ประชาไท - 28 ก.ย.48      จากกรณีกลุ่มชาวบ้านสมัชชาคนจนปัญหาเขื่อนปากมูล ชุมนุมที่วัดบ้านหัวเห่ว ต.โขงเจียม อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี เพื่อฟังผลการประชุมคณะกรรมการฟื้นฟูวิถีชีวิตชุมชนลุ่มน้ำมูล ซึ่งมีนายชัยอนันต์ สมุทวณิช ประธานบอร์ด กฟผ. เป็นประธาน ก่อนมีการแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย         

ล่าสุด น.ส.สมภาร คืนดี ที่ปรึกษาสมัชชาคนจน พร้อมตัวแทนชาวบ้าน ได้นำข้อสรุปผลการประชุมเบื้องต้น แจ้งให้ชาวบ้านที่ชุมนุมอยู่ที่วัดบ้านหัวเห่วว่า คณะกรรมการฯ  มีมติขยายเวลาเปิดประตูระบายน้ำเขื่อนเพิ่มขึ้นอีก จากเดิมที่เคยเปิดเพียงปีละ 4 เดือน เพื่อให้ระบบนิเวศวิทยาในลุ่มน้ำได้รับการฟื้นฟูอย่างเต็มที่ แต่ไม่ได้กำหนดกรอบเวลาจะเปิดเพิ่มขึ้นกี่เดือน
      

น.ส.สมภารระบุด้วยว่า ช่วงเวลาการเปิดประตูระบายน้ำเพิ่มเติม รวมแล้วคงไม่น้อยกว่า 5-8 เดือนในรอบ 1 ปี ตามผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี อย่างไรก็ดี คณะกรรมการฯ ได้มอบหมายให้นายศุภวิทย์ เปี่ยมพงษ์สานต์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ร่วมกับนักวิชาการอีก 5 คน ทำการรวบรวมข้อมูลผลการศึกษาวิจัย เพื่อนำผลสรุปช่วงเวลาเปิดประตูระบายน้ำส่งให้กระทรวงพลังงานนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม.พิจารณาเห็นชอบอีกครั้ง

ที่ปรึกษาสมัชชาคนจน กล่าวถึงความกังวลเกี่ยวกับการแปรกฟผ.ที่อาจส่งผลกระทบต่อข้อตกลงต่างๆ ว่า  นายไกรสีห์ กรรณสูต กรรมการผู้อำนวยการใหญ่  บมจ. กฟผ.กล่าวยืนยันในที่ประชุมชัดเจนว่าจะไม่มีผลกระทบกับข้อตกลงที่ทำไว้กับชาวบ้าน เพราะรัฐบาลยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
        

นายทองเจริญ สีหาธรรม แกนนำชาวบ้านสมัชชาคนจนกรณีเขื่อนปากมูล กล่าวว่า การเปิดประตูระบายน้ำเขื่อนปากมูลที่ผ่านมา ทำให้คนลุ่มน้ำเริ่มมีชีวิตความเป็นอยู่ทางเศรษฐกิจดีขึ้น และวัฒนธรรมการจับปลายอน ซึ่งเป็นวิถีชีวิตที่สูญหายไปจากแม่น้ำมูลตั้งแต่มีการสร้างเขื่อน ก็ได้กลับคืนสู่ชุมชนอีกครั้ง โดยสถิติระหว่างเดือนก.ค.-ก.ย. ชาวบ้านค้อใต้ อ.พิบูลมังสาหาร สามารถจับปลายอนได้รวมกันกว่า 3,500 กิโล กรัม ทำให้ชุมชนค้อใต้เพียงแห่งเดียว มีรายได้กว่า 300,000 บาท การขยายเวลาการประตูระบายน้ำเขื่อนปากมูลเพิ่มขึ้นจะช่วยให้สิ่งแวดล้อมและชุมชนดีขึ้น