โดย ผู้จัดการออนไลน์ 10 ตุลาคม 2548 12:49 น.
วุฒิสภาลงมติด้วยคะแนน 91 ต่อ 47 เสียงไม่รับพิจารณาญัตติ 22 ส.ว.ที่เสนอให้พิจารณาสถานะผู้ว่าฯ สตง.ของ "คุณหญิงจารุวรรณ" สว.กทม.เตือน "สุชน" อย่าปัดความรับผิดชอบ ชี้ปัญหาอาจบานปลาย
วันนี้ (10 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่สุดที่ประชุมวุฒิสภาลงมติไม่รับพิจารณาญัตติของ 22 ส.ว.ที่เสนอให้พิจารณาสถานะของคุณหญิง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมวุฒิสภาได้เริ่มขึ้นเมื่อเวลา 10.00 น. มีนาย
จากนั้น นายสุชนชี้แจงกรณีที่ไม่ได้พิจารณาญัตติที่ นาย
นาย
ด้าน นายแก้วสรร กล่าวว่า ในความเข้าใจทางกฎหมายของพวกตนเห็นว่าเมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขั้นตอนการสรรหาคุณหญิงจารุวรณไม่ถูกต้องตามกฎหมาย จะต้องนำเรื่องนี้กลับเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภา เพราะวุฒิสภาเป็นผู้ให้ความเห็นชอบและเป็นผู้กราบบังคมทูลรายชื่อผู้ว่าฯ สตง. และเมื่อนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมวุฒิสภาแล้วก็จะมีทางเลือก 2 ทาง คือ หากเห็นว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอยู่ในกรอบอำนาจ และต้องผูกพันว่าวุฒิสภาจะต้องเคารพคำวินิจฉัยนั้นก็ยอมทำตามศาลรัฐธรรมนูญ คือนำเรื่องกราบบังคมทูลให้ออก หรือจะยืนยันอำนาจของวุฒิสภาว่าศาลรัฐธรรมนูญก้าวล้ำเข้ามาแดนอำนาจนี้ไม่ได้
"แต่ที่ผ่านมาได้ข้ามขั้นตอนนี้ คือแทนที่จะนำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเข้าที่ประชุมวุฒิสภา และขึ้นไปหาพระราชอำนาจ แต่ปรากฏว่ากลับนำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญถูกส่งไปยัง คตง.(คณะกรรมการการตรวจเงินแผ่นดิน) ซึ่งเป็นเพียงคณะกรรมการสรรหา แล้วไปวินิจฉัยเอาเองว่าพ้นจากตำแหน่ง แล้วเกิดสรรหาคุณวิสุทธิ์ มนตริวัต เข้ามา จึงเป็นปัญหาว่า คุณหญิงจารุวรรณพ้นจากตำแหน่งแล้วหรือยัง และพอคุณวิสุทธิ์ถอนตัวก็ควรต้องนำเรื่องเข้าที่ประชุมนี้ แต่กลับส่งเรื่องไปหา คตง.อีก ดังนั้น เราควรต้องประชุมกัน เพราะผมเห็นว่าตรงนี้เป็นปัญหาการแต่งตั้งการให้ความเห็นชอบผู้ว่าฯ สตง." นายแก้วสรร ระบุ
ส.ว.กทม.ผู้นี้ยังเปรียบเทียบอีกว่า เรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้นเป็นลูกบอลในเท้าของวุฒิสภา เป็นความรับผิดชอบของวุฒิสภา ถ้าวุฒิสภาเห็นด้วยกับศาลรัฐธรรมนูญ ก็ต้องส่งเรื่องกราบบังคมทูลไป ไม่ต้องมาเถียงกัน ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินมากไปกว่านี้ไม่ได้ ในทางกลับกันถ้าคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเข้ามาหารือ พวกตน(ผู้เสนอญัตติ) จะยืนว่าคำวินิจฉัยนี้นอกอำนาจตามรัฐธรรมนูญ เป็นแดนอำนาจเด็ดขาดของวุฒิสภาในเรื่องของการสรรหาแต่งตั้ง ศาลรัฐธรรมนูญก้าวล้ำเข้ามาไม่ได้ จึงขอเพื่อนสมาชิกมีมติไม่ต้องปฏิบัติตาม ดังนั้น การที่ตำแหน่งผู้ว่าฯ สตง.ต้องทำให้สิ้นกระบวนการ ถ้าเราไม่อยากให้สิ้น เราเห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญผิด เราก็ไม่ต้องอนุมัติตามศาลรัฐธรรมนูญ ที่ประชุมนี้ควรจะได้โอกาสเช่นนี้ แต่ไม่เคยได้เลย
"แต่ถ้าใครก็ตามเห็นว่าวุฒิสภาไม่เกี่ยว วุฒิสภาต้องอยู่นิ่งๆ ให้เขาเสนอชื่อว่าแล้วคอยบอกว่า ใช่หรือไม่ใช่ แล้วป่วนกันทั้งบ้านทั้งเมือง ถ้าท่านเห็นอย่างนั้นก็ต้องบอกว่าตามมาตรา 159 ต้องเป็นเรื่องมีชื่อเป็นๆ มาให้เลือก ท่านก็ลงมติว่าไม่เข้า 159 ประชุมไม่ได้ แต่ถ้าท่านลงมติอย่างนั้น สิ่งที่ซ่อนคือ ท่านยืนบนทฤษฎีว่าท่านไม่ต้องรับผิดชอบอะไร นั่งอยู่นิ่งๆ คอยเขี่ยบอลไปมา แล้วรอชื่อเป็นๆ มาให้เลือก กราบบังคมทูลไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้นก็แล้วแต่ ถ้าจะเห็นอย่างนั้นก็ขอเชิญ เชิญลงมติไปเลยว่าเราพิจารณาเรื่องนี้ไม่ได้ แต่ถ้าท่านเห็นว่าเราต้องรับผิดชอบ โปรดตีความว่าเราประชุมได้ และประชุมแล้วเราจะเลือกตรงไหน ก็ค่อยว่ากัน เพราะเขาเลือกเรามา เพื่อให้รับผิดชอบ ไม่ได้เลือกมาเป็นขุนนาง และวุฒิสภามีไว้เพื่อรับผิดชอบเรื่อง นี้ แต่ถ้าท่านยังคิดว่าเราต้องนั่งนิ่งๆ ให้เขาป้อนไปป้อนมา ก็เชิญ เชิญเลือกเส้นทางของขุนนางได้" นายแก้วสรร กล่าว
พ.ต.อ.
ด้าน พล.ต.
ขณะที่ นาย
"ขณะนี้เรื่องนี้อยู่ในขั้นของ คตง.ดำเนินการอยู่ จึงไม่ควรหยิบยกขึ้นมาจะเป็นการซ้ำซ้อนและสร้างความสับสนให้แก่สังคม จึงไม่เห็นด้วยที่นำญัตติบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมนี้และในส่วนของความรับผิดชอบ ผมอยากเสนอให้ประธานตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนว่าใครจะต้องรับผิดชอบในส่วนที่เป็นปัญหา จะต้องลงลึกสะสางที่คนมองว่าวุฒิสภาตกต่ำ ถึงเวลาสอบสวนให้เกิดความกระจ่าง" นายไสว กล่าว
นาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากสมาชิกทั้งสองฝ่ายลุกอภิปรายแสดงเหตุผลสนับสนุนกันอย่างกว้างประมาณ 2 ชั่วโมงเศษ นาย
ก่อนหน้านี้ นาย
นาย
ส.ว.กรุงเทพฯ กล่าวว่า การที่คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) มีมติให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความสถานะของคุณหญิงจารุวรรณนั้น คิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับญัตติที่สมาชิกวุฒิสภาเสนอ เพราะญัตติดังกล่าวเป็นการพิจารณาประเด็นกฎหมายที่มุ่งแก้ปัญหาเรื่องตำแหน่งผู้ว่าฯ สตง.ในกรณีสถานภาพของคุณหญิง
นายเสรี กล่าวอีกว่า สำหรับความเห็นของ คตง.เป็นการทำงานตามหน้าที่ของ คตง. ส่วนความชัดเจนในการทำหน้าที่ของวุฒิสภา ก็ควรมีความชัดเจน เพื่อที่จะเป็นแนวทางสำหรับครั้งต่อไปว่า มติวุฒิสภาที่ได้ลงมติไปแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นได้หรือไม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าจะพิจารณา เพราะเป็นเรื่องของการทำหน้าที่ขององค์กรอิสระภายใต้รัฐธรรมนูญ
"แนวโน้มความยืดเยื้อมีโอกาสเกิดขึ้นได้ เพราะความรับผิดชอบของแต่ละองค์กรไม่ว่าจะเป็นวุฒิสภาหรือองค์กรอื่น ตอนหลังๆ จะเห็นว่าความรับผิดชอบน้อยลงและความรับผิดชอบดังกล่าวก็สร้างปัญหาให้กับงานที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองมากมาย อยากขอร้องให้ทุกองค์กรต่างรับผิดชอบและติดสินให้เด็ดขาดตามหน้าที่ความรับผิดชอบขององค์กรตัวเองดีกว่าจะให้องค์กรใดองค์กรหนึ่งมาตัดสินชี้ขาด ไม่เช่นนั้นแล้วการตัดสินชี้ขาดจะไม่อยู่กับองค์กรนั้นเลย มีอะไรก็ต้องคอยส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ องค์กรที่รับผิดชอบควรตัดสินปัญหาเองก่อน หากตัดสินไม่ได้ค่อยไปพึ่งองค์กรอื่น" นายเสรี กล่าว
ส่วนการเคลื่อนไหวเพื่อล่ารายชื่อถอดถอนนาย
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)