ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ออกคำสั่ง แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาเปิดฝายในแม่น้ำปิง หลังจากมีการแอบรื้อฝายท่าวังตาล จนทำให้ชาวบ้านออกมาประท้วงคัดค้านอย่างหนัก ซึ่งหลังการประชุมได้ชะลอการรื้อฝาย เพื่อทำการศึกษาผลกระทบเสียก่อน
ตามที่ทางจังหวัดได้จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปดำเนินการรื้อฝายท่าวังตาลเมื่อวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา จนเกิดความขัดแย้งระหว่างรัฐกับชาวบ้านกลุ่มผู้ใช้น้ำไม่ให้ทำการรื้อฝาย เนื่องจากส่งผลกระทบหลายด้านนั้น
ล่าสุด(28 ก.ย.) นายสุวัฒน์ ตันติพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาเปิดฝายในแม่น้ำปิง ขึ้น โดยระบุว่า ตามที่ได้เกิดเหตุอุทกภัยขึ้นในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่เดือน ส.ค.- ก.ย.ที่ผ่านมา ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันขึ้นในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ และอำเภอใกล้เคียง เป็นเหตุให้ประชาชนจำนวนมากได้รับความเดือดร้อน
จากเหตุการณ์ดังกล่าว สาเหตุประการหนึ่งที่ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน เกิดจากสิ่งกีดขวางทางน้ำที่ก่อสร้างบริเวณในลำน้ำแม่ปิง ซึ่งทำให้การระบายน้ำเป็นไปได้ช้า จึงจำเป็นต้องทบทวนการก่อสร้างต่างๆ และพิจารณารื้อถอน หรือเปิดทางน้ำ เพื่อให้น้ำในแม่ปิงไหลสะดวกยิ่งขึ้น
ดังนั้นผู้ว่าราชการจังหวัด ได้แต่งตั้งคณะกรรมการ โดยมีนายขวัญชัย วงศ์นิติกร รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เป็นประธาน และมีผู้อำนวยการสำนักชลประทานที่ 1 เชียงใหม่ นายอำเภอเมืองและสารภี กำนันผู้ใหญ่บ้าน นายก อบต.ที่เกี่ยวข้องในเขตพื้นที่ อ.เมือง และอ.สารภี รวมทั้งประธานกลุ่มผู้ใช้น้ำฝายท่าวังตาล เป็นกรรมการ เพื่อพิจารณาเปิดฝายในแม่น้ำปิงซึ่งกีดขวางทางน้ำในแม่น้ำปิง
นายขวัญชัย วงศ์นิติกร รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่กล่าวว่า ที่ผู้ว่าราชการฯ มีคำสั่งแต่งตั้งกรรม
การชุดนี้ ก็เพราะว่ามีสาเหตุอยู่สองสามประเด็นคือ ปริมาณน้ำฝนมีจำนวนมากกว่าปกติ ลำน้ำปิงแคบลง รวมทั้งสาเหตุที่มีฝาย 3 แห่ง คือฝายพญาคำ ฝายท่าวังตาลและฝายหนองผึ้ง ซึ่งเป็นการกีดขวางทางน้ำ ทำให้ระบายไม่ทัน จึงท่วมในพื้นที่เขต อ.เมือง เชียงใหม่ ดังนั้นจึงจำเป็นที่ต้องมีการประชุมเพื่อพิจารณาหาทางแก้ไขร่วมกัน
"หากเราไม่ลงมือทำ ก็จะไม่เกิดการพัฒนา และจะต้องเกิดปัญหาอย่างนี้ แล้วต่อไปใครจะมาเที่ยวเชียงใหม่ อีกทั้งรัฐจะต้องเสียค่าชดเชย เสียงบประมาณกับปัญหาน้ำท่วมอยู่อย่างนี้ต่อไป" นายขวัญชัย กล่าว
ด้านนายแสงรัตน์ เบญจพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักชลประทานที่ 1 จ.เชียงใหม่กล่าวว่า ปัญหาที่คำนึงถึงหากมีการรื้อฝายท่าวังตาล เราจะต้องศึกษาว่าการรื้อฝายจะเกิดความเสียหายต่อตลิ่งและบ้านเรือนชาวบ้านที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำปิงด้านล่างหรือไม่ เพราะอาจทำให้เกิดการพังทลายเสียหายได้ นอกจากนั้น การรื้อฝายท่าวังตาล จะทำให้น้ำมีความเร็วและแรงขึ้น เพราะกระแสน้ำจะพัดดึงตะกอนทรายจากทางเหนือเมืองทะลักเข้ามา ซึ่งอาจทำให้บ้านเรือนราษฎรถูกน้ำกัดเซาะเสียหาย รวมไปถึงสะพานมหิดล เราไม่รู้ว่าฐานรากแข็งแรงหรือไม่ ซึ่งอาจพังลงได้ และหากจะมีการรื้อฝายจริงๆ จะต้องฟังเสียงชาวบ้านด้วย ว่าได้รับผลกระทบและเกิดความเสียหายหรือไม่
ผู้อำนวยการชลประทานที่ 1 จ.เชียงใหม่ ยังกล่าวอีกว่า การที่จะรื้อฝายท่าวังตาลในส่วนข้างบนออกเพื่อเปิดทางน้ำนั้น อาจส่งผลกระทบต่อโครงสร้างของฝายหินทิ้ง เพราะฐานจะถูกความแรงของน้ำเซาะพังทั้งหมดได้ ก็อาจส่งผลกระทบต่อฐานรากทั้งหมด
ในขณะที่ นายสมบูรณ์ บุญชู อนุกรรมการการจัดการลุ่มน้ำแม่ปิงตอนบน กรรมการเหมืองฝายพญาคำ กล่าวว่า ทำไมจังหวัดไม่ยอมฟังเสียงของชาวบ้าน ทุกคนไม่เห็นด้วยที่จะมีการรื้อฝาย เพราะฝายทั้ง 3 แห่งไม่ได้เกี่ยวกับการการเกิดน้ำท่วมเมืองเชียงใหม่เลย สาเหตุมาจากปริมาณน้ำมากกว่าปกติ แม้กระทั่งท้ายน้ำก็ถูกน้ำท่วมเหมือนกันหมด ทำไมถึงจ้องจะรื้อฝายอย่างเดียว
"จังหวัดไม่เคยศึกษาเลยว่า ฝายทั้ง 3 แห่งนั้น ช่วยกันอุ้มโยงกันไว้ หากรื้อฝายใดฝายหนึ่ง ก็จะทำให้ฝายอีก 2 แห่งพัง ซึ่งสามารถสังเกตได้หลังจากที่มีการแอบรื้อฝายท่าวังตาลทางริมฝั่งด้านตะวันตก ตอนนี้ กระแสน้ำเริ่มพุ่งเข้าไปกัดเซาะตลิ่งพังเสียหายแล้ว จึงอยากให้จังหวัดได้พิจารณาศึกษาให้ดีเสียก่อน ไม่ใช่มาแอบรื้อฝายกันอย่างนี้" นายบุญชู กล่าว
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)