Skip to main content
sharethis




ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ เป็นประเด็นสนใจในสายตาสังคมโลกอีกครั้ง เมื่อเกิดวิกฤตการณ์ ที่หมู่บ้านตันหยงลิมอ



 


เมื่อทหารนาวิกโยธิน 2 นาย ถูกกลุ่มบุคคลที่ยังไม่ทราบฝ่าย ทำร้ายจนเสียชีวิต หลังชาวบ้านกักตัวทหารทั้งสองไว้นานร่วม 20 ชั่วโมง เนื่องจากสงสัยว่าทั้งสอง อาจเกี่ยวข้องกับการยิงถล่มร้านน้ำชาในหมู่บ้านจนทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย


 


เป็นวิกฤตการณ์ที่น่าเป็นห่วงยิ่งว่า จะก่อให้เกิดผลสะเทือนใดตามมาอีก !


 


แม้ฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐหน่วยต่างๆ ที่เข้าไปดำเนินการคลี่คลายสถานการณ์ ด้วยการเจรจาขอให้ชาวบ้านปล่อยตัวทหารทั้งสอง จะดำเนินการไปด้วยท่าทีละมุนละม่อม ยึดแนวทางสันติวิธี 


 


แต่เมื่อผลลัพธ์ที่ออกมากลายเป็นความสูญเสีย ปฏิกิริยา ท่าทีของผู้นำฝ่ายต่างๆ เริ่มส่อแววถึงการใช้มาตร


การที่แข็งกร้าว !


 


โดยเฉพาะท่าทีของผู้นำรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่แม้จะพูดถึงการดำเนินการตามกรอบของกฎหมายอย่างเข้มงวดเพื่อนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ


 


คำพูดของนายกรัฐมนตรีที่ว่า "จะไม่ยอมให้ทหารทั้งสองนายตายฟรี ต้องดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด" อาจทำให้เกิดความหวาดกลัว ถึงการใช้อำนาจตามพรก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน


 


กรณีคนไทย 131 คน อพยพเข้าไปยังรัฐกลันตัน เมื่อช่วง 2 สัปดาห์ก่อนหน้านี้ ถือเป็นบทเรียนที่รัฐบาลจะต้องระมัดระวังถึงท่าทีการแสดงออกต่างๆ


 


แม้กระทั่งถึงขณะนี้ จะยังไม่มีข้อสรุป และคำตอบที่ชัดเจน ว่าอะไรคือสาเหตุที่ผลักดันคนไทยทั้ง 131 คนให้อพยพย้ายถิ่นฐาน


 


แต่สายตาของสังคมโลกที่จ้องมองปัญหาที่ชายแดนภาคใต้ของไทย เป็นสายตาที่เพ่งมองไปยังเรื่องสิทธิมนุษยชน


 


เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องทบทวน และใช้ความรอบคอบ ในการแสดงออกถึงท่าทีต่างๆ ให้มากกว่านี้


 


ไม่นานก่อนหน้านี้ เว็บไซต์ของพรรคปาส  (www.parti-pas.org) พรรคการเมืองฝ่ายค้านในประเทศมาเลเซีย ซึ่งกุมเสียงข้างมาก ในรัฐกลันตัน ได้เผยแพร่คำปราศรัยของ ฮะยี โมฮัมหมัด ฮาบู รองประธานพรรคปาส ซึ่งกล่าวปราศรัยที่บริเวณด้านหน้าสถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงกัวลาลัมเปอร์ ขณะประท้วงเรื่อง 131 คนไทย ที่อพยพเข้าไปในรัฐกลันตันว่า ประชาธิปไตยในไทยเริ่มเสื่อมโทรมลง และ มีการแสดงความเป็นห่วงจากทั้งนอกประเทศและในประเทศ


 


คำปราศรัยของของรองประธานพรรคปาส พุ่งตรงไปยังผู้นำรัฐบาลไทย ซึ่งเว็บไซต์ของปาส ตั้งชื่อหัวเรื่องคำปราศรัยนี้ว่า "ทักษิณทำให้ไทยเสียหายในสายตาโลก"


 


คำปราศรัยของฮะยี โมฮัมหมัด ฮาบู ระบุว่า ถึงแม้ว่าไทยจะเปลี่ยนระบบการปกครองในทางประชาธิปไตยและ เคารพสิทธิมนุษยชนในช่วงที่ผ่านมา  แต่การปกครองโดยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีทำให้ถูกมองแง่ลบลง 


 


"ในฐานะประชาชนมาเลเซีย เราเคารพเพื่อนบ้าน และ ไม่ต้องการก้าวก่ายเรื่องภายในของไทย แต่อะไรที่ทำให้มีการกดขี่เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เราต้องปกป้อง เช่น การฆ่ากันที่อัฟกานิสถาน การรุกรานอเมริกาของอิรัก หรือ การกดขี่ของอิสราเอลต่อชาวปาเลสไตน์ ขณะนี้สิ่งที่เกิดในภาคใต้ของไทย เราเห็นชาวบ้านโดยเฉพาะผู้นับถืออิสลาม ถูกกดขี่สาหัส แม้แต่ครูสอนศาสนายังถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยม" 


 


เขาบอกอีกว่า ในสถานการณ์ดังกล่าว รัฐบาลไทยไม่มีแนวทางแก้ปัญหาเพื่อคุ้มครองประชาชน ถึงแม้ประชา ชนเหล่านั้นจะมีสิทธิเท่าเทียมกับคนไทยอื่นๆ ที่อาศัยในจังหวัดชายแดนใต้  เขาได้ทราบว่ามีคนถูกจับโดยไม่ได้สอบสวนสืบสวนและถูกฆ่าอยู่ตลอดเวลา  ซึ่งความอยุติธรรมหรือความกดดันเหล่านั้นเป็นสาเหตุที่ประชาชนเหล่านั้น ต้องอพยพจากไทยสู่มาเลเซีย เพื่อรักษาชีวิตของตัวเอง


 


"หากพวกเขาอพยพก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขาได้รับการกดขี่จากรัฐบาล" และกล่าวว่า ปาสไม่อาจอยู่เฉยได้ ถึงแม้ว่าจะไม่เข้าไปก้าวก่ายในเรื่องภายในประเทศอื่น แต่บนพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ด้วยกัน พรรคปาสจะให้ความช่วยเหลือกับประชาชนในสามจังหวัดชายแดนใต้ที่รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยในฐานะคนมาเลเซียผู้นับถือศาสนาอิสลาม ซึ่งต้องเข้าช่วยเหลือบนพื้นฐานนี้ 


 


เขาบอกว่าในฐานะเป็นคนมาเลเซียจะต่อต้านรัฐบาลทักษิณบนพื้นฐานว่า เป็นผู้กดขี่



ขณะเดียวกัน เขาเรียกร้องให้รัฐบาลมาเลเซีย โดยผ่านอาเซียนติดต่อกับรัฐบาลไทยในการแก้ปัญหาสามจังหวัดภาคใต้ นอกจากนั้นมาเลเซียซึ่งจะเป็นประธานในการประชุมมุสลิมโลก หรือโอไอซี ที่จะจัดขึ้นในช่วงเดือนตุลาคมนี้ ควรจะทำหน้าที่ปกป้องมุสลิมสามจังหวัดภาคใต้ให้พ้นจากความรุนแรงด้วย...


 


...นี่คือท่าทีของพรรคการเมืองซึ่งครองอำนาจในรัฐบาลท้องถิ่นประเทศเพื่อนบ้าน ที่มีส่วนสำคัญในการสร้างความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหา


 


เป็นท่าทีซึ่งผู้นำรัฐบาลไทยควรตระหนัก ก่อนจะแสดงท่าทีใดๆ ซึ่งอาจจะกระหน่ำซ้ำเติมให้ปัญหาที่เผชิญอยู่หนักหนาสาหัสขึ้นไปอีก


 


ศูนย์ข่าวอิศรา สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net