รายงานการรวบรวมข้อมูลเหตุการณ์ความรุนแรงในภาคใต้ เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2547 บริเวณหน่วยบริการประชาชน อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา(คัดย่อจากรายงานจริงทั้งหมด 21 หน้า)
ความเป็นมา
เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2547 ได้มีข่าวปรากฏตามสื่อต่าง ๆ ว่า มีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งก่อความไม่สงบ บุกเข้าทำร้ายเจ้าหน้าที่ของรัฐ และทำลายทรัพย์สินของทางราชการ โดยได้ดำเนินการพร้อมกัน ในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ สงขลา ปัตตานี และยะลา ซึ่งในเหตุการณ์ดังกล่าว ทั้ง 2 ฝ่าย ได้ต่อสู้ปะทะกันอย่างรุนแรง มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
จากเหตุการณ์ปะทะกันดังกล่าว ในหลายจุดที่เกิดเหตุมีความชัดเจนในการมุ่งทำร้ายทำลายชีวิตและทรัพย์สินของทางราชการ และในบางกรณีได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการมาดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วเช่น กรณีกรือเซ๊ะ เป็นต้น
แต่จากการลงพื้นที่ของคณะอนุกรรมการรวบรวมข้อมูลกรณีเหตุการณ์รุนแรงในภาคใต้ ได้รับข้อมูลแตกต่างกับที่ปรากฏในสื่อมวลชนเกี่ยวกับเหตุการณ์ปะทะกัน ณ บริเวณหน่วยบริการประชาชนอำเภอสะบ้าย้อย ตำบลธารคีรี อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ซึ่งมีผู้ก่อความไม่สงบเสียชีวิต จำนวน 19 คน ส่วนใหญ่เป็นเยาวชน บางคนอยู่ในวัยเรียน เป็นนักกีฬา และกลุ่มเยาวชนดังกล่าวชอบช่วยเหลืองานด้านศาสนา ในเหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้ให้ข้อมูลว่า กลุ่มเยาวชนดังกล่าวได้ยอมจำนนแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจควรจะดำเนินการจับกุมและสืบสวนสอบสวน เพื่อให้ได้ข้อมูล ข้อเท็จจริง และไม่น่าจะใช้วิธีการรุนแรงจนกระทั่งกลุ่มเยาวชนเสียชีวิตเกือบทั้งหมด ประกอบกับขณะนี้ พนักงานอัยการจังหวัดสงขลา ได้ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดสงขลา ว่า กลุ่มเยาวชนดังกล่าวได้ยิงต่อสู้กับเจ้าพนักงานตำรวจ และได้ถูกเจ้าพนักงานตำรวจ ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติราชการตามหน้าที่ใช้อาวุธปืนยิงเพื่อป้องกันตัว เป็นเหตุให้กลุ่มเยาวชนดังกล่าวถึงแก่ความตายในที่เกิดเหตุ พนักงานอัยการจังหวัดสงขลาจึงขอให้ศาลได้ทำการไต่สวนและมีคำสั่งว่าผู้ตายคือใคร ตายที่ไหน และถึงเหตุและพฤติการณ์ที่ตาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 ต่อไป
คณะอนุกรรมการรวบรวมข้อมูลกรณีเหตุการณ์รุนแรงในภาคใต้เห็นว่า กรณีการปะทะกัน ณ บริเวณหน่วยบริการประชาชนอำเภอสะบ้าย้อย ตำบลธารคีรี อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ซึ่งมี
ผู้เสียชีวิต จำนวน 19 คน สมควรที่จะได้มีการรวบรวมข้อมูล เพื่อนำมาพิจารณาว่า ในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการกระทำการอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือไม่ อย่างไร
ข้อมูลเกี่ยวกับผู้เสียชีวิต
จากสถานการณ์วันที่ 28 เมษายน 2547 เวลาประมาณ 05.20 น. ได้มีกลุ่มคนประมาณ 20 กว่าคน ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะเข้าโจมตีจุดตรวจบริการประชาชน บริเวณตลาดสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้อาวุธปืนยิงสกัดและมีการยิงตอบโต้ระหว่างกัน มีผู้เสียชีวิต จำนวน 19 คน คือ
1) นายยะยา มะหิงตะ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7/3 หมู่ 2 ตำบลธารคีรี อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา (เสียชีวิตในร้านอาหารสวยนะ สาเหตุการเสียชีวิต กระสุนทะลุหัวใจ)
2) นายสามิต โสะปนแอ อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6/1 หมู่ 2 ตำบลธารคีรี อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา (เสียชีวิตในร้านอาหารสวยนะ สาเหตุการเสียชีวิต ถูกยิงตาย และพบสารกัญชาในปัสสาวะ )
3) นายบาซอรี ดาหายอ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15/1 หมู่ 2 ตำบลธารคีรี อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา (เสียชีวิตในร้านอาหารสวยนะ สาเหตุการเสียชีวิต บาดแผลกระสุนทะลุหัวใจ)
4) นายรอมัน ลือไมติง อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33/2 หมู่ 2 ตำบลธารคีรี อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา (เสียชีวิตในร้านอาหารสวยนะ สาเหตุการเสียชีวิต ถูกยิงตาย)
5) นายนิรุพ เระสะอะ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4/1 หมู่ 2 ตำบลธารคีรี อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา (เสียชีวิตในร้านอาหารสวยนะ สาเหตุการเสียชีวิต ถูกยิงตาย)
๖) นายมักตา หอมาเมาะ อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17/2 หมู่ 2 ตำบลธารคีรี อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา (เสียชีวิตในร้านอาหารสวยนะ สาหตุการเสียชีวิต กระสุนเจาะสมอง)
7) นายมะลายิ อาบูตัดสา อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 13/2 หมู่ 2 ตำบลธารคีรี อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา (เสียชีวิตในร้านอาหารสวยนะ สาเหตุการเสียชีวิต ถูกยิงตาย)
8) นายสะรอนิง กาลอ อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 32/1 หมู่ 2 ตำบลธารคีรี อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา (เสียชีวิตในร้านอาหารสวยนะ สาเหตุการเสียชีวิต ถูกยิงตาย)
9) นายสามิ สุปุแอ อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6/1 หมู่ 2 ตำบลธารคีรี อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา
10) นายสาระภู หยงมะเกะ อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33 หมู่ 2 ตำบลธารคีรี อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา (เสียชีวิตในร้านอาหารสวยนะ สาเหตุการเสียชีวิต ถูกยิงตาย)
11) นายมารอนิง หยงมะเกะ อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33 หมู่ 2 ตำบลธารคีรี อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา (เสียชีวิตในร้านอาหารสวยนะ สาเหตุการเสียชีวิต กระสุนเจาหัวใจ)
12) นายอับดุลราชิต มันปูเตะ อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 64/1 หมู่ 4 ตำบลธารคีรี อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ( เสียชีวิตในร้านอาหารสวยนะ สาเหตุการเสียชีวิต ถูกยิงตาย)
13) นายอับดุลฮาเล็ม ลือมูซอ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37 หมู่ 2 ตำบลธารคีรี อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา (เสียชีวิตในร้านอาหารสวยนะ สาเหตุการเสียชีวิต ตกเลือดในสมอง)
14) นายอุสมาน สาและ อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12/3 หมู่ 2 ตำบลธารคีรี อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา (เสียชีวิตในร้านอาหารสวยนะ สาเหตุการเสียชีวิต กระสุนเจาะหัวใจ)
15)นายฮามิ เลาะปุสา อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31/1 หมู่ 2 ตำบลธารคีรี อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา (เสียชีวิตในร้านอาหารสวยนะ สาเหตุการเสียชีวิต กระสุนเจาะขั้วหัวใจ)
16)นายดือเระ ดือราแม อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 213 หมู่ 2 ตำบลร่มไทร อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส (เสียชีวิตในร้านอาหารสวยนะ สาเหตุการเสียชีวิต ถูกยิงตาย)
17).นายกามารูดิง แมพรมมี อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31 หมู่ 2 ตำบลธารคีรี อำเภอสะบ้าย้อย (เสียชีวิตบริเวณข้างบ้านพักครู สาเหตุการเสียชีวิต กระสุนปืนทำลายก้านสมอง)
18) นายซาการียา หัดขะเจ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31 หมู่ 2 ตำบลธารคีรี อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา (เสียชีวิตข้างหน่วยบริการประชาชนอำเภอสะบ้าย้อย สาเหตุการเสียชีวิต ตกเลือดในสมองจากการบาดเจ็บจากกระสุน)
19) นายสมศักดิ์ บังสมาน อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33/3 หมู่ 2 ตำบลธารคีรี อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา (เสียชีวิตที่ข้างหน่วยบริการประชาชนอำเภอสะบ้าย้อย สาเหตุการเสียชีวิต ถูกยิงตาย)
การรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปะทะกัน
ในพื้นที่ตำบลธารคีรี อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา เป็นพื้นที่ที่มีความขัดแย้งในเรื่องการรับสัมปทานเหมือแร่ลิกไนต์ตั้งแต่เมื่อประมาณ 10 กว่าปีมาแล้ว โดยเป็นการต่อสู้ระหว่างกลุ่มชาวบ้านที่ไม่เห็นด้วยกับการทำเหมืองกับผู้รับสัมปทาน ชาวบ้านได้มีการรวมตัวกันและขยายขอบเขตการต่อสู้ออกไปเป็นขบวนการอนุรักษ์ธรรมชาติ เพื่อต่อสู้ในเรื่องสัมปทานป่าไม้ มีการทำงานที่ต่อเนื่องและมีการสร้างกลุ่มเยาวชนเพื่อสืบทอดภารกิจด้วย ปัจจุบันความขัดแย้งในเรื่องดังกล่าวทวีความรุนแรงขึ้น ชาวบ้านที่เป็นผู้นำในการเคลื่อนไหวถูกขึ้นบัญชีดำของทางราชการ
ก่อนหน้านี้ที่อำเภอสะบ้าย้อยไม่มีเหตุการณ์ทำร้ายเจ้าหน้าที่ หรือชาวบ้าน ปรากฏมาก่อน จนกระทั่งเมื่อประมาณ 1 เดือนก่อนหน้าเกิดเหตุการณ์ มีข่าวลือว่าจะเกิดเหตุการณ์บุกโจมตีเจ้าหน้าที่ ข่าวดังกล่าวทำให้ประชาชนในละแวกนั้นเกิดความหวาดกลัว จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ในวันที่ 28 เมษายน 2547 หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ชาวบ้านต่างรู้สึกวิตกกังวล หากเป็นชาวบ้านต่างพื้นที่จะไม่กล้าเข้ามาประกอบอาชีพเหมือนเดิม และเจ้าหน้าที่ของรัฐ เช่น แพทย์ จะไม่กล้าออกมารับประทานอาหารข้างนอก ปัจจุบันรายได้จากการขายของลดลงไปมาก
ชาวบ้านรายหนึ่งให้ข้อมูลว่า ผู้ที่เสียชีวิตในร้านอาหารสวยนะ ส่วนใหญ่ที่พบนั้น ก่อนหน้าที่จะเสียชีวิต ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 30 คน ควบคุมตัวไว้ได้แล้ว โดยให้ยกมือยอมแพ้ยืนบนถนนแล้วค่อย ๆ ผลักดันให้ถอยไปในร้านอาหารสวยนะ และต่อมาก็ทราบว่าถูกยิงเสียชีวิตอยู่ในร้านอาหารสวยนะ
ผู้ใกล้ชิดกับผู้เสียชีวิต เช่น พ่อ พี่ชาย ครู และโต๊ะอีหม่าม ให้ข้อมูลว่า ผู้ตายทั้งหมดเป็นนักเรียนโรงเรียนปอเนาะด้วยกัน บางคนเป็นนักกีฬาฟุตบอลของโรงเรียน อายุระหว่าง 19 - 25 ปี กลุ่มผู้ตายไม่ใช่เด็กเกเรหรือเด็กเที่ยว แต่มีความประพฤติดี และส่วนใหญ่รวมกลุ่มกันเล่นฟุตบอล ในช่วงเวลาที่เกิดเหตุเป็นช่วงโรงเรียนปิดเทอม เด็ก ๆ จะไปเรียนศาสนาที่บ้านโต๊ะครู โดยออกจากบ้านประมาณหนึ่งทุ่มถึงสองทุ่ม และกลับบ้านประมาณตีห้าของวันใหม่ โดยในวันเกิดเหตุ ผู้ตายคนหนึ่งซึ่งเป็นลูกชายของผู้ให้ข้อมูลบอกว่าคืนนี้จะไปดาวะห์ (เผยแพร่ศาสนา) โดยเพื่อนชวนไป และได้เตรียมชุดที่ต้องใส่ไปด้วย จนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้น จึงทราบว่าลูกชายเสียชีวิตแล้ว ซึ่งรู้สึกเสียใจมาก เนื่องจากเป็นลูกชายคนเดียวและรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากลูกชายไม่มีอาวุธ สภาพศพที่เห็นคือ โดยยิงที่ศีรษะและหลัง และคิดว่าถูกเพื่อนหลอกไป อยากเรียกร้องความเป็นธรรมแต่ไม่รู้จะทำอย่างไรและเรียกร้องจากใคร และไม่กล้าด้วย
ผู้ให้ข้อมูลกล่าวต่อว่า ในเรื่องของการฝังศพรวมกันทั้ง 19 ศพ เป็นความเห็นของชาวบ้านที่มารวมกันให้ฝังอย่างนักรบเพื่อศาสนา (มูจาฮีดีน) ส่วนเรื่องที่มีข่าวว่าผู้ก่อเหตุได้ทำการถางหญ้าในพื้นที่เพื่อเตรียมหลุมศพพวกตนเองนั้น โต๊ะครูคิดว่าไม่ใช่ เพราะโดยปกติในวันศุกร์เด็ก ๆ จะมาช่วยกันพัฒนาสถานที่ของส่วนรวมเป็นปกติอยู่แล้ว และไม่เคยได้ยินว่ามีการสั่งเสียให้ฝังศพหลุมเดียวกัน นอกจากนี้ ยังตั้งข้อสังเกตว่าในที่เกิดเหตุถ้ามีการต่อสู้กันจริงทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงยิงปืนแม่น เพราะส่วนใหญ่โดยยิงที่ศีรษะ
มีพยานบุคคลซึ่งสามารถยืนยันตัวตนได้ ได้ให้ข้อมูลว่า ได้ออกมากรีดยางตอนเช้ามือวันนั้น และเห็นเหตุการณ์ว่า มีรถกระบะนำเยาวชนมาปล่อยลงบริเวณป้อมยามตำรวจ จากนั้นเด็ก ๆ ได้วิ่งหนี โดยตำรวจยิงปืนเข้าใส่จนกระทั่งวิ่งหนีเข้าไปในร้านอาหารสวยนะ และยังให้ข้อมูลว่า ในมัสยิดในช่วงของการทำละหมาดมีเจ้าหน้าที่ปลอมตัวเข้าไปสอดแนมด้วย ทำให้ชาวบ้านเกิดความกังวลมากยิ่งขึ้น
ผู้ตายส่วนใหญ่เป็นนักฟุตบอลของโรงเรียน มีความประพฤติดี ก่อนหน้าเกิดเหตุไม่มีท่าทีว่าบุคคลเหล่านี้จะไปก่อเหตุร้ายแรง ในจำนวน 19 ศพ มี 1 คน เป็นนักศึกษาใบฎีกา และอีก 15 คน ที่เสียชีวิตในร้านอาหารสวยนะ น่าจะเป็นการจัดฉาก เพราะส่วนใหญ่ถูกกระสุนปืนที่ศีรษะและที่หลัง ปืนและระเบิดที่พบก็อยู่กับเด็กที่ไม่เคยได้รับการฝึกฝนทางทหาร ทั้ง ๆ ที่ในจำนวนคนตายมีคนที่เคยเป็นทหารเกณฑ์อยู่ 2-3 คน นอกจากนี้ ที่ปืนและระเบิดยังไม่มีรอยเลือด
ผู้ให้ข้อมูลระบุว่า วันเกิดเหตุเจ้าหน้าที่แจ้งข่าวว่ามีการปิดถนน (บ้านพักอยู่อำเภอนาทวี) เหตุการณ์ปัจจุบันก็มีการปล่อยข่าวอยู่เรื่อย ๆ ที่นาทวีก็มีข่าวลักษณะเดียวกัน ประชาชนต้องระมัดระวังมีข่าวรายวันว่าจะมีการโจมตีตลาด ในความคิดของชาวบ้านคิดว่าพวกที่มาแก้แค้นคือผู้ก่อการร้าย
ข้อมูลจากรายงานการชันสูตรพลิกศพ จากเอกสารรายงานการชันสูตรศพ ของผู้เสียชีวิตจากกรณีสะบ้าย้อย 2 ใน 19 คน มีรายละเอียดดังนี้
1) นายอับดุลฮาเล็ม ลือมูซอ เสียชีวิตในวันที่ 28 เมษายน 2547 ระหว่างเวลา 06.00 - 08.40 น. เวลาที่พบศพ 08.40 น.
ก. สภาพของศพหรือส่วนของศพตามที่พบเห็น หรือตามที่ปรากฏจากการตรวจพร้อมทั้งความเห็น
เสื้อกล้ามสีดำ สวนเสื้อเชิ๊ตสีเขียวแขนยาว สวมกางเกงวอร์มดำแถบขาว-เขียว รองเท้าผ้าใบสีขาว
มีรอยฉีกขาดสมองไหล ศีรษะด้านซ้ายสมองไหล ขนาด 2x3 เซนติเมตร กระโหลกแตกร้าวทั่วศีรษะ รอยกระสุนเจาะกลางหลัง 4 รอย ขนาด 0.5 เซนติเมตร แผลฉีกขาดนิ้วนาง - ก้อย ขนาด 6 เซนติเมตร กระดูกหัก แผลกระสุนเข้ากกหูขวา ขนาด 0.5 เซนติเมตร รูออกเท่ากำปั้น จากบริเวณกกหูซ้าย รูเข้าใต้ชายโครงขวา 2 รอย ขนาด 0.5 เซนติเมตร
ข.แสดงสาเหตุที่ตายเท่าที่ทำได้
ตกเลือดในสมอง ตกเลือดในช่องปอด ตกเลือดในช่องหุ้มหัวใจ ตกเลือดในช่องท้อง (ไม่สามารถเก็บปัสสาวะเพื่อตรวจสารเสพติดได้)
2) นายดือเระ ดือราแม เสียชีวิตในวันที่ 28 เมษายน 2547 ระหว่างเวลา 06.00 - 08.40 น. เวลาที่พนศพ 08.40 น.
ก. สภาพของศพหรือส่วนของศพตามที่พบเห็น หรือตามที่ปรากฏจากการตรวจพร้อมทั้งความเห็น
สวมเสื้อยืดสีขาว สวมทับด้วยเสื้อกูรงสีเทา กางเกงสีเขียวขี้ม้ารูดข้อ รองเท้ายางสีดดำหุ้มส้น คาดเข็มขัดหนังสีน้ำตาลแดง มือกำลูกระเบิดน้อยหน่าอยู่
รอยกระสุนเข้าเบ้าตาซ้าย มีแผลฉีกขาดยาว 3 เซนติเมตร พบรอยกระสุนออกทะลุใต้กกหูขวา 6 เซนติเมตรสมองไหลออกมา รอยกระสุนเข้าลิ้นปี่ทะลุออกใต้ชายโครงซ้าย
ข. แสดงสาเหตุที่ตายเท่าที่ทำได้
ถูกยิงตาย
การวิเคราะห์เหตุการณ์จากข้อมูล
1) เปรียบเทียบสภาพศพจากคำบอกเล่ากับหนังสือรับรองการตาย
ประเด็นที่จะต้องพิจารณา ดังนี้
1) เหตุการณ์ปะทะกัน
ในกรณีที่มีการให้ข้อมูลของเจ้าหน้าที่ของรัฐและสื่อมวลชน ว่าผู้เสียชีวิตนำอาวุธมาต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ เช่น ปืน ระเบิด และมีด ในการเผิชญหน้าต่อสู้กันน่าจะต้องมีเจ้าหน้าที่ของรัฐได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตบ้าง เพราะในกลุ่มผู้เสียชีวิต 19 คน มีหลายคนที่เคยเป็นทหารเกณฑ์และได้เรียนรู้วิธีการใช้อาวุธสงครามมาบ้างแล้ว ดังนั้น ในการปะทะระหว่างกันเจ้าหน้าที่ของรัฐน่าจะได้รับความเสียหายอย่างมากด้วย
2) สถานที่เสียชีวิต : บาดแผลของผู้เสียชีวิต
ในหนังสือรับรองการตายได้ระบุว่ามีผู้เสียชีวิต ณ บริเวณหน่วยบริการประชาชนอำเภอสะบ้าย้อย แบ่งเป็น 3 จุด ได้แก่ หน้าหน่วยบริการประชาชนอำเภอสะบ้าย้อย บริเวณริมรั้วบ้านพักครู และในร้านอาหารสวยนะ ซึ่งผู้ที่เสียชีวิตในแต่ละจุดของสถานที่เสียชีวิต กับบาดแผลที่เป็นสาเหตุของการตายยังไม่มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันอย่างมีเหตุผล กล่าวคือ
ผู้เสียชีวิตบริเวณหน่วยบริการประชาชนอำเภอสะบ้าย้อย และริมรั้วบ้านพักครู รวม 3 คน ผู้เสียชีวิตในร้านอาหารสวยนะ รวม 15 คน เมื่อนำข้อมูลจากคำฟ้องการไต่สวนการตายของศาลจังหวัดสงขลา ที่ระบุว่า "กลุ่มเยาวชนดังกล่าวได้ยิงต่อสู้กับเจ้าพนักงานตำรวจ และได้ถูกเจ้าพนักงานตำรวจ ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติราชการตามหน้าที่ใช้อาวุธปืนยิงเพื่อป้องกันตัว เป็นเหตุให้กลุ่มเยาวชนดังกล่าวถึงแก่ความตายในที่เกิดเหตุ" นำมาพิจารณากับข้อมูลสาเหตุการตายจากหนังสือรับรองการตาย ที่ระบุว่าถูกยิงตาย 7 คน โดยไม่บอกอวัยวะส่วนที่ถูกยิง และอีก 8 คน ระบุว่า กระสุนปืนทำลายก้านสมอง ตกเลือกในสมองจากการบาดเจ็บจากกระสุน กระสุนเจาะหัวใจ จากข้อมูลดังกล่าว ในสถานการณ์การปะทะกันแบบจู่โจมและมีการยิงต่อสู้กัน ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ในที่โล่งแจ้ง (หน่วยบริการประชาชนอำเภอสะบ้าย้อย และริมรั้วบ้านพักครู ) หรืออยู่ในสถานที่กำบัง (ในร้านอาหารสวยนะ) เจ้าหน้าที่ของรัฐไม่น่าจะมีเวลาที่จะเล็งเป้าหมายที่หัวใจ ศีรษะ โดยเฉพาะที่ก้านสมอง ซึ่งอยู่ด้านหลังศีรษะบริเวณท้ายทอย .ในประเด็นนี้จะต้องพิจารณาว่าในสถานการณ์ดังกล่าวมีเหตุผลที่จะทำให้เชื่อได้ว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐได้ทำการการต่อสู้เพื่อป้องกันตัวหรือไม่
3) การชันสูตรพลิกศพ
เมื่อพิจารณาข้อมูลสภาพศพจากตารางเปรียบเทียบ จะเห็นว่า ทั้ง 19 ศพ ในหนังสือรับรองการตายระบุว่า เสียชีวิตจากการถูกยิงที่ศีรษะ ก้านสมอง และหัวใจ จำนวน 9 ศพ และระบุว่าถูกยิงตาย โดยไม่ระบุอวัยวะที่ถูกยิงอีก จำนวน 9 ศพ จะเห็นได้ว่า ยังไม่มีรายละเอียดที่บ่งบอกถึงสาเหตุการตายอย่างเพียงพอ รวมทั้ง ยังไม่มีการนำหลักนิติวิทยาศาสตร์เข้ามาช่วยในการสืบสวนหาข้อเท็จจริงให้เป็นที่ประจักษ์ที่จะนำไปสู่การไต่สวนการตายได้อย่างคลายความสงสัยว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหน้าที่เพื่อป้องกันตนเอง
จาการพิจารณาในประเด็นดังกล่าวแล้วเห็นว่า สาเหตุการตายของผู้เสียชีวิตทั้ง 19 คน ไม่น่าจะเกิดจากการต่อสู้เพื่อป้องกันตัวของเจ้าหน้าที่ของรัฐตามที่ระบุไว้ในคำฟ้องการไต่สวนการตายของศาลจังหวัดสงขลา
ข้อเสนอแนะ
รัฐบาลควรสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ได้มีการตรวจสอบถึงสาเหตุการตายของผู้เสียชีวิตที่บริเวณหน่วยบริการประชาชนอำเภอสะบ้าย้อย อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ให้ความจริงปรากฎอย่างหมดข้อสงสัย เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจในกระบวนการยุติธรรมให้กับประชาชนในภาคใต้ และเพื่อเป็นการเยียวยาทางด้านจิตใจให้แก่ญาติ และผู้ใกล้ชิดของผู้เสียชีวิต รวมทั้งเกิดความเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างถูกต้องโดยเร็ว หากยังไม่สามารทำให้ความจริงปรากฏได้ รัฐบาลจะต้องดำเนินการเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยให้ผู้ได้รับความเสียหายมีส่วนร่วมในการกำหนดความต้องการในการเยียวยาจากภาครัฐด้วย
ศูนย์ข่าวอิศรา สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย