ทั้งนี้โดยมอบหมายให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ไปพิจารณารายละเอียดการลงทุนก่อสร้างเส้นทางรถไฟสายขอนแก่น-เชียงยืน-มุกดาหาร ระยะทาง 200 กิโลเมตร ซึ่งจะเป็นเส้นทางเชื่อมภาคตะวันออกของไทยกับภูมิภาคอินโดจีน ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่า จะสามารถประหยัดเงินลงทุนได้มากกว่าเส้นทางที่ศึกษาไว้เดิม
ในส่วนของกระทรวงคมนาคมจะพิจารณาขยายช่องทางจราจรจาก 2 เลน เป็น 4 เลน ครอบคลุมในพื้นที่ที่มีความจำเป็นด้านการขนส่ง และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดเรื่องการขยายการลงทุนระหว่างไทยกับกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง โดยใช้จุดการขนส่งสินค้าเป็นตัวเชื่อมโยงระหว่างจังหวัดมุกดาหารกับแขวงสะหวันนะเขตของ สปป.ลาว ซึ่งมีสนามบินรองรับการขนส่ง การจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าที่จังหวัดมุกดาหาร และศูนย์ส่งเสริมเอสเอ็มอีในพื้นที่
นอกจากนี้ ยังให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาการพัฒนาเพื่อเชื่อมโยงจุดท่องเที่ยวต่าง ๆ ในพื้นที่ 4 จังหวัด การพัฒนาบุคลากรและการศึกษาเพื่อรองรับการเข้ามาศึกษาต่อของประชากรของประเทศเพื่อนบ้าน การขยายอายุวีซ่าระหว่างประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาค เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า คณะรัฐมนตรียังให้ดูแลเรื่องการบริหารจัดการแหล่งน้ำ หลังจากพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมักประสบปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วมพร้อมกัน โดยให้ดูในเรื่องการขุดคลองเพื่อการชลประทานในพื้นที่ที่เหมาะสม รวมทั้งการสร้างความเจริญในพื้นที่ โดยการเร่งรัดให้มีถนนลาดยางเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายในทุกอำเภอ รวมทั้งการแก้ปัญหาเอกสารสิทธิ์ทับซ้อนในพื้นที่ป่าสงวน เพื่อนำที่ดินเหล่านี้ไปจัดสรรให้ประชาชนใช้ทำกิน สร้างอาชีพและรายได้ รวมทั้งการพัฒนาสังคม โดยขอให้จัดตั้งโรงเรียนในฝันขึ้นทุกอำเภอ
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรียังมอบหมายให้นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นผู้กำกับดูแลติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานให้เกิดความคืบหน้าตามกรอบยุทธศาสตร์ดังกล่าว