จับตาเธอคนนี้ "จันทร์พิมพ์ กันทะเตียน" เด็กเหนือจะไปคว้าโอลิมปิก - สัมภาษณ์พิเศษ

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ

การแข่งขันยกน้ำหนักชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย ประจำปี 2548 ณ ดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่เพิ่งปิดฉากลงไป เมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา คนไทยก็ได้เฮกับจอมพลังไทยที่คว้าได้ถึง 5 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน 2 เหรียญทองแดง และยิ่งน่าปลื้มก็คือ สาวน้อยหน้าหวาน ร่างเล็ก วัย 21 ปี "จันทร์พิมพ์ กันทะเตียน" หรือ "น้องเก๋" ที่ลงแข่งที่กวาด 3 เหรียญทองมาครอบครองได้อย่างสง่างาม

 

วันนี้อาจกล่าวได้ว่าดาวดวงนี้กำลังจรัสแสงเต็มที่ พร้อมที่จะก้าวไปสู่เวทีสำคัญๆ ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านั่นก็คือ การแข่งขันยกน้ำหนักชิงแชมป์โลก (World Championship) ที่ประเทศการ์ตา ช่วงเดือนพฤศจิกายนปีนี้ ต่อด้วยสนามซีเกมส์ ที่ฟิลิปปินส์ ที่จะเปิดม่านแข่งขันปลายปีนี้เช่นกัน และอีกเวทีสำคัญที่เป็นเป้าหมายสูงสุดในชีวิตของเธอก็คือ โอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 29 ที่กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ในปี 2551

 

สาวน้อยที่เปี่ยมด้วยพลังอันมากล้นคนนี้ เป็นเด็กเมืองปากน้ำโพ จังหวัดนครสวรรค์ เธอเกิดและเติบโตที่นั่นในครอบครัวที่มีฐานะค่อนข้างยากจน และเนื่องจากบ้านอยู่ใกล้สถานที่ฝึกซ้อมยกน้ำหนักผนวกกับการถูกชักชวนเข้ามาฝึกเล่นยกน้ำหนักบ่อยครั้งเข้า จึงทำให้ชีวิตของเธอหักเหเข้าสู่เส้นทางนี้โดยไม่ทันตั้งตัวตั้งแต่อายุได้เพียง 10 ขวบ และเธอก็เริ่มคิดได้ว่าหากมุ่งมั่นเอาดีด้วย "การเล่นกีฬา" น่าจะเป็นวิถีหนึ่งที่จะทำให้มีโอกาสลืมตาอ้าปาก สร้างฐานะครอบครัวให้มั่นคงได้

 

11 ปีบนเส้นทางยกน้ำหนัก เธอต้องทุ่มเทแรงกาย อดทนฝึกซ้อมอย่างหนัก ผ่านสนามแข่งขันมาหลายระดับ ได้เหรียญแห่งความภาคภูมิใจมานับไม่ถ้วน ติดทีมชาติมาแล้ว 5 ปี เก็บตัวฝึกซ้อมอย่างเงียบ ๆ ที่เชียงใหม่มานานถึง 5 ปี นอกจากความมุ่งมั่นเอาดีในกีฬายกน้ำหนัก จอมพลังสาวคนนี้ยังเอาจริงเอาจังกับการเรียนที่คณะบริหารธุรกิจ สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ มหาวิทยาลัยนอร์ท-เชียงใหม่ ชีวิตในวัย 21 ปีของเธออาจแตกต่างจากวัยรุ่นทั่ว ๆ ไป แต่ก็เป็นชีวิตที่น่าค้นหาไม่น้อย "พลเมืองเหนือ" มีเรื่องราวบางแง่มุมในชีวิตของเธอมานำเสนอ

 

@มีแรงบันดาลใจอะไรที่ทำให้เข้ามาเล่นกีฬายกน้ำหนัก

 

ก็ไม่ได้มีแรงบันดาลใจอะไรค่ะ ตอนนั้นยังเด็กมากอายุแค่ 10 ขวบเอง คงถูกชักชวนให้มาเล่นมาซ้อมบ่อยมั้ง อีกอย่างบ้านที่อยู่ที่นครสวรรค์ก็อยู่ใกล้กับสนามฝึกซ้อมด้วย พอได้มาฝึกซ้อมจริง ๆ จัง ก็เริ่มชอบ ก็เริ่มคิดว่าถ้าเรามุ่งมั่นโอกาสที่เราจะสร้างฐานะสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตก็มีมาก เพราะเห็นตัวอย่างของรุ่นพี่ เพราะถ้าเราทำสำเร็จผลตอบแทนเงินรางวัลก็จะเข้ามา ซึ่งเชื่อว่าทุกคนก็คิดแบบนี้

 

พอเก๋ซ้อมไปได้ระยะหนึ่ง ก็มีผลงาน เลยทำให้ได้ทุนเรียนฟรีที่โรงเรียนเซนต์แอนด์แมรี่ ที่นครสวรรค์ เมื่อได้ทุนก็เลยทำให้พยายามและตั้งใจซ้อมต่อไปเรื่อยๆ อยากทำสถิติให้ดีขึ้นกว่าที่ทำได้ตลอด ประเดิมสนามเวทีแรกหลังจากซ้อมไปได้แค่เพียงปีเดียว ในการแข่งขันยกน้ำหนักเยาวชนชิงแชมป์ประเทศไทย ที่จังหวัดสงขลา และด้วยความเป็นเด็กใหม่วัยแค่ 11 ขวบ ประกอบกับผู้ฝึกสอนเรียกน้ำหนักเหล็กให้มากกว่าที่เก๋เคยฝึกซ้อมได้ถึง 10 กิโลกรัม เลยทำให้การเริ่มต้นครั้งแรกไม่สามารถยกผ่านได้เลยสักครั้งเดียว

 

@ตอนนั้นท้อเลยไหม

 

ไม่นะไม่ท้อ ก็ลงแข่งขันอีกหลายรายการ ทำผลงานดีขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็คว้าเหรียญรางวัลได้เป็นครั้งแรก ตอนนั้น อายุ 13 ปี จากการแข่งขันยกน้ำหนักชิงแชมป์ประเทศไทย ทำได้ถึง 3 เหรียญทอง หลังจบแมตซ์ชิงแชมป์ประเทศไทย เก๋ก็ได้ลงแข่งขันระดับเยาวชนนานาชาติ ก็ได้มาหลายเหรียญเหมือนกัน การแข่งขันยกน้ำหนักเยาวชนชิงแชมป์เอเชีย ที่จังหวัดขอนแก่น เมื่อหลายปีก่อน เก๋ก็ได้ 1 เหรียญเงิน  2 เหรียญทองแดง และก็เคยได้  3 เหรียญทองในการแข่งขันระดับเยาวชนชิงแชมป์โลก ที่ประเทศเม็กซิโก เมื่อหลายปีก่อน ปีที่แล้วแข่งขันยกน้ำหนักเยาวชนชิงแชมป์เอเชียที่เชียงใหม่ก็ได้มา 3 เหรียญทอง ปี 46 แข่งยกน้ำหนักชิงแชมป์โลกที่แคนาดา ก็ได้เหรียญทองแดงมา ซีเกมส์ครั้งที่ 22 ที่เวียดนามก็ได้เหรียญทองมา 1 เหรียญ ผลงานทุกชิ้นเก๋ภูมิใจ และเงินรางวัลที่ได้รับก็ช่วยทำให้ครอบครัวเก๋ดีขึ้นมาก ทุกคนสบายขึ้นก็ยิ่งภูมิใจ

 

@โอลิมปิกปีที่แล้วไม่มีชื่อน้องเก๋ติด รู้สึกอย่างไร

 

โอลิมปิกเป็นอะไรที่สูงสุดที่นักกีฬาทุกคนต้องการไปให้ถึง แต่พอไม่มีชื่อเราก็เสียใจมาก ถามตัวเองว่าเพราะอะไร เราทำดีที่สุดมาตลอด แต่ผู้ใหญ่เขาก็ให้เหตุผลว่าเรายังเด็กเกินไป ก็ไม่เป็นไร เสียใจอยู่พักหนึ่ง ก็เลยคิดว่าต้องไปข้างหน้าต่อ มีอีกหลายแมตซ์ที่เราต้องทำให้ได้ รวมทั้งโอลิมปิกปี 51 ที่ปักกิ่งด้วย ช่วงนี้ก็ฝึกซ้อมไปเรื่อย ๆ

 

@ต้องซ้อมหนักทุกวันหรือเปล่า

 

หนักมาก ๆ ค่ะ ซ้อมทุกวันไม่หยุดเลย เก๋ติดทีมชาติมา 5 ปี และก็ขึ้นมาอยู่เชียงใหม่ปีนี้ก็เข้าปีที่ 5 แล้ว เก๋เรียนที่โรงเรียนสตรีนครสวรรค์ถึง ม.4 จากนั้นเสธ.ยอด อินทรัตน์ ยอดบางเตย ก็ดึงตัวให้ขึ้นมาเก็บตัวฝึกซ้อมที่กองพันพัฒนาที่ 3 ที่เชียงใหม่ ก็มาเรียนต่อ ม.5 ที่นวมินราชูทิศพายัพ พบจบที่นวมินฯ ก็เรียนต่อที่วิทยาลัยพลศึกษาเชียงใหม่ ถึงปี 2 ซึ่งมีแค่ระดับปวส. เก๋เป็นนักเรียนทุนกีฬามาตลอด ก็ได้ทุนกีฬามาเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยนอร์ท ตอนนี้อยู่ปี 3 คณะบริหารธุรกิจ เรียนเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ธุรกิจ

 

@เรียนด้วยซ้อมด้วยแบ่งเวลาอย่างไร

 

จะมีตารางเวลาตีกรอบไว้ว่าเราต้องทำอะไรบ้าง ตอนเช้าตื่นประมาณหกโมงเช้า ก็วิ่งออกกำลังและก็จะมาซ้อมยกน้ำหนักประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นก็ว่าง พี่ ๆ ที่เรียนจบแล้วก็จะพักผ่อน อย่างเก๋ก็ต้องไปเรียนทุกวัน ช่วงเย็นตั้งแต่บ่ายสามโมงก็จะซ้อมอีกรอบหนักสุดก็ประมาณ 3 ชั่วโมง แต่ช่วงไหนที่เก๋ต้องไปแข่งทางมหาวิทยาลัยก็เปิดโอกาสเต็มที่ เพื่อน ๆ ก็จะช่วยจดเลคเชอร์ให้ทุกคนเข้าใจ แต่ความเป็นอิสระความเป็นส่วนตัวก็จะไม่ค่อยมีเท่าไร

 

@เพราะอะไร

 

เมื่อตัดสินใจเข้าสู่เส้นทางนี้แล้ว ก็ต้องยอมรับตั้งแต่แรกเพราะจะมีกฎที่เราต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ต้องฝึกซ้อมหนักมาก ถ้าเราอยากมีอิสระอยากมีชีวิตส่วนตัวทำอะไรก็ได้เหมือนคนอื่น ๆ เราก็คงไปไม่ถึงเป้าหมายที่เราตั้งไว้ ซึ่งตรงนี้มันเป็นสิ่งที่เก๋เลือกก็มีความสุขที่เป็นแบบนี้เพราะเราเลือกแล้ว มันก็ได้อย่างเสียอย่าง

 

@ผลงานล่าสุดชิงแชมป์เอเชียได้มา 3 เหรียญทอง ปลื้มไหม

 

ภูมิใจมาก ก็ถือว่าประสบความสำเร็จอีกขั้นหนึ่ง ประสบการณ์เราก็มากขึ้น ภูมิใจที่สร้างชื่อให้ประเทศไทย รางวัลที่เก๋ได้มา 1.5 ล้าน ก็ตั้งใจว่าจะสร้างบ้านหลังใหม่ให้พ่อแม่ที่นครสวรรค์

 

 

@ในระยะใกล้ ๆ นี้จะมีอีกหลายแมตซ์ที่น้องเก๋ต้องลงแข่ง เตรียมตัวอย่างไร

 

ช่วงวันที่ 9 - 21 ..เก๋ต้องไปแข่งชิงแชมป์โลก ช่วงนี้ก็ต้องซ้อมหนัก ซ้อมอย่างเดียวเลย อยู่ในค่ายตลอด เสร็จจากแมตซ์นี้ก็ต้องไปแข่งซีเกมส์ที่ฟิลิปปินส์ ช่วงเวลาจะติดต่อกัน เป็นอะไรที่ค่อนข้างหนัก ตรงนี้ก็ต้องเตรียมตัวเยอะเหมือนกัน สมาธิ จิตใจต้องนิ่งจริง ๆ ไม่ได้เที่ยวไหน ไม่เคยไปหาพ่อแม่เลยนานมากแล้วไม่ได้อยู่กับเขาเลย เก็บตัวซ้อมอย่างเดียว อย่างเวลาแข่งก็ไม่อยากให้พ่อแม่มาดูมาเชียร์ด้วย เดี๋ยวไม่มีสมาธิ

 

@คาดหวังแค่ไหนกับ 2 แมตซ์ที่กำลังจะไปแข่ง

 

เก๋คิดอยู่เสมอว่าต้องทำให้ดีที่สุด

 

@11 ปีบนเส้นทางยกน้ำหนักทำให้ชีวิตดีขึ้นไหม

 

ก็เป็นอย่างที่คิดค่ะ พ่อแม่ก็ไม่ต้องลำบากแล้ว พ่อแม่ไม่ต้องส่งเสียเก๋เรียน เพราะได้ทุนเรียนฟรี เรายืนได้ด้วยตัวเอง มีอาชีพที่ใช้ความสามารถของตัวเองอย่างเต็มที่ มีรายได้ช่วยเหลือครอบครัวได้มาก ตอนนี้เก๋ส่งน้องเรียน 3 คน

 

@คิดว่าตัวเองดังไหมตอนนี้

 

มีข่าวออกไปจากที่เราไปแข่งขันและได้รางวัลกลับมา ก็คงมีคนติดตามมีคนรู้จัก อย่างตอนนี้ที่มหาลัยเก๋เดินไปไหนเพื่อนนักศึกษาก็มองกันเยอะขึ้น จะไม่ดังได้ไงล่ะก็หน้าเก๋ไปขึ้นอยู่บนเว็บไซต์ของมหาลัยเต็มไปหมด แต่ส่วนตัวเก๋ก็ชอบอยู่เงียบ ๆ นะ เพราะมีโลกส่วนตัวสูง ไม่ชอบวุ่นวาย อย่างถ้าคนเพิ่งรู้จักกันเก๋ก็จะพูดไม่เยอะ แต่ถ้ารู้จักกันสักพักใหญ่ ๆ ก็จะรู้ว่าเก๋พูดมาก

 

@มาถึงจุดนี้ต้องดูแลตัวเองอย่างไร

ทางสมาคมกีฬายกน้ำหนักก็มีกฎระเบียบที่เคร่งครัดอยู่แล้ว ทำให้นักกีฬาทุกคนต้องสร้างวินัย เรื่องการวางตัวสำคัญมาก เพราะเราต้องเป็นตัวอย่างให้รุ่นน้อง

 

@แรงจูงใจกีฬายกน้ำหนักตอนนี้ทำให้เราต้องมุ่งมั่นมากขึ้นไหม

 

เก๋คิดว่านักกีฬาทุกคนที่อยู่ในวงการนี้มุ่งมั่นทุกคน แรงจูงใจคือเงินรางวัล เราเป็นนักกีฬาอาชีพ อย่างแข่งชิงแชมป์โลกเหรียญทองได้ประมาณ 2 ล้าน ซีเกมส์ เหรียญทอง 1 แสนบาท โอลิมปิก เหรียญทองเหรียญละ 10 ล้าน อันนี้เป็นกฎที่เพิ่งปรับใหม่ซึ่งการกีฬาแห่งประเทศไทยจะจ่ายให้

 

@มั่นใจแค่ไหนกับโอลิมปิกที่ปักกิ่ง

 

อีก 2 ปีกว่า ๆ เก๋ก็พอมีเวลาเตรียมตัวนะ ทุกวันก็ซ้อมหนักมาก มั่นใจว่าตัวเองจะได้ไปยืนอยู่จุดนั้นได้แน่นอน จริง ๆ เป็นหน้าที่ของทุกคนในค่ายที่ต้องช่วยเหลือกัน ต้องขึ้นกับหลายส่วนทั้งโค้ช การดูแลของสมาคม และก็ตัวนักกีฬาเอง เพราะเราจะเดินไปเดี่ยว ๆ คงไม่ได้

 

@วางอนาคตตัวเองไว้อย่างไร

 

ตอนนี้เก๋อายุ 21 ก็ยังไปได้อีกหลายปีบนเส้นทางนี้ แต่ร่างกายเราต้องดูแลตลอดเวลา พอถึงจุดหนึ่งเราจะรู้ตัวเองว่าเราเล่นต่อไปไหวไหม อย่างนักกีฬาต่างประเทศบางคนเล่นถึงอายุ 30 ปีก็มี แต่สำหรับเก๋กะว่า 28 ก็คงวางมือแล้ว อาจเป็นโค้ชเทรนเด็กใหม่ ๆ ตอนนี้ ม.นอร์ทก็ให้ทุนเรียนต่อถึงป.โท ก็อาจจะเรียนต่อ เพราะเราจะได้ประสบการณ์อีกมาก อนาคตเรื่องงานก็อยากรับราชการทหารเหมือนรุ่นพี่ ๆ

 

ทุกย่างก้าวแห่งความมุ่งมั่น บากบั่น อดทนมาตลอดระยะเวลา 11 ปี จึงไม่ใช่เรื่องยากนักที่ดาวจรัสแสงดวงนี้ "จันทร์พิมพ์ กันทะเตียน" จะคว้าชัยในสนามโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 29 ที่กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน มาให้คนไทยได้ชื่นชมอีกครั้ง

 

สุธิดา  สุวรรณกันธา

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท