ประชาไท6 ต.ค. 48 พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 ได้เปิดช่องให้ลูกจ้างสามารถรวมตัวกันเพื่อปกป้องสิทธิของตนโดยเสนอข้อต่อรองกับนายจ้างได้ ทว่ากระบวนการตามกลไกกฎหมายดังกล่าว กลับถูกปฏิเสธจากนายจ้างอย่างสิ้นเยื่อขาดใย ดังเช่น กรณีของสหภาพแรงงานไก่สดเซ็นทาโก้และสหภาพแรงงานคอทโก้ ที่มีปัญหากับนายจ้างมาอย่างยืดเยื้อยาวนาน ซ้ำร้ายยังถูกรังแกจากนายจ้างยิ่งขึ้นไปอีก ดังนั้น คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย และโครงการรณรงค์เพื่อแรงงานไทย จึงได้จัดงานสัมมนา เรื่อง "ข้อพิพาทแรงงานไก่สดเซ็นทาโก้+คอทโก้ เมื่อระบบแรงงานสัมพันธ์ล้มเหลว นายจ้างปฏิเสธ! สหภาพ ล้ม! ข้อตกลง" ณ โรงแรมรัตนโกสินทร์ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา
โดยวิทยากรในงานสัมมนาดังกล่าว ประกอบด้วย นาย
สำหรับปัญหาที่สหภาพแรงงานของโรงงานไก่สดทั้ง 2 แห่งประสบนั้น มีลักษณะคล้ายคลึงกัน โดยพนักงานระดับผู้บังคับบัญชา บจก.คอทโก้เมททอลเวอร์คส ได้จัดตั้งสหภาพแรงงานผู้บังคับบัญชา ซีซีเอ็น สัมพันธ์ ขึ้นเมื่อ 15 มิ.ย. 48 และได้ยื่นข้อเรียกร้องเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้าง จำนวน 13 ข้อ เนื่องจากพบว่าบริษัททำผิดกฎหมายคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541
ต่อมาวันที่ 26 ก.ค. 48 พนักงานทั่วไปก็ได้จัดตั้งสหภาพแรงงานลูกจ้างคอทโก้ สัมพันธ์ ขึ้นมา และได้ยื่นข้อเรียกร้องต่อนายจ้างเพิ่มเติม แต่นายจ้างก็ปฏิเสธข้อเรียกร้องของสหภาพทั้งสองมาโดยตลอด ทั้งบริษัทยังได้ประกาศปิดงานมานานกว่า 67 วันแล้ว (3 ส.ค.-6 ต.ค.48) โดยเลือกปฏิบัติเฉพาะกับสมาชิกสหภาพแรงงานและพนักงานที่ลงลายมือชื่อทุกคน
ด้านสหภาพแรงงานไก่สดเซ็นทาโก้ ได้ยื่นข้อเรียกร้องขอเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างต่อบริษัท 4 ข้อ เมื่อ 10 พ.ค. 48 แต่ยังไม่ได้รับการตกลงใดๆ จากนายจ้าง โดยมีการปิดงานและนัดหยุดงานเป็นระยะ ล่าสุดบริษัทได้ประกาศให้พนักงานเริ่มทำงานแล้วเมื่อวันที่ 29 ส.ค. 48 แต่บริษัทได้โยกย้ายตำแหน่งงาน เปลี่ยนแปลงเวลาทำงาน ทั้งยังกีดกันสมาชิกสหภาพแรงงานด้วยวิธีการต่างๆ เช่น ตั้งกล้องวีดีโอ กล้องวงจรปิด หรือแม้แต่ให้ชายฉกรรจ์มายืนคุม เป็นต้น
การสัมมนาเริ่มต้นด้วย นาย
นาย
อย่างไรก็ตาม นาย
ด้าน นาย
"เราอยู่ใต้กติกาที่เสียเปรียบ มีแต่การกดขี่ขูดรีดแรงงาน การที่นายจ้างปิดงานเพื่อสู้กับลูกจ้าง และลูกจ้างก็หยุดงานเพื่อสู้กับนายจ้าง จำเป็นที่แต่ละฝ่ายจะต้องทราบเงื่อนไขในขณะนั้น ลูกจ้างเองก็ต้องเข้าใจและรอบคอบในการยื่นข้อเรียกร้องแต่ละครั้ง จึงเป็นสิ่งที่ลูกจ้างต้องเรียนรู้ ขณะที่รัฐก็ยังปล่อยให้ลูกจ้างเสียเปรียบในความขัดแย้งมาโดยตลอด" นายสมศักดิ์ แสดงทัศนะ
นอกจากนี้ เลขาธิการศูนย์ประสานงานกรรมกร ยังกล่าวต่อไปว่า "การเลิกจ้าง เท่ากับการประหารชีวิต" ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยมองว่าหากเกิดความขัดแย้งขึ้นต้องยกผลประโยชน์ให้คนทำงาน เพราะถ้าหากมีการเลิกจ้างเกิดขึ้นแล้วจะทำให้เกิดปัญหาสังคมอื่นๆ ตามมา จะปล่อยให้นายจ้างเอาทุนและกำไรมาก่อนโดยเอาคุณธรรมไว้ทีหลังไม่ได้
นายสมศักดิ์ มองว่ามนุษย์ถือว่างานเป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้นการตกงานก็เท่ากับศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์หมดไปด้วย ส่วนการขออำนาจรัฐมาช่วยนั้นเท่ากับว่าลูกจ้างไม่มีอำนาจจริง ทั้งๆ ที่ลูกจ้างนั่นแหละที่จะต้องไปเปลี่ยนแปลงอำนาจรัฐด้วยตัวเอง โดยขอให้เชื่อในพลังการต่อรองและเรียกร้องให้ผู้ใช้แรงงานทั้งหลายหาทางสู้ในระยะยาวต่อไป
ขณะที่ ตัวแทนสหภาพแรงงานเซ็นทาโก้ ได้ออกมาแสดงความเห็นว่า "ขณะนี้ยังไม่เข้าใจว่าแรงงานสัมพันธ์คืออะไรกันแน่ หรือคือการที่ลูกจ้างต้องยอมรับอำนาจของนายจ้าง แม้จะมีการเจรจาก็จริง แต่ผู้รับมอบอำนาจเต็มมาเพื่อมาเจรจานั้นมีอำนาจเฉพาะวันนั้น โดยไม่มีอำนาจไปพิจารณาต่อได้ สำหรับการเจรจาที่ผ่านมาประมาณ 22-23 ครั้ง นายจ้างก็บอกอย่างเดียวว่าให้ไม่ได้"
การที่บริษัทแบ่งแยกสมาชิกสหภาพแรงงานออกจากลูกจ้างทั่วๆไป ซึ่งถือเป็นการปฏิบัติที่แตกต่างกันนี้ ตัวแทนจากสหภาพแรงงานเซ็นทาโก้ ตั้งคำถามทิ้งท้ายเอาไว้ว่า กรณีดังกล่าวเป็นการละเมิดสิทธิแรงงานหรือไม่ ส่วนการที่นายจ้างสั่งให้มีชายฉกรรจ์มาคุมนั้น เป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพหรือไม่ และการกระทำดังกล่าวขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่
นอกจากนั้น นายจรัญ ก่อมขุนทด เจ้าหน้าที่ศูนย์การจัดตั้งสหภาพแรงงาน ได้เล่าถึงสภาพปัญหาของสหภาพแรงงานที่พบให้ฟังว่า "ผมไปประจำอยู่ทางภาคตะวันออกมีสหภาพแรงงานตั้งใหม่เกือบ 30 แห่ง แต่ข้อเรียกร้องยังประสบปัญหาอยู่มาก เพราะหลังเจรจาตกลงตามข้อเรียกร้องแล้วลูกจ้างไม่ได้อะไรขึ้นมา ทั้งยังถูกกลั่นแกล้ง ถูกโยกย้าย ซ้ำร้ายบางคนยังตกงานอีกด้วย"
อย่างไรก็ตาม งานสัมมนาดังกล่าว ได้เอ่ยถึงเครื่องมือที่เป็นความหวังสุดท้ายของลูกจ้างแรงงานทั้งหลายว่า จะต้องให้ประเทศไทยตกลงตามปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนขององค์การสหประชาชาติ โดยเรียกร้องให้รัฐบาลรับรองปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ฉบับที่ 87 และ 98 โดยปฏิญญาสากลดังกล่าวว่าด้วยสิทธิในการรวมตัว การเจรจาที่จะต้องได้รับการคุ้มครอง ทั้งนี้เพื่อใช้เป็นแนวทางแก้ปัญหาสหภาพแรงงานของไทยทั้งที่ประสบอยู่ในปัจจุบันและป้องกันปัญหาในอนาคต
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)