ประชาไท - 4 ต.ค. 48 บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เครือข่ายภาคประชาชนร่วมรณรงค์คัดค้านการขึ้นค่าไฟฟ้าและขาย กฟผ.ในตลาดหุ้น เชิญชวนประชาชนเขียนโปสการ์ดส่งถึงนายกรัฐมนตรี หวังปลุกพลังปกป้องผลประโยชน์แผ่นดิน
ตามที่บริษัท กฟผ.จำกัด(มหาชน) มีแผนที่จะกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ภายในเดือน พ.ย.นี้ ทำให้เครือข่ายภาคประชาชน อาทิ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค สหพันธ์องค์กรผู้บริโภค เครือข่ายแรงงานนอกระบบ เครือข่ายศิลปิน เครือข่ายเกษตรทางเลือก เครือข่ายสลัม4 ภาค เป็นต้น กังวลถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น โดยตัวแทนเครือข่ายเห็นว่า การกระจายหุ้นของ กฟผ.จะทำให้จุดประสงค์ของ กฟผ.ในฐานะหน่วยงานบริการเปลี่ยนมาเป็นการดำเนินกิจการที่เน้นผลทางธุรกิจมากขึ้นและผลประโยชน์ทั้งหมดจะตกอยู่กับผู้ถือหุ้นโดยมีประชาชนเป็นผู้เสียประโยชน์ โดยมีแนวโน้มว่าค่าไฟฟ้าจะแพงขึ้น ซึ่งขณะนี้ กฟผ.ยังไม่มีแผนการรองรับที่ให้ความเป็นธรรมแก่ผู้บริโภคแต่อย่างใด
ทั้งนี้ นางสาว
"โดยปกติแล้วรัฐวิสาหกิจจะต้องดูดซับความยากลำบากของประชาชน ซึ่งความจริงแล้วรัฐวิสาหกิจก็สามารถแปรรูปเป็นบริษัทได้ แต่รัฐจะต้องถือหุ้น 100% เพื่อที่จะสามารถกำหนดนโยบายผ่านบริษัทเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประชาชนเอาไว้ แต่ถ้าเข้าตลาดหลักทรัพย์เมื่อไรก็เท่ากับเปิดช่องให้มีคนเข้ามาเทคโอเวอร์ และรัฐก็จะทำอะไรไม่ได้เพราะอ้างว่าเป็นบริษัท" นางสาวรสนา กล่าว
"ตอนนี้ต้องขึ้นกับประชาชนว่าจะลุกขึ้นมาหรือไม่ ซึ่งเราน่าจะหยุดยั้งได้หากเสียงของประชาชนมากพอ แต่ก็พบว่าประชาชนหลายส่วนอึดอัดใจ ส่วนใหญ่คิดว่าจะไปสู้อะไรกับรัฐบาลได้ ซึ่งเป็นการคิดในลักษณะยอมจำนน" นางสาวรสนา แสดงความเห็นพร้อมบอกว่าจะรวบรวมโปสการ์ดที่แจกจ่ายแก่ประชาชนเพื่อส่งถึงนายกฯ ให้มากที่สุดด้วย
นางสาวรสนา กล่าวทิ้งท้ายว่า การรณรงค์จะเป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีเครือข่ายในจังหวัดต่างๆ ด้วย ซึ่งตนคาดหวังผลสูงสุดให้ประชาชนได้ตื่นตัว ไม่คิดว่าจะแพ้หรือชนะ แต่คิดว่าต้องทำในสิ่งที่ถูกต้องให้ประชาชนได้เห็น ทั้งนี้ หากประชาชนไม่เข้าร่วมคัดค้านหยุดยั้ง กฟผ.ก็ถือเป็นกรรมร่วมกันของสังคม
ด้านนางสาว
"สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือมาตรการคุ้มครองผู้บริโภคซึ่งยังไม่มีการพูดถึงเลย ทั้งการพยากรณ์ไฟฟ้าก็ยังเป็นประเด็นใหญ่ที่จะทำให้ กฟผ.ผลักดันแผนการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นขณะที่เศรษฐกิจกำลังอยู่ในช่วงขาลง ส่งผลให้ประชาชนต้องจ่ายค่าไฟฟ้าที่ผลิตส่วนเกินนี้" นางสาวสายรุ้ง กล่าว
ทั้งนี้ ผู้จัดการสหพันธ์องค์กรผู้บริโภค มองว่า การที่ กฟผ.ต้องเร่งเข้าตลาดหลักทรัพย์นั้น เป็นเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อน เพื่อใช้ กฟผ.เป็นแหล่งหากินหรือผลประโยชน์ของกลุ่มธุรกิจการเมือง เพราะการที่ตลาดหุ้นได้สินค้าใหม่ลงไปนั้นสามารถหวังกำไรได้แน่นอน ทั้งยังไม่มีความเสี่ยงแต่อย่างใดเนื่องจากมีผู้บริโภคเป็นผู้รับประกัน
ผู้จัดการสหพันธ์องค์กรผู้บริโภค ยังเปิดเผยเพิ่มเติมว่า "วันที่ 6 ต.ค.นี้ เครือข่ายภาคประชาชนจะยื่นหนังสือแก่ นพ.
หลังจากเครือข่ายต่างๆ ได้เดินรณรงค์คัดค้านฯ และแจกเอกสารพร้อมโปสการ์ดแก่ประชาชนบริเวณรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิแล้ว ประชาไทได้สอบถามความคิดเห็นของพ่อค้าแม่ขายบริเวณดังกล่าว โดยนางฉัจฉลัดดา เขียวหลี เชื่อว่าค่าไฟฟ้าจะแพงขึ้นแน่นอน แต่ไม่ค่อยมีใครรู้ และคิดว่าคนส่วนใหญ่ไม่มีเวลามาสนใจหรือรวมตัวเรียกร้อง เช่นเดียวกับนาย
ขณะที่ นาง
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)