Skip to main content
sharethis

ศูนย์ข่าวอิศรา-ชาวบ้านหมู่ 7 บ้านตันหยงลิมอร์ ต.ตันหยงลิมอร์ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส กักตัวทหารนาวิกโยธิน 2 คน ไว้ในมัสยิดภายในหมู่บ้าน เนื่องจากสงสัยว่า อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ ยิงถล่มร้านน้ำชาในหมู่บ้าน จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน และบาดเจ็บอีก 4 คน ตั้งแต่ช่วงค่ำวันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา กว่า 20 ชั่วโมงที่ทุกฝ่ายพยายามเจรจา ขอให้มีการปล่อยตัวทหารทั้งสอง แต่ในที่สุดก็ถูกกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งเจ้าหน้าที่ระบุว่าเป็นมือที่สาม รุมทำร้ายจนเสียชีวิตทั้งสองนาย


          เมื่อเวลา 20.30 น.คืนวันที่ 20 กันยายน คนร้ายจำนวนหนึ่งนั่งรถกระบะเข้ามากราดยิงร้านน้ำชากลางหมู่บ้าน ทำให้มีผู้เสียชีวิตทันที 2 คน และบาดเจ็บสาหัส 4 คน หลังเกิดเหตุเพียงเล็กน้อยเรือโทวินัย นาคบุตร และ จ.อ.กำพล ทองผา นาวิกโยธินสังกัดค่ายจุฬาภรณ์ 5  ซึ่งรักษาการณ์ประจำอยู่ที่โครงการพระราชดำริ บ้านตันหยงลิมอ ขับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล เข้าไปในหมู่บ้าน และรถเสียใกล้บริเวณที่เกิดเหตุ ชาวบ้านจึงเข้าล้อมและควบคุมตัวไว้ โดยค้นพบอาวุธปืน เอ็ม 16 จำนวน 1 กระบอก และ ปืนพกสั้น 9 มม. จำนวน 1 กระบอก ทำให้ชาวบ้านเข้าใจว่าเจ้าหน้าที่ทั้งสองอาจจะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงควบคุมตัวไว้ที่ศาลาอเนกประสงค์กลางหมู่บ้านจนถึงเช้า


        ขณะที่กลุ่มชาวบ้านควบคุมตัวทหารทั้งสองนายอยู่นั้น กำลังเจ้าหน้าที่ทั้งทหารและตำรวจ ได้เคลื่อนกำลังเข้าไปเพื่อตรวจสอบที่เกิดเหตุ แต่เมื่อทราบว่าทหารทั้งสองนายถูกชาวบ้านควบคุมตัวไว้ จึงรอดูท่าทีและไม่ได้เข้าไปในหมู่บ้าน โดยขอให้นายนัจมุดดีน อูมา อดีตส.ส.นราธิวาสพรรคไทยรักไทย เป็นตัวกลางเจรจากับกลุ่มชาวบ้าน โดยตรึงกำลังไว้บริเวณรอบๆ หมู่บ้านตลอดทั้งคืน


        ต่อมาเวลา 6.00 น. นายประชา เตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส และนายนัจมุดดีน อูมา อดีตส.ส.นราธิวาส พรรคไทยรักไทย ได้เข้ามาในพื้นที่เพื่อขอเจรจากับชาวบ้าน ซึ่งในช่วงแรกการเจรจามีแนวโน้มค่อนข้างดี ชาวบ้านเชื่อว่าคนร้ายไม่ใช่ทหารที่ควบคุมตัวไว้ แต่ยังคงเชื่อว่าทหารทั้งสองอาจเป็นพวกเดียวกันกับคนร้าย


         นายประชา เปิดเผยภายหลังว่า ชาวบ้านมีท่าทีอ่อนลง และขอให้เขาประสานงานให้สื่อมวลชนเข้ามารายงานข่าวที่เกิดขึ้นเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด จึงประสานงานให้นักข่าวจากสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 และ ช่อง 9 เข้ามาในพื้นที่


        เวลาประมาณ 7.00 น. นักข่าวโทรทัศน์จากทั้ง 2 ช่องเดินทางมาถึง ชาวบ้านบางส่วนกลับไม่ยอมให้เข้าไปทำข่าวในหมู่บ้าน แต่กลับเรียกร้องให้สื่อต่างประเทศเข้ามารายงานแทน


        หลังจากนั้น เวลาประมาณ 8.00 น. นายประชาจึงเดินทางกลับ เพื่อเตรียมรับเสด็จ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี ที่เสด็จพระราชดำเนินมาเปิดงานของดีเมืองนราฯ โดยเปลี่ยนให้ พล.ต.พิเชษฐ์ พิสัยจร รองแม่ทัพภาคที่ 4  นายอำเภอตันหยงมัส และ น.อ.ไตรขวัญ ไกรฤกษ์ ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจที่ 3 เข้ามาเจรจาต่อ ในขณะที่ฝ่ายชาวบ้านเรียกร้องให้สื่อมวลชนมาเลเซียเท่านั้นที่สามารถเข้ามารายงานข่าวได้


      ในเวลาเดียวกัน มีกลุ่มชาวบ้านส่วนหนึ่งได้นำท่อนไม้ขนาดใหญ่มาขวางกั้นการจราจร โดยปิดถนนทางเข้าออกหมู่บ้านเพื่อไม่ให้รถของเจ้าหน้าที่เข้าสู่หมู่บ้านได้ ถัดมาอีกประมาณ 100 เมตร บริเวณสะพานไอ้แดง ชาวบ้านได้นำเต็นท์มาตั้งพร้อมกั้นเชือกสีเหลือง โดยภายในเต็นท์ประกอบด้วยชาวบ้านซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงที่คลุมฮิญาบ และเด็กทั้งหญิงและชายราว 100 คน พร้อมทั้งตรึงป้ายผ้า 2 ผืน ซึ่งเขียนด้วยภาษาไทยและภาษามาลายูอักษรรูมาไนซ์อย่างละผืน โดยมีข้อความว่า "พวกก่อการร้าย ที่แท้ก็แกนี่เอง" และ "ทักษิณทำผิด ก่อการร้ายเกิดขึ้นมาก ตั้งแต่ใช้ พรก."


        เวลา 09.00 น. พล.ต.พงษ์ศักดิ์  อินทรวงศ์ศักดิ์ เลขาธิการกองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กอ.สสส.จชต.) แถลงข่าวที่ศาลากลาง จ.ยะลา เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เมื่อเวลา 20.30 น.คืนวานนี้ มีคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวนขับรถกระบะไม่ทราบยี่ห้อและป้ายทะเบียนผ่านเข้ามากราดยิงร้านน้ำชาบริเวณข้างมัสยิดประจำหมู่บ้านตันหยงลิมอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ด้วยอาวุธสงครามที่คาดว่าเป็นชนิด เอเค 47 (อาก้าร์)  ทำให้มีผู้บาดเจ็บทันที 5 คน โดยในจำนวนนี้มีผู้บาดเจ็บสาหัส 2 คน และต่อมาเสียชีวิต 1 ราย หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ทหารที่อยู่บริเวณใกล้เคียงได้รับการติดต่อประสานงานเพื่อช่วยลำเลียงผู้บาดเจ็บไปโรงพยาบาล


        เลขาฯกอ.สสส.จชต. กล่าวว่า ในช่วงเวลาเดียวกัน ชาวบ้านในหมู่บ้านได้เคาะสัญญาณเตือนภัยว่ามีเหตุร้ายเกิดขึ้น ทำให้เจ้าหน้าที่ที่อยู่ในพื้นที่รู้สึกว่าไม่ปลอดภัยจึงตัดสินใจถอนกำลังออกจากหมู่บ้าน รวมทั้งเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ 2 นายจากค่ายจุฬาภรณ์ 5 ซึ่งจอดรถเก๋งไว้บริเวณที่เกิดเหตุและกำลังเดินกลับมาที่รถ จึงถูกชาวบ้านเข้าล้อมและคุมตัวไว้โดยเข้าใจว่าเป็นผู้ก่อเหตุกราดยิงร้านน้ำชา


        "ในเบื้องต้นแม่ทัพภาคที่ 4 ได้ประสานให้ผู้ว่าราชการและนายอำเภอระแงะเข้าติดต่อให้ชาวบ้านปล่อยตัว แต่การควบคุมตัวยังคงดำเนินตั้งแต่เมื่อคืนนี้จนถึงเช้า นอกจากนี้ นายนัจมุดดีน อูมา อดีต สส.พรรคไทยรักไทย ยังได้เข้าประสานงานกับผู้นำชุมชนเพื่อทำความเข้าใจว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้เป็นผู้ก่อเหตุดังกล่าว แต่ชาวบ้านก็ยังคงไม่ปล่อยตัว ในขณะนี้ยังอยู่ในช่วงการเจรจากับชาวบ้านเพื่อให้มีการปล่อยตัว" พล.ต.พงษ์ศักดิ์ กล่าว


         เลขาฯ กอ.สสส.จชต. กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นความเข้าใจผิดของชาวบ้าน ด้วยกระแสข่าวลือที่ระบุว่าเหตุร้ายต่างๆ เป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ เนื่องจากชาวบ้านมีความหวาดระแวงและเชื่อถือข่าวลือ และยังเรียกร้องให้ชาวบ้านมีสติที่จะคิดและทำ การที่ใช้กฎหมู่มาจัดการกับเจ้าหน้าที่หรือผู้บริสุทธิ์ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง


      "การดำเนินการหลังจากนี้ขอให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ในการสืบสวนว่าใครเป็นผู้ที่กระทำผิดในครั้งนี้" พล.ต.พงษ์ศักดิ์กล่าว


       เวลา 10.00 น. เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจยังคงตรึงกำลังไว้บริเวณถนนทางเข้าหมู่บ้าน ในขณะที่นักข่าวไทยเริ่มทยอยกันมาถึง และเริ่มเข้าไปพูดคุยกับชาวบ้าน แต่กลับถูกชาวบ้านโห่ไล่และยืนยันว่าจะไม่ให้นักข่าวไทยเข้าไปทำข่าว ยกเว้นนักข่าวมาเลเซีย จากนั้นไม่นาน นายนัจมุดดีน อูมา ซึ่งเข้าไปเจรจาร่วมกับผู้ว่าฯ นราธิวาสก่อนหน้านี้ ได้เดินออกมาจากหมู่บ้านพร้อมชูปลอกกระสุนปืนอาร์ก้า 2 ปลอก ซึ่งชาวบ้านอ้างว่าพบในที่เกิดเหตุและเชื่อว่าเป็นของฝ่ายเจ้าหน้าที่ โดยนายนัจมุดดีน ระบุกับชาวบ้านข้างนอกว่าจะหาคนกลางเข้ามาพิสูจน์กระสุนปืนดังกล่าวร่วมกับชาวบ้านเพื่อความโปร่งใส นอกจากนี้นายนัจมุดดีนยังนำ พล.ต.พิเชษฐ์ เข้าไปร่วมเจรจากับชาวบ้าน


       เวลา 10.30 น. มีเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจราว 6 คน เดินข้ามท่อนไม้มุ่งหน้าไปยังเต็นท์ที่ชุมนุมของชาวบ้าน แต่กลับถูกโห่ไล่ ทำให้สถานการณ์ตกอยู่ในความตึงเครียดจนเกือบเกิดเหตุจลาจล อย่างไรก็ตาม น.อ.ไตรขวัญ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทั้งหมดถอยกำลังมาตั้งหลักหลังท่อนไม้ทันที เหตุการณ์จึงยุติลง


      เวลา 11.50 น. นายนัจมุดดีน เดินออกมาจากหมู่บ้าน นายนัจมุดดีน กล่าวว่า ชาวบ้านต้องการให้นักข่าวมาเลเซียเข้ามารายงานข่าวเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นๆ เข้าใจหมดแล้ว  สำหรับทหาร 2


     นายนัจมุดดีน ยังกล่าวต่อว่า สถานการณ์ไม่ได้ตรึงเครียดอย่างที่คิด เพราะว่าเมื่อคืนขณะที่คุมตัวทหารทั้งสองนายไว้ได้นั้น มีวัยรุ่นใจร้อนในหมู่บ้านที่มีท่าทีจะเข้ามาเจอตัวและอาจทำร้ายทหาร แต่ผู้หญิงในหมู่บ้านกันไว้ ทำให้ทหารทั้งสองคนปลอดภัย ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่มีเจตนาจะทำร้ายเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด


      ส่วนประเด็นเรื่องปลอกกระสุนปืน นายนัจมุดดีน ระบุว่า ตอนนี้กำลังประสานให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นหน่วยงานกลางเข้ามาตรวจสอบโดยเร็วว่าเป็นกระสุนที่ปืนจากที่ไหน ทั้งนี้ ชาวบ้านได้ลดความกังวลในประเด็นนี้ลงไปมาก เนื่องจากเป็นกระสุนปืนที่แตกต่างกับอาวุธปืนที่ยึดได้จากเจ้าหน้าที่ทั้งสองนาย


      เวลา 12.15 น. มีนักข่าวจากสำนักข่าวเอเอฟพี 3 คน เข้ามาทำข่าวและพยายามเข้ามาพูดคุยกับชาวบ้านที่เต็นท์ และได้รับการตอบรับอย่างดีจากชาวบ้าน


       เวลา 13.25 น. เกิดเหตุชุลมุนเล็กน้อย เมื่อมีข่าวว่ามีคนเห็นชายที่แต่งตัวในชุดทหารวิ่งเข้ามาทางหลังหมู่บ้าน ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับมีการอาซานหรือการประกาศเวลาละหมาด ทำให้มีชาวบ้านหลายคนวิ่งไปมาระหว่างหมู่บ้านกับเต็นท์ซึ่งห่างกันอยู่ราว 200 เมตร ด้านสื่อมวลชนไทยที่หลบร้อนอยู่ตามสุมทุมพุ่มไม้ก็กรูเข้าไปบริเวณเต็นท์เพื่อถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทำให้หญิงชาวบ้านที่ชุมนุมอยู่ในเต็นท์โห่ไล่นักข่าวออกมา จนเหตุการณ์เริ่มสงบลง


        ทั้งนี้ในระหว่างการชุลมุนในเต็นท์ซึ่งส่วนใหญ่มีแต่ผู้หญิงและเด็ก กลับมีชายคนหนึ่งอายุราว 30 ต้นๆ ร่างผอม สวมแว่นสายตา แต่งตัวด้วยเสื้อยืดคอปก กางเกงสีทหาร อยู่บริเวณด้านหน้าของที่ชุมนุม คอยพูดปลุกปลอบผู้ชุมนุมอยู่ตลอดเวลา


         เวลา 13.35 น. พ.อ.(พิเศษ) อภิไธย สว่างภพ ผู้อำนวยการกองกิจการพลเรือน กองทัพภาคที่ 4 ส่วนหน้า ได้เดินทางมาถึงที่ชุมนุม พร้อมแจ้งให้ชาวบ้านที่ชุมนุมอยู่ในเต็นท์ทราบว่าได้ส่งเครื่องเฮลิคอปเตอร์ไปรับนักข่าวมาเลเซีย 6 คนจากด่านศุลกากรสุไหงโก-ลกแล้ว อีกสักพักจะนำมาลงจอดที่หมู่บ้านตันหยงลิมอตามที่ชาวบ้านเรียกร้อง


          เวลา 14.20 น. เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอ.ระแงะ ที่เข้าไปเป็นตัวแทนเจรจากับกลุ่มชาวบ้านภายในหมู่บ้าน เดินออกมารายงานแก่พล.ต.พิเชษฐ์ และพ.อ.อภิไธย ที่ด้านหน้าหมู่บ้านว่า มีกลุ่มวัยรุ่นได้เข้าไปทำร้ายร่างกายทหารทั้งสองนายที่ถูกควบคุมอยู่ภายในอาคารอเนกประสงค์ในหมู่บ้าน เมื่อมีคนเห็นและส่งเสียงโวยวายขึ้นวัยรุ่นกลุ่มนี้ได้หลบหนีไป


         ต่อมาพ.อ.(พิเศษ) อภิไธย จึงประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงให้กำลังเจ้าหน้าที่และผู้สื่อข่าวที่อยู่บริเวณด้านหน้าเต็นท์ ถอยห่างออกมาประมาณ 100 เมตร โดยประกาศว่าฝ่ายเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ขณะนี้สถานการณ์ตึงเครียดมาก พร้อมกันนั้นได้สั่งให้นำท่อนไม้ที่ขวางทางอยู่ออกไป เพื่อให้รถยนต์เข้าไปได้ถึงบริเวณด้านหน้าเต็น


       ต่อมาพล.ต.พิเชษฐ์ ขึ้นนั่งด้านหลังรถกระบะคันหนึ่งแล่นไปจอดด้านหน้าเต็นท์ มีการเจรจาอยู่ครู่หนึ่ง กลุ่มผู้หญิงและเด็กที่ขวางถนนอยู่ จึงเปิดทางให้รถของรองแม่ทัพภาคที่ 4 แล่นเข้าไปในเขตหมู่บ้าน พร้อมกันนั้นกลุ่มผู้หญิงและเด็กดังกล่าวก็เดินตามรถของรองแม่ทัพภาคที่ 4 เข้าไปภายในหมู่บ้าน


       เวลา 14.45 น. กลุ่มผู้สื่อข่าวมาเลเซียจากหนังสือพิมพ์บริตา ฮารียัน  อูตูซาน มาเลเซีย  นิวส์ สเตรทไทม์  และสำนักข่าวเบอร์นามา จำนวน 6 คน เดินโดยเฮลิคอปเตอร์ จากชายแดนด้านอ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส มาถึงบ้านตันหยงลิมอร์  แต่ก่อนที่นักข่าวทั้งหมดจะเข้าไปภายในหมู่บ้านนั้น นายมะซูดิง วามะ เลขานุการสำนักงานพรรคประชาธิปัตย์ เขต 3 จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวแทนที่เข้าไปเจรจากับกลุ่มชาวบ้านก็เดินออกมา พร้อมทั้งเปิดเผยว่า ทหารทั้ง 2 นาน เสียชีวิตแล้ว


      "ทหารทั้งสองนายสวมกางเกงขาสั้น ใส่เสื้อยืด สภาพศพถูกมัดมือไพล่หลัง ถูกแทงหลายแผล จนไส้ไหล" นายมะซูดิง เล่าให้กลุ่มผู้สื่อข่าวที่รออยู่ด้านหน้าหมู่บ้านได้รับทราบ


      ต่อมาเวลา 15.00 น.รถกระบะของพล.ต.พิเชษฐ์  แล่นออกมาจากหมู่บ้าน โดยกระบะด้านหลังมีศพของทหารทั้งสองนาย มีเสื่อคลุมเอาไว้ รถแล่นฝ่ากลุ่มผู้สื่อข่าวและช่างภาพที่พยายามเข้าไปบันทึกภาพ จากนั้นแล่นตรงไปยังโรงพยาบาลระแงะ เพื่อตรวจชันสูตรศพ


       ขณะเดียวกันกลุ่มผู้สื่อข่าวพยายามที่จะเข้าไปภายในหมู่บ้าน แต่พ.อ.(พิเศษ) อภิไธย ได้ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงเตือนว่า "อย่าเดินเข้าไป นี่คือคำสั่ง หากเกิดเสียงปืนดังขึ้นทุกคนต้องรับผิดชอบกันเอง ทหารจะไม่รับผิดชอบ" ทำให้กลุ่มสื่อมวลชนพากันถอยออกมา


       พ.อ.(พิเศษ) อภิไธยกล่าวว่า  ยืนยันว่าทหารทั้งสองนายเสียชีวิตแล้ว ถือเป็นเหตุการณ์ที่น่าเศร้า เพราะความเข้าใจผิด ซึ่งอันตรายกว่าการหลงผิด ขอยืนยันว่าชาวบ้านไม่ปรารถนาให้เกิดเหตุเช่นนี้ แต่มีมือที่สามเป็นกลุ่มวัยรุ่นไม่รู้ว่ามาจากไหน บุกเข้าไปทำร้ายจนตาย ทุกคนไม่ประสงค์ให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ซึ่งกองทัพภาคที่ 4 จะพยายามแก้ปัญหานี้ต่อไป


      ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวอิศรา ที่เกาะติดสถานการณ์อยู่บริเวณด้านหน้าหมู่บ้านรายงานว่า หลังคำเตือนของพ.อ.(พิเศษ) อภิชัย กลุ่มผู้สื่อข่าวจึงพากันทยอยเดินทางออกนอกพื้นที่หมู่บ้าน ส่วนฝ่ายเจ้าหน้าที่ยังคงตรึงกำลังอยู่รอบๆ หมู่บ้าน ระหว่างทางที่ผู้สื่อข่าวเดินทางออกมานั้น พบว่ามีการเสริมกำลังรถหุ้มเกราะ และกำลังทหารเข้าไปยังพื้นที่อีกหลายคัน

ที่มา: http://www.tjanews.org/cms/index.php?option=com_content&task=view&id=133&Itemid=58

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net