Skip to main content
sharethis

 


 








เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่บ้านตันหยงลิมอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 21 ก.ย. ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ยังมีความคลุมเครืออีกมากมาย "นัจมุดดีน อูมา" อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนราธิวาส พรรคไทยรักไทย เป็นอีกบุคคลหนึ่งที่อยู่ในสถานการณ์นั้น โดยทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการพูดคุยกับชาวบ้านกว่า 19 ชั่วโมง กระทั่งนาวิกโยธิน 2 นาย ที่ถูกชาวบ้านจับเป็นตัวประกันถูกทำร้ายจนเสียชีวิต สถานการณ์ต่างๆ ก็เปลี่ยนไป  นัจมุดดีน เจรจาไม่สำเร็จ เขาก็กลายเป็นจำเลยของสังคมอีกครั้ง

 


ก่อนหน้านี้มีเสียงเล่าลือกันอย่างมากว่าเขาอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ปล้นปืนค่ายปิเหล็ง เมื่อ พ.ศ. 2547 และก่อนหน้านั้นเมื่อ พ.ศ. 2546 เกิดกรณีที่ "ข่าวลือ" ว่าเจ้าหน้าที่รัฐคือ "โจรนินจา" หรือหน่วยล่าสังหารชาวบ้าน ตอนนั้นมีทหารพลร่ม 2 คน ถูกชาวบ้านจับเป็นตัวประกันโดนทำร้ายจนเสียชีวิตเช่นเดียวกัน นัจมุดดีน ก็เป็นผู้เจรจาในครั้งนั้น


 


ในหลายกรณีที่เกิดขึ้น รวมทั้งที่บ้านตันหยงลิมอ บ้างก็ว่า เขากำลังพยายามถ่วงเวลาให้สถานการณ์เลวร้าย บ้างก็ว่าเขาอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด มีการตั้งข้อสังเกตกันว่า ทำไมเขาจึงไปอยู่ที่แห่งนั้น และเป็นผู้เจรจา ทั้งๆที่ไม่มีอำนาจและตำแหน่งหน้าที่อะไรที่เกี่ยวข้องเลย


 


คำถามต่างๆ เหล่านี้ถูกตอบจากปากของ "นัจมุดีน อูมา" เอง


 


 


เกิดอะไรขึ้นที่ตันหยงลิมอ


 


นัจมุดดีน :         ขอเล่าย้อนหลังในวันนั้น ช่วงหัวค่ำผมได้เชิญอาจารย์สุริยะ ตะวันฉาย ประธานมูลนิธินกกระดาษ คือ เชิญแกมากินข้าวที่บ้าน ประมาณซักทุ่มหนึ่ง แล้วทุ่มกว่าๆนายอำเภอก็แวะมาพอดี ก็นั่งคุยที่หน้าบ้าน สองทุ่มมีคนโทรแจ้งว่าได้เกิดเหตุยิงชาวบ้านร้านน้ำชาก่อน แจ้งให้นายอำเภอทราบนะ ผมก็ถามนายอำเภอว่าเหตุอะไร แกก็เล่า


 


สักพักมีคนโทรมาอีกบอกว่ามีเหตุชาวบ้านจับทหาร 2 นาย สักประมาณสามทุ่มครึ่งนายอำเภอเค้าขอตัวกลับก่อน ชาวบ้านเค้าโทรมาเพื่อจะให้แกเข้าพื้นที่ ผมก็บอกแกว่าในสถานการณ์กลางคืนอย่างนี้ ต้องระมัดระวัง ถ้าจะเข้าไปก็ไม่ผิดแต่ต้องระมัดระวัง


 


สี่ห้าทุ่มผมก็ขึ้นนอน พอตอนตีสองกว่าๆได้รับโทรศัพท์จากผู้ใหญ่ในกองทัพภาคที่ 4 บอกว่าขอร้องให้ช่วยมา พูดคุยกับชาวบ้านหน่อย ที่จริงสื่อใช้คำว่า เจรจา มันยังไม่ถึงขั้นเจรจา เพราะ ผมก็ไม่ได้รับมอบอำนาจจากท่านผู้ใดทั้งสิ้น ประชาชนก็ไม่ได้มอบให้ผมเป็นผู้เจรจา รัฐบาลก็ไม่ได้มอบให้ผม คือต้องเข้าใจตรงกันก่อน


 


เมื่อผมรับโทรศัพท์ ก่อนที่จะไปทำงานชิ้นนี้ก็ขอให้รับปากก่อน คือ อย่าหวังผลว่าจะสำเร็จ 100 เปอร์เซ็น  เพราะผมก็เป็นแค่คนๆ หนึ่ง และผมมีบทเรียนกรณีที่พลร่มเสียชีวิต เมื่อปี 46 สองนาย สุดท้ายก็มาลงที่ผมว่าเป็นคนที่ยุชาวบ้านให้ตีเจ้าหน้าที่พลร่ม แล้วก็เมื่อเขารู้ว่าผมพูดอย่างนี้ก็บอกว่าไม่เป็นไร งานนี้นี่เค้าจะเป็นแบ็คให้เต็มที่ขอให้ทำงานอย่างตรงไปตรงมา


 


ผมก็เปิดโทรศัพท์มือถือก็มีเบอร์ผู้ว่าฯ ให้โทรกลับไปหาผู้ว่าฯ ผมก็โทรกลับไปหาแก แกก็พูดทำนองเดียวกัน ผมก็เลยแต่งตัวออกจากบ้านตอนตีสามกว่า ไปพร้อมๆกับนายสินชัยที่เป็นข่าวในขณะนี้ ก็ไปที่ค่ายทหารที่อยู่ที่ โรงเรียนระแงะ ห่างจากบ้านผมประมาณสัก 2 กิโลเมตร


 


ออกไปก็เจอผู้การตำรวจภูธรจังหวัด ผู้การนาวิกโยธิน( น.ย.) เจอนายอำเภอที่นั่น คุยกันประมาณชั่วโมงนึง ผมก็ลองโทรศัพท์ติดต่อไปที่ผู้ใหญ่บ้าน ก็ไม่เคยติดต่อแกมาก่อน ได้เบอร์มาก็ลองติดต่อไปว่าคืนนี้ถ้าจะเข้าไปพูดคุยกับนายอำเภอ ผู้การ น.ย. ได้ไหม เค้าก็บอกว่าไม่น่ามา อันตราย ผมก็ไม่ได้ไป เขาให้ไปตอนหกโมง เขากลัวอันตรายระหว่างทาง จะเกิดเหตุการณ์อะไรจะเกิดขึ้นก็ไม่รู้ ทุกทีเวลาเกิดเหตุในหมู่บ้าน เจ้าหน้าที่ไปก็จะโดนดักซุ่มยิง


 


พอสว่างผมก็ไปพร้อมกับผู้ว่าฯ นายอำเภอ  ไปประมาณ หกโมงครึ่ง ก็ไปดูที่เกิดเหตุ เห็น น.ย.ทั้งสองคนถูกมัดมือมัดเท้า พอพูดขึ้นมาว่าให้พี่น้องตั้งตัวแทนเจรจา ทางชาวบ้านก็พยายามไม่ตั้งตัวแทน ผมเข้าใจผู้สูงอายุไม่อยากให้มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น แต่มีวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งยุแยงให้มันเกิด


 


เมื่อไม่ยอมตั้งตัวแทนเจรจา ผมกับผู้ว่าฯก็ได้ไปอาคารมัสยิด แล้วประกาศผ่านเครื่องกระจายเสียงว่า ผมกับผู้ว่าฯได้มานั่งอยู่กับพี่น้องมาช่วยแก้ปัญหาพวกเรา อะไรที่ผมรับได้ก็บอก ใครมีพยานว่าใครเป็นผู้ร้ายก็มาบอกกัน พอคุยจบเค้าก็เฉยๆ  ก็บอกว่ามันไม่จบนะถ้าไม่มีคำตอบ


 


เขาก็บอกว่าต้องรอให้ทีวีมาก่อน ตอนนั้นยังไม่มีข้อเรียกร้องอื่นๆขอทีวีอย่างเดียว เราก็เลยติดต่อช่อง 7 กับ ช่อง 9 ได้ ประมาณ 8 โมงก็มา พอผมจะไปรับก็ไม่ให้เข้า ก็บอกทีวีไทยไม่มีความเป็นกลาง ต้องเอาทีวีมาเลเซีย เข้ามา ตอนที่เค้าขอทีวีมาเลย์ มาผู้ว่าฯก็อยู่ด้วย


 


 ขณะนี้สังคมกำลังตั้งคำถามว่าใครเป็นคนขอทีวีมาเลเซีย  ผมก็บอกว่าผมได้ยินชาวบ้านขอทีวีมาเลย์ ส่วนใครเป็นคนตัดสินใจให้ทีวีมาเลย์มาไม่ใช่อำนาจผม ต้องถามเจ้าหน้าที่ระดับสูงในพื้นที่ ประมาณ สิบโมง พลตรีพิเชษฐ์ เข้ามา ก็พาแกไปพบปะคนโน้นคนนี้ กินกาแฟด้วยกัน ชาวบ้านในขณะนั้นมีบรรยากาศที่เป็นมิตร เราก็นึกไม่ถึงว่าจะมีกลุ่มวัยรุ่นเข้ามาก่อกวน


 


ประมาณซักเที่ยงกว่าๆ ก็มีผู้อำนวยการกองกิจการพลเรือนกองทัพภาคที่ 4 ส่วนหน้าแจ้งข่าวมาว่าขณะนี้ทีวีมาเลเซียพร้อมแล้ว กำลังจะส่งเฮลิคอปเตอร์ไปรับ ซักบ่ายโมงผมก็ไปละหมาดที่มัสยิด กับนายอำเภอ ผู้ว่าฯ ก็มีชาวบ้านเป็นร้อยๆ ก็เห็นการเคลื่อนไหวผิดปกติ ก็มีผู้หญิงกับเด็กๆลุกขึ้น เดินบ้างหนีบ้าง ก็เลยเอะใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น


 


 ก็มีคนมีคนมาแจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทราบว่าได้มีกลุ่มคนร้ายเปิดประตูทำร้ายทหาร จะเสียชีวิตหรือไม่ไม่รู้ นี่คือเกิดขึ้นหลังละหมาด


 


ผมก็บอกชาวบ้านคือเมื่อได้รับบาดเจ็บแล้ว หน้าที่ของเราคือจะต้องส่งโรงพยาบาล ก็ได้พยายามขอกุญแจเค้า เค้าก็ไม่ให้ ไม่ให้มาตั้งแต่ต้น ผมก็ได้แจ้งให้รองฯ พิเชษฐ์ทราบ เพื่อประสานขอรถพยาบาล แกบอกว่ารถพยาบาลอาจจะช้า เอารถกระบะที่มีอยู่ตรงนั้นไปรับก่อน ก็เลยเอารถกระบะเข้าไป


 


 ผมก็ถามชาวบ้านว่ากุญแจอยู่ที่ไหนเขาก็ไม่พยายามบอก เมื่อเอารถมาเทียบที่อาคารแล้ว รองแม่ทัพกับทีมงานก็เลยตัดสินใจงัดประตู จึงรู้ว่าเสียชีวิตแล้ว


 


ประตูที่ถูกล็อกไม่มีร่องรอยของการงัดมาก่อน


 


นัจมุดดีน :         ไม่มี มีกุญแจดอกใหญ่ล็อคอยู่


 


ในตอนขอนักข่าวโทรทัศน์จากมาเลเซียพอจะระบุตัวคนพูดได้หรือไม่


 


นัจมุดดีน :         มันทั้งคนนั่งคนยืน คือเราไม่ได้เจรจากัน เราคุย ตอนนั้นผู้ว่าฯ ก็อยู่ด้วย ส่วนวัยรุ่นที่มาตอนนั้นก็ผสมผสานไปทั้งคนใน คนนอกหมู่บ้าน คนบอกเหมือนกันว่า หลังมีเหตุแทงทหารแล้ว ก็มีผู้มีอายุ 40 ขึ้นไปวิ่งไล่คนร้ายเหมือนกันแต่ไม่ทัน


 


ข้อเสนอที่จะเอาทีวีมาเลเซียต้นคิดมายังไง


 


นัจมุดีน :           ไม่รู้เหมือนกันมันดีที่ว่าข้อเสนอที่จะเอาทีวีมาเลเซียมีผู้ว่าฯอยู่ด้วย ถ้ามีแต่ผมอย่างเดียว มีแต่นายอำเภออย่างเดียว เค้าอาจจะพุ่งมาที่ผมก็ได้ ตอนนั้นยืนคุยกันอยู่รวมๆ ก็ยื่นข้อเสนอเอาทีวีมาเลมา ก็คิดว่า ไอ้ห่า ชิบหายแล้ว พูดไทยก็มี พูดมาเลย์ก็มีพูดให้ท่านผู้ว่าฯฟังรู้เรื่องนั่นแหล่ะ


 


ก็มีบทเรียนว่าถ้ามีการชุมนุมแบบนี้ ถ้ามีการเรียกร้องสื่อต่างชาติเราคงไม่รับฟังแล้วล่ะ มันอาจจะเป็นเกมลากให้ยาว ซึ่งเป็นบทเรียนราคาแพงมาก การสูญเสียทั้งชาวบ้าน และน.ย.สาบานจริงๆว่าไม่อยากให้เกิด


 


แล้วสื่อประเทศมาเลเซียน่าเชื่อถือกว่าจริงหรือ


 


นัจมุดดีน :         ผมว่าแปลกว่าทำไมอยู่ดีๆต้องเอาสื่อมาเลเซียมาด้วย คือ ผมเอะใจแล้ว คือปัจจุบันนี้ทีวีไทยด่ารัฐบาลทุกวันก็มี ช่องเนชั่นอย่างงี้ ไอทีวีบางทีก็เผลอ


 


 


หลังจากเหตุการณ์มีการปิดหมู่บ้านทันทีรึเปล่า


 


นัจมุดดีน :         ก็ปิด 5 จุด หากเดินเท้าหรือมอเตอร์ไซค์เข้ามาได้ แต่ถ้ารถยนต์ไม่ให้เข้า นี่คือป้องกันแล้วไม่งั้นจะบานปลาย ส่วนที่ไม่คุมตัววัยรุ่นในหมู่บ้านตอนนั้นไว้ก่อน ก็เพราะไม่รู้ว่าจะไปคุยกับใคร ผู้ใหญ่บ้านมีก็เหมือนไม่มี อบต.มีอยู่ก็ทำอะไรไม่ได้ โต๊ะอิหม่ามมีข่าวออกใน คม ชัด ลึก เป็นอัมพฤกษ์ อยู่แต่ในบ้านไม่ได้ไปไหนมาเป็นเดือนๆ แล้ว จะไปสงสัยแกได้อย่างไร ต้องสงสารแกบ้าง


 


แต่ตอนนี้คุณนัจมุดดีนเองก็ตกเป็นจำเลยของสังคมด้วยว่าอยู่เบื้องหลังความวุ่นวาย


 


นัจมุดดีน : คือคนที่ไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุก็มีสิทธิ์ตั้งข้อสังเกตได้ทุกคน กรณีบ้านละหาน โต๊ะอิหม่ามถูกยิง อีก 3 วันมีคนอพยพไปอีก 131 คน คนไทยทั่วประเทศรู้รึยังว่า ขณะนี้คนไทยอพยพไม่มีคนบ้านละหานเลยแม้แต่คนเดียว มีแต่คนต่างหมู่บ้านทั้งสิ้น แต่ข่าวบอกว่า คนละหานอพยพจากบ้านไป


 


 ผมก็ต้องทำใจในขณะนี้เพราะว่า กองทัพภาคที่ 4 ขณะนี้ ผู้บัญชาการภาค 9 ขณะนี้ พูดอะไรบ้าง ผู้ว่าราชการนราธิวาส ผ่านมาหลายวันแล้วคนเหล่านี้ยังไม่เคยได้พูดเลย คนเหล่านี้คือคนที่รู้ความจริง


 


ผมก็ต้องทำใจ จะเจ็บปวดบ้างก็ต้องยอมเพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียมากกว่านี้ คนที่อยู่วงนอกมีสิทธิ์พูดได้ทั้งนั้น


 


มีคนตั้งข้อสังเกตว่าผมมีคดีอยู่ ไปช่วยแก้ปัญหา ผมเรียนตั้งแต่ต้นว่า ถ้าผมไม่ได้รับการร้องขอจากผู้ใหญ่ในทางทหารผมไม่ไปเด็ดขาด เพราะรู้ตัวเองดีว่าขณะนี้เรายืนอยู่ในสถานภาพใด แต่เมื่อเขาขอร้อง โดยหน้าที่เราก็เป็นคนไทย สิ่งใดที่พอช่วยได้ก็ต้องช่วยๆกัน ขอเรียนว่า ผมไม่ได้รับมอบอำนาจจากผู้หนึ่งผู้ใดให้เป็นตัวแทนเจรจา เพียงแค่ว่าผมได้รับการขอร้องจากเจ้าหน้าที่ที่ผมนับถือแค่นี้เอง


 


ถ้าผมแก้ปัญหาได้ความดีความชอบผมก็ไม่มีอะไร แล้วก็ถามผู้ใหญ่ได้เลยว่าผมคาดการถูกต้องไหม ว่าผมไปแก้เหตุการณ์พลร่มสุดท้ายลงที่ผม มีคนบอกว่าผมไปช่วยพลร่มตาย 2 ศพ ไปช่วยงานนี้ตาย 2 ศพ กรือเซะตายเท่าไหร่ ตากใบตายเท่าไหร่ผมไปไหม ผมไม่ได้ไปกรือเซะ ไม่ได้ไปตากใบ คือถ้าจะพูดมาเปล่าๆพูดได้หมด


 


แล้วมีข่าวออกมาว่า นายอำเภอให้ข่าวมาว่า นายสินชัย สาและ เป็นผู้ถือกุญแจ นายอำเภอบอกว่าตั้งแต่เกิดเหตุถึงวันนี้ไม่เคยให้สัมภาษณ์แม้แต่คำเดียวแล้วข่าวเอามาลงได้ยังไง มันต้องมีคนต้องการบิดเบือนข้อเท็จจริงให้มันตีกันไปตีกันมา ผมอยู่ตรงนี้เชื่อมั่นในตนเอง และเชื่อว่าผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองท่านรู้ ว่าใครทำอะไรแค่ไหน อย่างไร เราอย่าไปโหนตามกระแส


 


คุณสินชัยอยู่กับผมตลอด อายุก็ประมาณ 35 พ้นวัยรุ่นมาแล้ว สินชัย นี่ไม่ได้จับ เมื่อวันศุกร์ก็มาส่งผมที่สนามบิน แล้วก็บอกว่า นายอำเภอเชิญไปพบ ผมว่าไปได้เลย ผมสั่งกำชับเลยว่าต้องให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เต็มที่ 


 


แกบอกว่าซักบ่ายสองโมงมีตำรวจเรียกแกไปสอบปากคำ ก็บอกว่าไปได้เลยให้ความร่วมมือเต็มที่ ที่ข่าวว่าแกถูกจับแกไม่ได้ถูกจับนะ ไปให้ปากคำที่โรงพักตามคำเชิญของนายอำเภอ ไม่มีหมายเรียก แต่สุดท้ายทำไมกลายเป็นผู้ต้องหาไปได้ก็ไม่ทราบเหมือนกัน


 


ประเด็นคุณสินชัยนี่โยงมาถึงด้วยใช่ไหมครับ


 


นัจมุดดีน :         ในทางสืบสวน สำนวนยังไม่มี ในทางการข่าวไม่รู้เป็นอย่างไร แต่แกผมเป็นพยานได้เลย นายอำเภอก็เป็นพยานได้เช่นกัน เพราะมันอยู่ตลอดตั้งแต่ตีสาม บางทีสังคมต้องให้กำลังใจคนทำงานหนักบ้าง


 


ฐานะนักการเมืองในพื้นที่พอจะวิเคราะห์สถานการณ์ในตอนนี้ว่าเป็นอย่างไร


 


นัจมุดดีน :         คือวันนี้สงครามการข่าวเราพ่ายแพ้ ทางโน้นปล่อยข่าวอะไร ที่ไม่จริงคนจะเชื่อ วันนี้เราจะต้องเร่งทำสงครามด้านการข่าว ยึดพื้นที่การข่าวกลับมาโดยเร็ว ณ วันนี้เราต้องดูหลายๆด้านไม่ใช่แค่ด้านเดียว


 


เรื่องกลุ่มก่อการร้ายมันก็มีมูลบ้าง ถ้าไม่มีมูลก็ไม่มีตัว ถามว่าตัวที่ว่านี้คือใคร กลุ่มยาเสพติดก็มี กลุ่มผลประโยชน์ทับซ้อนก็มี และกลุ่มแนวร่วมที่เป็นกระบวนการก็มี ซึ่งขณะนี้ผมคิดว่าทางการก็พยายามที่จะอดทนสุดๆแล้ว พยายามเจาะไปถึงกลุ่มระดับข้างล่างยังไม่ได้ อันนี้ต้องยอมรับและขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยึดมั่นในแนวทางสันติวิธีต่อไป คิดว่าคงไม่เกินความสามารถถ้าทุกฝ่ายร่วมมือกัน โดยเอาประชาชนเป็นศูนย์รวมการแก้ไขปัญหาก็แก้ได้


 


แต่ ณ วันนี้ยังมีปัญหาว่า เจ้าหน้าที่ไปหวังผลเลิศจนเกินไป ทำให้ผู้ปฏิบัติอึดอัด ต้องให้โอกาสเค้า และการสูญเสียคงไม่อยากให้มีใครสูญเสียหรอก ผมเองถามว่าเจ็บปวดมั๊ย เจ็บปวดยิ่งกว่า ยิ่งชาวบ้านถูกยิง น.ย.ถูกฆ่า เพราะผมอยู่ในสถานการณ์ตรงนี้


 


ในเมื่อเราไปร่วมคิดแก้ปัญหาก็ขอให้สังคมให้ความเป็นธรรมบ้าง ให้กำลังใจบ้าง คือการพูดคุยในเรื่องอย่างนี้ ไม่มีใครอยากให้มีปัญหา อยากให้จบด้วยดี


 


ในกรณีตันหยงลิมอ การไม่ใช้กำลังโดยดูจากท่าทีชาวบ้านถือว่าสมเหตุสมผล แต่เราไม่สามารถที่จะหยั่งท่าทีของวัยรุ่นได้ คิดว่าวัยรุ่นกลุ่มนี้น่าจะมาก่อการโดยเฉพาะส่วนจะเป็นใครอะไร ผมว่าเจ้าหน้าที่ที่สืบสวนอยู่น่าจะพอมีเค้าบ้างแล้ว


 


ได้เข้าไปคุยกับกลุ่มวัยรุ่นบ้างหรือเปล่า


 


นัจมุดดีน :         คุยไม่รู้เรื่อง คือท่าทีแรงมาก ทั้งในวันนั้นและก่อนหน้านั้น ในพื้นที่ทั่วๆไปด้วย ประมาณ 20 ไม่เกิน 30 ช่วงนี้อันตรายมากๆ ไม่รู้จะทำอย่างไร ผมเองเรียนตรงๆว่าก็ไม่กล้า แต่โดยหน้าที่ก็ต้องทำ


 


ที่เค้าแรงขนาดนั้นก็มีหลายปัจจัย ปัจจัยที่มีการบ่มเพาะก็มีส่วน แล้วก็ความสับสนวุ่นวายของการค้าของผิดกฎหมาย ก็มีส่วน ก็อย่าลืมว่ายาเสพติดถ้าเราไปสืบดูทางใต้จะมีราคาแพงมาก คนที่มีพวกมากๆที่คิดจะหาเงินทางลัดพวกนี้ยังมีอยู่มาก เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่สงบ กลุ่มนี้ก็มีความสะดวกในการทำงานเพราะเจ้าหน้าที่ มัวแต่ไปดูแลเรื่องปัญหาความไม่สงบ


 


แสดงว่าชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่ได้มีส่วนรู้เห็น


 


นัจมุดดีน :         ชาวบ้านส่วนใหญ่อาจจะไม่รู้เห็น อาจจะเป็นคนส่วนน้อย และอาจจะมาจากที่อื่นผสมโรงบ้าง คือ มันลำบากในแง่ที่ว่าตัวแทนที่จะมาพูดคุยด้วยก็ไม่มี คนนู้นพูดที คนนี้พูดทีจับใครเป็นหลักไม่ได้


 


ถ้าเทียบกรณีโจรนินจาเมื่อปี 2546 กับกรณีที่ตันหยงลิมอมันต่างกันรึเปล่า


 


นัจมุดดีน :         กรณีพลร่มคนมีสิทธ์เข้าใจผิดได้ แต่กรณีตรงนี้เข้าใจผิดไม่ได้เลย เพราะว่านี่ร้านน้ำชารถขับผ่านมาเลยไปแล้วเลี้ยวกลับมากราดยิงชาวบ้าน แล้วก็มีรถทหารมาคันนึง รถตำรวจมาคันนึงเพื่อที่จะดูแลคนบาดเจ็บตรงนี้ เพื่อพาไปหาหมอที่โรงพยาบาล ขณะนั้นมีรถเก๋งน.ย.เข้ามาพอดี จอดตรงนี้ด้วยความบริสุทธิ์ใจว่าตัวเองเป็นทหารอยู่ที่นั่น ก็ลงไปสอบถามรถตำรวจออกไป ก็เหลือสองคน


 


 ก็ถามชาวบ้านว่า คุณเชื่อได้อย่างไรว่าสองคนนี้เป็นคนร้าย เขาก็ไม่เชื่อ อ้าวแล้วไม่เชื่อคุณไปจับเค้าทำไม คือผมพูดอย่างนี้จริงๆเลยนะ ผมก็รู้ว่าผมพูดคำนี้ออกไปผมเป็นอันตราย วันนั้นถ้าเกิดผู้ว่าฯเป็นอะไรไป นายอำเภอเป็นอะไรไป ผมคงหนักกว่านี้


 


สถานการณ์ขนาดนี้เราประคับประคองดีที่สุดแล้ว ผู้การ น.ย. หลังจาก น.ย.เสียชีวิตแล้วแกบอกว่า "แค้นนี้สุดแค้น แต่ไม่ล้างแค้น" นี่คือคำพูดของผู้ปฏิบัติที่อยู่ในเหตุการณ์ ถามว่าแค้นไหมลูกน้องตายต่อหน้าต่อตา แค้นสิ แต่ไม่ล้างแค้น นี่คือแนวทางสันติวิธี นี่คือแนวทางสมานฉันท์ การต่อสู้ทางความคิดถ้าใช้ความกำลังถ้าใช้อารมณ์โอกาสที่จะชนะยาก ต้องใช้ความคิด ต้องใช้ความสุขุมระหว่างบุคคล ซึ่งเจ้าหน้าทำถูก และผมเชื่อว่าจะมีการยั่วยุให้เจ้าหน้าที่ตกกับดักไปเรื่อยๆ จนกว่าเราจะสามารถที่จะคุมหัวใจชาวบ้านได้


 


แล้วมองท่าทีของรัฐบาลช่วงนี้ว่าอย่างไร


 


นัจมุดดีน :         อันนี้เป็นเรื่องนโยบาย ผมวิพากษ์วิจารณ์คงไม่ดีอะนะ ถ้าเห็นว่าพวกผมมีประโยชน์ในสิ่งใดสิ่งหนึ่งก็ยินดีจะไปร่วม แต่ถ้าเห็นว่าผมไม่มีประโยชน์ก็ไม่มีปัญหา แต่ตัวเราถือว่าเป็นหน้าที่อยู่แล้วที่จะต้องมาพูดคุยกัน


 


ตอนนี้ชาวบ้านในพื้นที่ตันหยงลิมอเป็นอย่างไรบ้าง


 


นัจมุดดีน :         บางสื่อมองว่าตันหยงลิมอร้าง คนหนีหมด ต้องให้ความเป็นธรรมชาวบ้านบ้าง ผมไปถามนายอำเภอ ปลัดอำเภอเข้าไป เจ้าหน้าที่เข้าไป ได้พบปะชาวบ้าน การที่มีใครซักคนได้ไปเยี่ยมชาวบ้านแล้วเอาภาพผู้หญิงร้องไห้มาออกทีวีมันใช้ไม่ได้ เป็นการเล่นละครมากเกินไป เราอย่าเอาการเมืองเป็นตัวตั้ง ผมถ้าหวังผลทางการเมืองผมไม่น่าไปคืนนั้น เพราะเวลาจะมีการเลือกตั้งใหม่อีก 3 ปีครึ่ง ส.ส.ก็ไม่ได้เป็น ตำแหน่งในรัฐบาลซักอย่างก็ไม่มี


 


เราควรจะไปคุยกับชาวบ้านในลักษณะธรรมชาติเค้าดีกว่า มีคนว่าเจ้าหน้าที่เยอะ มีการตรวจเข้ม อันนี้เป็นธรรมดา สถานการณ์อย่างนี้ถ้าเจ้าหน้าที่อยู่เฉยๆมันก็ผิดปกติ แต่ยังไงเค้าก็ต้องตรวจธรรมดาอยู่แล้ว ผมผ่านด่านเค้าก็ต้องตรวจ ธรรมดา แล้วยินดีให้ตรวจด้วยไม่มีปัญหาอะไร


 


ที่ว่าผู้ชายหมดหมู่บ้านก็ไม่น่าใช่ แต่ถ้าเป็นคนที่เค้าคิดว่าไม่สบายใจ แล้วหลบหนีบ้างก็มีอยู่แล้วเป็นเรื่องธรรมดา แต่การที่สื่อบอกว่าคนส่วนใหญ่ไม่อยู่บ้านเป็นไปไม่ได้หรอก


 


เราจะแยกปัญหายังไงว่าอะไรเป็นอะไร


 


นัจมุดดีน :         ผมเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ในพื้นที่คงจะมีข้อมูลอยู่บ้างแต่ผมไม่มี ผมก็พอรู้ก็ไปบอกเจ้าหน้าที่ ชาวบ้านไม่มีปัญหาอะไรกับเจ้าหน้าที่ แต่สิ่งที่ทำได้ขณะนี้คืออดทนต่อไป แล้วก็มาตรการรัฐก็ต้องมีความเข้มงวดกว่าเดิม คำว่าเข้มงวดไม่ได้ใช้กำลังนะ  เข้มงวดในการทำงานเชิงรุก ที่จริงวันนี้ทำงานดีแล้วแต่ต้องทำดีให้มากกว่านี้หน่อย พยายามเอาคนในพื้นที่ให้เข้ามามีส่วนร่วมให้มาก อย่าไปมองว่าเขาเป็นกลุ่มมีปัญหาจนวาดภาพเค้าก่อน


 


ผมสังเกตดูว่าการต่อสู้ของคนทั่วๆไปถ้าเราสามารถดึงเค้ามาเป็นแนวร่วมเรามากขึ้นเรื่อยๆดีกว่าผลักคนให้เป็นโจรมากขึ้นทุกวันจะยิ่งมากขึ้นไปกันใหญ่


 


 


การตัดสินใจไม่ชิงตัวประกัน ในฐานะที่ท่านไม่อยู่ตรงนั้นด้วยเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องหรือไม่


นัจมุดดีน :         ถ้ามองในช่วงต้นก็ถูก แต่ถ้ามองว่าจะมีการทำร้าย น.ย. ก็ผิด ผมก็เห็นเจ้าหน้าที่เค้าเตรียมการเหมือนกันนะ เรื่องอะไรไม่รู้ไม่ใช่หน้าที่เรา


 


คนที่จุดกระแสขึ้นมาเชื่อว่าเราจะตัดสินใจใช้กำลังเมื่อเราตัดสินใจไม่ใช้กำลัง เค้าก็ต้องเปลี่ยนเป็นแผนอีกแบบให้มีการสูญเสีย


 


ผมว่าในแง่การเมืองเค้าเสียนะ ถ้าเผื่อชาวบ้าน 2 คน เสียชีวิตที่ร้านน้ำชา จบตรงนั้น ชาวบ้านจะได้เต็มๆจะได้คะแนนนิยมทางการเมือง แต่ ณ วันนี้สังคมทั่วประเทศมีใจให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่เพราะเห็นว่ากลุ่มคนร้ายกระทำการเหี้ยมโหดกับตัวประกัน ตรงนี้เค้าเสีย ตรงที่ไปปลุกระดมว่าทหารมาเยอะ เจ้าหน้าที่มากอะไรต่างๆ ก่อนหน้านี้จะไม่มีเหตุผลเท่าไหร่ แต่ ณ วันนี้ก็เริ่มที่จะให้โอกาสมีการทำอย่างนี้เกิดขึ้น


 


แต่โอกาสของชาวบ้านก็ลดลง เพราะชาวบ้านก็โดนมองภาพเดียวกันว่าใช้ความรุนแรง


 


นัจมุดดีน :         คือตอนนี้ต้องรีบทำสงครามจิตวิทยาเพื่อรีบนำคนดีๆกลับมาให้เร็ว ส่วนคนที่คิดไม่ดีก็ว่าไปตามกระบวนการ เราต้องมองสองด้าน ทั้งด้านประชาชนและด้านผู้ที่คิดไม่ดี ถ้าเราไปเหมารวมสองกลุ่มนี้  เราก็จะลำบาก


 


แล้วเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ขณะนี้ปรับตัวตามแนวทางสันติวิธีแค่ไหน


 


นัจมุดดีน :         เจ้าหน้าที่ยอมรับเลยว่าอดทนจริงๆ ขนาดผู้การ น.ย. พูดแค้นสุดแค้นแต่ไม่ล้างแค้น คำๆนี้มีความหมายมาก


 


ท่าทีของกลุ่มวาดะห์ในช่วงนี้ดูเงียบๆลงไป มีการหารือและจะมีข้อเสนออะไรออกมาหรือเปล่า


 


นัจมุดดีน :         ก็คุยหารือกันอยู่เหมือนกัน ข้อเสนอต่างๆก็อยู่ที่หัวหน้ากลุ่ม แล้วแต่ท่านวัน นอร์ ทิศทางกลุ่มก็อยู่ที่ท่าน เพราะท่านเป็นรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทยอยู่


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net