกอกโพสต์ คนไทยอาจจะอ่านภาษาอังกฤษน้อย แต่สิ่งที่บางกอกโพสต์ทำนั้น ได้สื่อออกไปทั่วโลกซึ่งบางเรื่องรัฐบาลก็ไม่พอใจ เรื่องนี้ปฏิกิริยาเห็นได้ชัด เช่น "สื่อต่างประเทศฉบับหนึ่ง" เราต้องเข้าใจว่า สิ่งที่บางกอกโพสต์สื่อไปทั่วโลก เขาจึงอยากเข้าไปครอบงำ เพราะฉะนั้นต้องช่วยกันดูที่บางกอกโพสต์ด้วย 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net