ผู้จัดการออนไลน์ 10 ตุลาคม 2548 19:53 น. ส.ว.แฉแหลก-ก่อนสภาสูงมีมติรับร่าง กม.กิจการโทรคมนาคมตามคาดแค่ 61 ต่อ 13 เสียง ด้าน "แก้วสรร" ค้านให้ต่างชาติถือหุ้นร้อยละ 49 หวั่นเปิดช่องให้เอกชนฮุบ ขณะที่ "สมเกียรติ" แฉแหลกขบวนการจ้องแก้ไข-เอื้อประโยชน์กลุ่มทุน อัดซ้ำ 8 ปีไม่เคยพัฒนาเทคโนโลยี ก่อนชี้ "3 กลุ่มทุนใหญ่" ร่ำรวยได้สิทธิพิเศษ
วันนี้ ( 10 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานการประชุมวุฒิสภาว่า ได้มีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบกิจการโทรคมนาคม ที่สภาผู้แทนราษฎรลงมติเห็นชอบมาแล้ว โดยนาย
ด้าน นาย
จากนั้น นายแก้วสรร ลุกขึ้นอภิปรายอีกว่า รู้สึกผิดหวังกับความคืบหน้าในการแปรรูปสัญญาณที่ไม่ไปถึงไหน เพราะเป็นเรื่องสำคัญ และมีผลประโยชน์มาก เมื่อเก็บภาษีสรรพสามิตไปร้อยละ 2 แล้วมีการจ่ายอีกหรือไม่ ชาวบ้านถามว่าแปรรูปแล้วได้อะไร ตรงนี้เป็นสิ่งที่หวัง และไม่ได้แกล้งโง่ ถ้าเคารพกันไม่น่าใช้คำนี้ คณะกรรมาธิการการคมนาคมต้องตามเรื่องเมื่อเกิดความเอื้อฉาวต้องเข้าไปตรวจสอบ
ขณะที่ นาย
"รัฐเล็กๆ ที่อยู่กลางมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ เช่น ตองก้า ไม่มีดาวเทียม แต่เป็นเจ้าของอวกาศที่มีตำแหน่งที่ตั้งดาวเทียมของระหว่างประเทศ ซึ่งเขาได้ให้นานาชาติไปเช่ายิงดาวเทียม แต่ของเรากลับยกให้เอกชนไปตั้งโดยให้สัมปทานในราคาที่ถูกมาก ดังนั้นกิจการโทรคมนาคมไม่ใช่ธุรกิจธรรมดา แต่เป็นกิจการที่ตั้งบนพื้นฐานการเอาเปรียบโดยใช้ทรัพยากรของประชานไปแสวงหาผลกำไร ซึ่งไม่มีการส่งออก หรือมีการนำเข้า ทั้งนี้ในรัฐธรรมนูญได้บัญญัติไว้ว่ากิจการโทรคมนาคมเป็นกิจการพิเศษในโลก เพราะเป็นกิจการเพื่อประโยชน์สาธารณะอย่างเต็มที่ มากกว่าการทำมาค้าขาย หรือใช้เช่าเครือข่ายต่างๆ ตามมาตรา 40 โดยต้องการให้ค่าโทรศัพท์มือถือถูกลง"ส.ว.สุพรรณบุรี กล่าว
นายสมเกียรติ์ กล่าวอีกว่า ประชาชนจะได้นำข้อมูลสื่อสารในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล และรัฐสภา หรือการแลกเปลี่ยนเชิงวัฒนธรรมธรรม ซึ่งอินเตอร์เน็ตต้องราคาถูกลง หรือฟรี เพราะตอน ส.ส.ร.ได้คุยกันว่าสิ่งเหล่านี้รัฐธรรมนูญต้องการให้ประชาชนได้รับการบริโภคข่าวสารโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นักศึกษา หรือครูบาอาจารย์ ยกเว้นผู้ที่ทำธุรกิจ ซึ่งผู้ที่ให้บริการฟรีเหล่านี้ รัฐบาลจะต้องไม่เก็บค่าสัมปทานที่สูงจนเกินไป ดังนั้นรัฐธรรมนูญที่ ส.ส.ร.ร่างขึ้น ต้องการให้กิจการโทรคมนาคมไทยยิ่งใหญ่กว่ากิจการของพ่อค้า นักธุรกิจในสหรัฐ และยุโรป และต้องการให้มีนายทุนน้อยที่สุดในการดำเนินการกิจการนี้ โดยเฉพาะต้องการให้ องค์กรโทรศัพท์แห่งประเทศไทย ( ทศท.) และการสื่อสารแห่งประเทศไทย ( กสท.) เป็นของรัฐต่อไป
"ต้องคำนึงถึงจุดนี้ให้มาก โดยให้บริการประชาชนอย่างเต็มที่ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ทศท.และ กสท.ก็ทำตัวเป็นนักธุรกิจ จึงต้องมาบ่นว่าไม่มีทุน ทำให้เสียจุดมุ่งหมายตามรัฐธรรมนูญ ตอนนี้รัฐธรรมนูญได้ใช้มา 8 ปี บริษัทโทรคมนาคมทั้งหลายในไทย ทั้งบริษัทโทรศัพท์ หรือบริษัทดาวเทียม ทศท.และ กสท. ไม่เคยพัฒนาเทคโนโลยีอะไรขึ้นมาเพื่อบอกกับคนไทยว่าเราทำได้เอง ไม่เคยส่งออกเทคโนโลยีไปขายต่างชาติที่ผลิตมือถือ อย่างดีก็แค่ผลิตซองหนังใส่โทรศัพท์ โดยเฉพาะชินคอร์ปฯ ทำอะไรบ้าง ผลิตอะไรบ้างที่เป็นเงิน เป็นเทคโนโลยี หรือดีเทค ออเรนจ์ เทเลคอมเอเซีย รวยกันจนติดอันดับนิตยสารต่างประเทศ เพราะไม่ได้ทำอะไรให้กับประเทศชาติ นอกจากร่วมมือกับต่างชาติ ขอเทคโนโลยีเข้ามา และไม่เคยคืนอะไรให้กับสังคม"นายสมเกียรติ์ กล่าว
ส.ว.สุพรรณบุรี กล่าวอีกว่า นักลงทุนชาวไทย 3 กลุ่มที่ร่ำรวยนั้น ร่ำรวยเพราะมีสิทธิพิเศษ และมีอำนาจในการวิ่งเต้นบนโต๊ะ ใต้โต๊ะ และขอสัมปทานผูกขาด ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่มีเงินจริง เทคโนโลยีไม่พอ และไม่มีจิตสำนึกที่จะทำเทคโนโลยีเข้ามาแทนที่ ดังนั้นนักลงทุนเหล่านี้จึงไม่ชอบ พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคมที่วุฒิสภาแก้ไขไป และจะรู้สึกโกรธ จึงทำให้ตนถูกต่อว่าจากบริษัทเหล่านี้ว่าทำอย่างนี้ได้อย่างไร และพวกเขาจะอยู่อย่างไรเพราะไม่มีเทคโนโลยี มีแค่สัมปทาน คนพวกนี้บอกว่าจะกลับมาแก้กฎหมายให้ได้เมื่อนายเขามาเป็นนายกฯ หรือเป็นรัฐมนตรี ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็เป็นจริง และมีบันทึกไว้ชัดเจน จนมีการพยายามถ่วงให้พ้นวุฒิสภาสมัยนี้ เพื่อให้ร่างนี้ล่าช้าไปอีก 6 เดือน หรืออีก 1 ปี แล้วทุกอย่างจะหายไปหมด
"ดังนั้นผมขอค้านพวกนายทุนที่ไม่มีปัญญาสร้างเทคโนโลยี แต่มีอำนาจวิ่งเต้นต่อรอง รู้จักต่างชาติมาแล้วเอาเทคโนโลยีเข้ามาเพื่อมาทำธุรกิจเต็มรูปแบบ แล้วอ้างความสะดวกเพื่อการลงทุน ตอนนี้อยากถามว่าค่าโทรศัพท์ถูกลงมีหรือไม่ หรือทำอะไรบ้างเพื่อเพิ่มตลาดแรงงาน นอกจากวิ่งเต้นแล้วชวนต่างชาติมาครอบงำกิจการ และการที่บอกว่าให้ต่างชาติถือหุ้นไม่เกินร้อยละ 49 นั้น ส่วนใหญ่ก็มีหุ้นตัวแทนถือไว้ทั้งสิ้น เช่น ยูบีซีเป็นหุ้นส่วนในเครือบริษัทของนายกฯ กับบริษัทในเครือของลูกเขยของนายทุนที่เป็นรัฐมนตรี จึงขอค้านร่าง พ.ร.บ..แก้ไขฉบับนี้"นายสมเกียรติ กล่าว
จากนั้นที่ประชุมได้ลงมติเห็นชอบรับร่างฉบับดังกล่าวด้วยคะแนนเสียง 61 ต่อ 13 ซึ่งได้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญไปพิจารณาแปรญัตติต่อไป
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)