Skip to main content
sharethis

พระไพศาล วิสาโล คณะกรรมการอิสระเพื่อสมานฉันท์แห่งชาติ(กอส.) ใหสัมภาษณ์ภายหลังกลับจากการสำรวจพื้นที่ ต.ตันหยงลิมอร์ วันนี้(21 ก.ย.) ว่า ได้ไปพูดคุยกับทางเจ้าหน้าที่นาวิกโยธินที่เข้าไปตรวจ สอบพื้นที่เกิดเหตุการณ์สังหารนาวิกโยธิน 2 นายแล้ว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ฯ สันนิษฐานว่า กลุ่มผู้ลงมือสังหารอาจจะเป็นคนที่มาจากที่อื่น และอาศัยสถานการณ์ความวุ่นวายดังกล่าวกระทำการ


 


ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ทหารฯ พบว่า ประตูศาลาที่คุมขังเจ้าหน้าที่ทหารทั้ง 2 คน มีร่องรอยของการงัด ไม่น่าจะใช้กุญแจไข และคาดว่าน่าจะเสียชีวิตตั้งแต่เวลาประมาณ  11.00 น. ช่วงก่อนการละหมาด


 


นอกจากนี้ ยังพบหลักฐานการประกอบอาหาร กลางถนนในหมู่บ้าน ซึ่งไม่น่าจะเป็นของคนในพื้นที่เพราะสามารถทำที่บ้านได้ อีกทั้งบ้านเรือนอยู่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุและที่ชุมนุมของชาวบ้านนัก ดังนั้นร่องรอยดังกล่าวน่าจะเป็นของกลุ่มบุคคลจากภายนอก


 


พระไพศาลกล่าวว่า เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความไม่ไว้วางใจกันและกันระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐ กับคนในพื้นที่ เนื่องจากวันที่นาวิกโยธินทั้งสองนายถูกคุมตัว ก็ใส่ชุดพลเรือน แต่มีอาวุธปืน จึงทำให้ชาวบ้านไม่ไว้วางใจ


 


แต่อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านก็มีข้อถกเถียงกันว่ากลุ่มที่กราดยิงใส่ร้านน้ำชาชาวบ้านก่อนหน้านี้ไม่ใช่ สองคนที่เสียชีวิต เพราะรถที่สองคนขับเป็นรถเก๋ง แต่พยานแวดล้อมกล่าวว่ากลุ่มที่กราดยิงใส่ชาวบ้านเป็นรถกระบะ


 


พระไพศาล ให้สัมภาษณ์ "ศูนย์ข่าวอิศรา" บ่ายวันเดียว (21 ก.ย.)ว่า  เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่น่าเสียใจ เชื่อว่าสังคมไทยทุกส่วนคงร่วมเสียใจกับเหตุที่เกิดขึ้น แต่ขณะเดียวกันเราก็ต้องช่วยกันหาทางป้องกันไม่ให้เกิดกรณีเช่นนี้ขึ้นอีก ไม่ว่าจะเกิดกับทหารหรือประชาชนก็ตาม เท่าที่ได้เข้าไปดูในพื้นที่มา ฝ่ายทหาร ตำรวจได้พยายามเจรจาด้วยความอดกลั้น ไม่ได้ใช้วิธีการจะเข้าไปชิงตัวประกัน หากแต่พยายามทุกวิถีทางทำตามข้อเรียกร้องแล้ว ไม่ว่าจะให้ผู้สื่อข่าวไทย หรือต่างประเทศ และใครต่อใครมาช่วยเจรจา ซึ่งไม่น่าจะลงเอยแบบนี้


 


"อาตมาขอวิงวอนว่าการสืบสวนสอบสวนหาตัวคนร้ายหลังจากนี้ไปควรจะเป็นไปด้วยความระมัด ระวังและกระทำด้วยความรอบคอบ อย่าเหวี่ยงแห ไม่เช่นนั้นจะเกิดความรุนแรงมากขึ้นอีก ทหารได้ทำดีที่สุดแล้ว เพราะถ้าจู่โจมก็จะสูญเสีย ไม่อยากให้กรณีนี้ นำไปสู่ข้อสรุปว่า ต่อไปนี้ไม่ต้องไม่การเจรจาหรือต้องใช้กำลังชิงตัวประกันให้ได้เร็วที่สุด" กรรมการกอส.ระบุ


 


พระไพศาล กล่าวต่อว่า เจ้าหน้าที่ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดก็คงเสียใจที่ไม่สามารถจะช่วยเพื่อนเจ้าหน้าที่ได้ ทั้งที่อยู่ห่างกันไม่ถึง 50 เมตร แต่อย่าให้กรณีนี้นำไปสู่ข้อสรุปว่า ต่อไปนี้ต้องชิงตัวประกันเท่านั้น แน่นอนว่าเราทุกคนก็เสียใจ แต่ถ้าเราสรุปว่า ต่อไปต้องชิงตัวประกันเท่านั้น ก็จะเกิดความเสียหายมากว่านี้ ตัวประกันอาจจะรอด แต่ผู้คนซึ่งมีทั้งรู้เรื่องไม่รู้ราวก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย


 


"อาตมาว่า ทางเจ้าหน้าที่ทำถูกแล้วที่พยายามใช้ความอดกลั้นซึ่งก็ต้องพยายามต่อไปแต่ก็ต้องหาตัวคนทำผิดมาลงโทษให้ได้ อาตมาอยากให้ทุกคนได้ใช้สติ ถ้าเราใช้สติก็จะตระหนักว่า ถ้าใช้ความรุนแรงเราอาจจะสูญเสียมากกว่านี้ จะเกิดผลเสียมากมายตามมา"


 


ภาค4 งัด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กุมสภาพพื้นที่


 


พล.ท. ขวัญชาติ กล้าหาญ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า การกระทำที่ ต.ตันหยงลิมอ เป็นการกระทำอย่างมีขั้นตอน ซึ่งฝ่ายทหารและเจ้าหน้าที่รัฐพยายามไม่ใช้ความรุนแรง แต่ฝ่ายผู้ก่อการพยายามยั่วยุเพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าปราบปราม ทั้งนี้ ฝ่ายก่อการได้ใช้วิธีม็อบกำแพงมนุษย์ โดยให้เด็กและผู้หญิงกันเจ้าหน้าที่ หากใช้ความรุนแรงสลายม็อบก็จะเกิดผลกระทบตามมา


 


อย่างไรก็ตาม เมื่อใช้แผนยุให้สลายม็อบดังกล่าวไม่สำเร็จ จึงใช้ปรับแผนด้วยการปล่อยข่าวลือใน ช่วง เวลาละหมาด ประมาณ 14.00 น. ทำให้กลุ่มชาวบ้านที่เคร่งในศาสนา เช่นผู้อาวุโสในหมู่บ้านไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และมอบกุญแจที่กักตัวสองนาวิกโยธินไว้กับกลุ่มวัยรุ่น ทำให้เปิดประตูให้เข้าไปทำร้ายสองนาวิกฯ ได้


 


นอกจากนี้ แม่ทัพภาคที่ 4 ยังกล่าวต่อว่า ต่อไปจะใช้มาตรการที่เข้มขึ้น โดยจะนำอำนาจในพระราชกำหนดการบริหารราชการในภาวะฉุกเฉินมาใช้ แต่ยืนยันว่าจะใช้ให้น้อยที่สุด เพราะใช้วิธีสันติไม่ได้ผล โดยในเฉพาะหน้า ได้สั่งตรวจสอบในทางลัพธ์แล้วหลายด้าน ทั้งภาพถ่ายทางอากาศคอยติดตามเพื่อติดตามตัวในการนำมาดำเนินคดี ทั้งนี้ หมู่บ้านดังกล่าวเป็นพื้นที่สีแดง ที่มีระดับแกนนำและผู้บริหารการก่อการร้ายหลายคน


 


ด้านนาย นัจมุดดีน อูมา อดีตส.ส.ภาคใต้ กลุ่มวาดะห์ กล่าวว่า การก่อการครั้งนี้ใช้รูปแบบอย่างชาญฉลาด คือเป็นม็อบที่ไม่มีแกนนำ และแยกกันเป็นหลายจุด ทำให้การเจรจาทำได้ยาก เพราะตองเข้าไปหาทุกจุด รวมทั้งถ่วงเวลาด้วยการเรียกร้องให้สื่อมาเลเซียเป็นผู้ทำข่าว สุดท้ายจึงมีทีมไอ้โม่งเข้าไปสังหาร 2 นาวิกโยธิน


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net