Skip to main content
sharethis

ในบ้านเราข่าวคราวเรื่องที่เด็กทารกถูกนำไปทิ้งถังขยะบ้าง หรือ ตามห้องน้ำบ้างก็มีให้เห็นอยู่เนืองๆ ที่รัฐบาลเองก็พยายามคิดหาทางแก้ปัญหาเรื่องนี้อยู่แต่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องหนักหนาเอาการ ที่ประเทศอัฟริกาใต้ก็เช่นกัน เขาก็พบว่ามีทารกที่เกิดจากความไม่ต้องการจำนวนไม่น้อยถูกไปทิ้งไว้เช่นกัน แต่ที่ได้มีพยายามที่จะช่วยเหลือเด็กโดยตั้งจุด "ทิ้งเด็ก"


 


มีโครงการของทางโบสถ์แบบติสท์ ที่โยฮันเนสเบอร์ก ได้คิดเรื่อง โดยมีป้ายมาติดไว้ที่ริมกำแพงเขียนไว้ว่า "ทิ้งทารกแรกเกิดของคุณไว้ที่ประตูแห่งความหวังนี้เถอะ ตอนไหนก็ได้จะกลางวันหรือกลางคืนก็ได้ เราจะดูแลลูกคุณเอง" ที่ตรงนั้นจะมีเตียงเหล็กที่ทีลูกกรงแบบเตียงเด็ก มีที่ผ้าห่มรูปหมีเท็ดดี้ แบร์ วางเอารอรับเด็กคนต่อไปที่จะถูกนำมาทิ้งไว้ และทางโบสถ์จะนำไปดูแลให้โดยไม่ตั้งคำถามใดๆ


 


พาสเตอร์เชอรีล แอลเล็น ซึ่งได้ช่วยชีวิตจากการถูกทิ้งมาแล้วถึงประมาณ 400 คนตั้งแต่ที่ได้คิดโครงการ "ที่ทิ้งเด็ก" ตั้งแต่ปี 1999 เป็นต้นมา บอกว่า "ชีวิตนั้นมีค่ายิ่ง" แต่ที่ทำเช่นนี้ ก็ไม่ได้ต้องการที่จะให้ใครต่อใครเอาเด็กมาทิ้งหรอก เพียงต่อต้องการเสนอทางเลือกให้เท่านั้น


 


ถึงแม้ว่าจะไม่มีสถิติที่ชัดเจนว่าในแต่ละปีนั้นจะมีเด็กถูกทิ้งในถังขยะ ห้องน้ำ หรือ ตามลานต่างๆเป็นจำนวนเท่าไร แต่นักสังคมสงเคราะห์ก็ประมาณการณ์ว่าปีหนึ่งๆน่าจะมีเด็กหลายร้อยคนจากชุมชนยากจนทั่วอัฟริกาใต้ที่ถูกทิ้ง


 


เนื่องจากสถานรักเลี้ยงเด็กกำพร้าประตูแห่งความหวัง นี้ตั้งอยู่ถนนเบเรราทางตะวันออกเฉียงเหนือของโยฮันเนสเบอร์กซึ่งย่านที่มีอาชญากรรมค่อนข้างสูง  ที่แม้กระดิ่งประตูยังต้องป้องกันด้วยสัญญาณกันขโมย ส่วนสถานเลื้ยงเด็กกำพร้านั้นทำเป็นกำแพงสูงและมีรั้วที่มีกระแสไฟฟ้า


 


การรับเด็กเนื่องจากว่าจะต้องให้คนมาทิ้งไว้โดยไม่ต้องมีใครเห็นก็เลยได้ระบบติดตั้งเลเซอร์ตรงประตูปิดเปิดของที่รับเด็ก แล้วติดตั้งเซ็นเซอร์โดยน้ำหนัก เมื่อมีการวางเด็กลงเสียงเตือนก็ดังไปถึงข้างใน แล้วคนที่เฝ้าอยู่ก็จะมารับเด็กไป จะมีคนอยู่เวรเพื่อรับเด็กตลอด 24 ชั่วโมง โดยคนที่อยู่เวรนั้นจะต้องมาถึงตัวเด็กให้เร็วที่สุด


 


ส่วนที่ป้ายนั้นก็ได้เพื่อให้ว่า มีทางเลือกที่จะทิ้ง กล่าวคือแทนที่จะทิ้งเด็กลงถังขยะให้มาทิ้งเสียที่นี่จะดีกว่า โดยทำไปภาพเรื่องราวต่อเนื่อง ทีละภาพ ภาพที่หนึ่งเป็นเครื่องหมายกากบาทสีแดงบนถังขยะสีดำ และภาพที่สองเป็นแสดงการตัดสายสะดือและภาพที่สามเป็นภาพเด็กถูกวางไว้อย่างปลอดภัยในที่รับเด็ก


 


เจ้าหน้าที่ทางด้านสังคมสงเคราะห์ของโจฮันเนสเบอร์กเชื่อว่า หนึ่งในเหตุผลของการนำเด็กมาทิ้งคือความยากจน  โดยบอกว่ามีผู้หญิงจากชนบทที่เข้ามาหางานทำในเมืองซึ่งส่วนใหญ่แล้วต้องมาอยู่ตามข้างถนน นอกจากนั้นเหตุผลที่ต้องทิ้งก็คือแม่เจ็บป่วย แม่หลายคนติดเชื้อเอชไอวี


 


ทางโบสถ์บอกว่าประมาณ ร้อยละ 10 ของเด็กที่มาสู่ประตูแห่งความหวังติดเชื้อเอชไอวี ในขณะที่เด็กจำนวนไม่น้อยมีคนมารับไปเป็นบุตรบุญธรรมแต่เด็กติดเชื้อนั้นมีโอกาสอย่างนี้น้อยมากส่วนใหญ่จึงยังอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า


 


ที่ผ่านมาพบว่าจะมีเด็กถูกนำไปทิ้งไว้ที่สมาคมสวัสดิการเดือนละประมาณ 20-70 คน ในขณะที่ในโรงพยาบาลกัวเต็ง ซึ่งเป็นโรงพยาบาลของรัฐในโจฮันเนสเบอร์กนั้นมีรายงานว่าในปี 2003/2004 มีเด็กแรกเกิดถูกทิ้งถึง 185 คน


 


ที่เคปทาวน์นักสงคมสงเคราะห์บอกว่าจะพบเด็กถูกทิ้ง 1 คนต่อเดือน ในขณะที่สำนักงานสวัสดิการในเดอร์บัน ก็พบเด็กถูกทิ้ง 40 คนแล้วตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคมปีนี้


 


ถึงแม้ว่าจะเป็นความตั้งใจที่ดีแต่ว่าตอนนี้ก็มีคนรู้สึกขัดแย้งมากกับเรื่องที่มีการจัดที่ทิ้งเด็กที่ทางโบสถ์ได้ทำขึ้นเพราะเท่ากับว่าจะเป็นการส่งเสริมให้มีการไม่รับผิดชอบกันมากขึ้นหรือไม่ แต่นักสังคมสงเคราะห์บางคนก็มองว่า การที่มีที่ทิ้งเด็กไม่น่าจะเป็นการไปกระตุ้นให้คนทิ้งเด็กมากขึ้นหรอก เพราะว่า ถ้าแม่ที่จะทิ้งลูกจะอย่างไรเขาก็ทิ้ง แต่ถ้ามาทิ้งตรงนี้ก็จะช่วยให้เด็กปลอดภัยมากขึ้น


 


ยังไงก็รักษาเนื้อรักษาตัวมีลูกเมื่อพร้อมกันดีกว่า ว่ามั้ย?


 


-----------------------------------------------


 


เรียบเรียงจาก Khaleejtimes

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net