เดอะ ไรซิ่ง เนปาล- งานถุงยางอนามัยเนปาลจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 22 ตุลาคมนี้ เพื่อเป็นการให้การศึกษากับประชาชนเกี่ยวกับการใช้ถุงยางอนามัยเพื่อให้มีลูกห่างขึ้นและเพื่อป้องกันเอชไอวีเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รวมทั้งเพื่อการสร้างบรรยากาศให้มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนกันเรื่องถุงยางอนามัยได้อย่างเปิดเผย
ในการจัดงานวันถุงยางอนามัยซึ่งในปีนี้เป็นครั้งที่ 11 มีคำขวัญว่า "ใช้ถุงยางอย่างเหมาะสม สามารถปกป้องสองสถาน" ( Proper Use of Condoms for Dual Protection)
ปัจจุบัน วันถุงยางอนานัยนี้ได้กลายเป็นเทศกาลระดับชาติที่จะจัดให้มีขึ้นตามชุมชนต่างๆ ตามหน่วยงานของรัฐ องค์กรพัฒนาเอกชน และองค์การระหว่างประเทศ โดยมีรูปแบบและโครงการแตกต่างๆกันออกไป
ในงานวันถุงยางอนามัยปีนี้จะมีองค์กรมาเข้าร่วมมากกว่า 40 องค์กร ที่ประกอบไปด้วยหน่วยงานของภาครัฐ เอกชน องค์กรพัฒนาเอกชน องค์กรระหว่างประเทศและสื่อต่างๆ รวมทั้งชุมชนและบุคคลต่างๆจากทั่วประเทศก็จะเข้ามาร่วมด้วย โดยจะมีอาสาสมัครกว่าพันเข้ามาร่วมทำงานเพื่อส่งสารให้กับชุมชนต่างๆ
พิตามบา อารยัล ผู้อำนวยการกรมบริการด้านสุขภาพได้กล่าวในการแถลงต่อที่ประชุมผู้สื่อข่าวที่จัดโดยสภากาชาดเนปาลว่า วันนี้เป็นวันสำหรับทุกคนที่มีอายุถึงวัยเจริญพันธุ์แล้ว
"การจัดงานวันนี้มีเป้าหมายที่จะสร้างความตระหนักในกลุ่มผู้ชาย เกี่ยวกับเรื่องของการวางแผนครอบครัว เรื่องเอชไอวี/เอดส์ และเรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ รวมทั้งจะสร้างความตระหนักในกลุ่มผู้หญิงว่า ถุงยางอนามัยมีความสำคัญต่อการปกป้องพวกเธอจากการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และ เอชไอวี/เอดส์ อย่างไร รวมทั้งเรื่องของการคุมกำเนิดด้วย"
อารยัลกล่าวว่า ทางสภากาชาดเนปาลเริ่มจัดงานวันถุงยางอนามัยมาตั้งแต่ปี 2538 และปีนั้นมีการจัดงานขึ้นใน 35 อำเภอมีคนเข้าร่วมกว่า 50,000 คน ปัจจุบันนี้ วันถุงยางอนามัยได้ถูดตั้งให้เป็นงานเทศกาลประจำปีไปแล้วโดยให้จัดขึ้นในวันเสาร์แรกหลังจากเทศกาลบูชาพระแม่ทุรคา และคาดว่าปีนี้จะมีคนเข้าร่วมถึง 5 แสนคนทั่วประเทศ
ประชากรของเนปาลได้เพิ่มขึ้นสองเท่าในระยะเวลา 30 ปี และปัจจุบันอัตราการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรอยู่ที่ ร้อยละ 2.27 และจะยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อัตราการการคลอดเด็กในปัจจุบันอยู่ที่ เด็ก 4.1 คนต่อผู้หญิง 1 คน ประมาณการว่ามีผู้ติดเชื้อเอชไอวีอยู่ประมาณ 6.2 หมื่นคนโดยส่วนใหญ่ติดต่อจากเพศสัมพันธ์กับเพศตรงข้าม (heterosexual)
อารยัลกล่าวว่า การใช้ถุงจากเพิ่มขึ้นจะช่วยชะลอการเพิ่มจำนวนประชากรและขณะเดียวกันก็ช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆด้วย
เต็ค บาฮาดูร์ ดานกี จากกองสุขภาพครอบครัวกล่าวว่า ในขั้นต้นถุงยางถือเป็นเครื่องมือขั้นพื้นฐานในเรื่องการวางแผนครอบครัว เขากล่าวว่า ในปี 2533-2534 มีคู่ที่ใช้ถุงยางอนามัยเพื่อการวางแผนครอบครัวและป้องกันโรคเพียงร้อยละ 0.5-0.6 ในปี 2544 มีคู่ใช้ถุงยางอนามัยเพิ่มมาอยู่ร้อยละ 3.2 แล้ว
----------------------------------
ที่มา: http://www.gorkhapatra.org.np/pageloader.php?file=2005/10/21/topstories/main12
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)