Skip to main content
sharethis


เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2548 ที่จังหวัดนราธิวาส พล.ท.ขวัญชาติ กล้าหาญ แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการ กองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กอ.สสส.จชต.) พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบช.ภ.9 และนายประชา เตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้ร่วมกันแถลงข่าว กรณีการบังคับใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือปัตตานี ยะลา นราธิวาส และบางส่วนในจังหวัดสงขลา และความคืบหน้าคดีคนร้ายบุกทำร้ายพระในวัดพรหมประสิทธิ์ อำเภอปานาเระ

จังหวัดปัตตานี และสถานการณ์ความไม่สงบทั่วไป


 


ทหารแถลงตุลาฯเดือนเดียวใช้ พ.ร.ก.25 ครั้ง พล.ท.ขวัญชาติ แถลงว่า การใช้อำนาจตามพระราชกำหนดดังกล่าวในการตรวจค้นและจับกุมช่วงต้นเดือนตุลาคม-ปลายเดือนตุลาคม 2548 เกิดขึ้นในจังหวัดสงขลา 6 ครั้ง ยะลา 5 ครั้ง ปัตตานี 6 ครั้ง และนราธิวาส 8 ครั้ง สามารถจับกุมผู้ก่อเหตุและผู้ต้องสงสัยได้จำนวนหนึ่ง นำมาสู่การสืบสวนสอบสวนขยายผลผู้ที่เกี่ยวข้องอีกหลายราย


 


พล.ท.ขวัญชาติ แถลงอีกว่า ยังสามารถยับยั้งและกดดันกลุ่มคนร้ายที่พยายามที่จะก่อเหตุร้ายให้ลดน้อยลง


ส่วนหนึ่งเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้ปรับแผนยุทธวิธีในเชิงรุก อย่างล่าสุดกรณีคนร้ายบุกวางเพลิงกุฏิวัดตะเคียนทอง อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี สามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้ทันที 3 ราย มีหลักฐานอาวุธปืน .38 ของคนร้าย 1 กระบอก เสื้อผ้าเปื้อนน้ำมัน จากการสอบสวนขยายผล พบข้อมูลเชื่อมโยงกับกลุ่มที่ทำร้ายพระที่วัดพรหมประสิทธิ์จนเสียชีวิต


 


มือบั่นคอพระปะนาเระรับสารภาพ


พล.ต.ท.อดุลย์ แถลงเกี่ยวกับความคืบหน้าคดีคนร้ายบุกทำร้ายพระวัดพรหมประสิทธิ์ว่า ได้จับกุมคนร้ายและผู้ต้องสงสัยแล้ว 20 คน รับสารภาพ 7 คน โดยมีคนหนึ่งรับสารภาพว่าเป็นคนใช้ของมีคมฟันพระในวัด


โดยเจ้าหน้าที่นำตัวไปชี้จุดก่อเหตุ


 


ส่วนคดีคนร้ายปล้นปืนชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ในจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ผู้ถูกจับกุมหลังก่อเหตุได้ให้การที่เป็นประโยชน์ และให้ข้อมูลว่า ปืนที่ปล้นไปส่วนใหญ่นำไปซุกซ่อนในบริเวณกุโบร์ (สุสาน) และมัสยิดหลายแห่ง


 


ตรวจเข้ม 3 จังหวัดรับมือป่วนใต้วันรายอ


พล.ท.ขวัญชาติ แถลงต่อว่า จากการสอบสวนพบว่าคนร้ายได้แต่งกายชุดพรางคล้ายทหารทำการก่อเหตุร้าย


รวมทั้งการปล้นปืนด้วย ซึ่งคนร้ายหวังผลให้ประชาชนเข้าใจผิดว่า เป็นการกระทำของทหาร จึงขอให้ประชาชนอย่าตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายตรงข้าม นอกจากนี้ยังได้รับรายงานว่า คนร้ายเตรียมแผนจะก่อเหตุครั้งใหญ่ก่อนวันฮารีรายอ จึงได้สั่งการให้ทุกฝ่ายเพิ่มความเข้มข้นและปรับแผนให้สอดคล้องกับสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง


โดยเฉพาะให้เพิ่มจุดตรวจ จุดสกัดให้มากขึ้น เพื่อตรวจค้นยานพาหนะที่อาจลำเลียงอาวุธปืนและวัตถุระเบิด


รวมถึงตรวจสอบบุคคลต้องสงสัยที่จะเข้ามาก่อเหตุร้ายในพื้นที่


             


ยิงอดีตกำนันยะลาดับ


      


เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 30 ตุลาคม 2548 ขณะที่ นายยะปา ยุมอ อายุ 63 ปี เป็นอดีตกำนัน ตำบลบ้านแหร อำเภอธารโต จังหวัดยะลา ขับรถจักรยานยนต์จะเข้าไปในซอยวังทอง บนถนนสายยะลา-เบตง เมื่อมาถึงปากทางเข้าบ้านวังทอง หน้าโรงเรียนบ้านแหร หมู่ที่ 1 ตำบลบ้านแหร มีคนร้าย 2 คน ขับรถจักรยานยนต์ตามประกบยิงด้วยปืนขนาด 9 มิลลิเมตร 3 นัด กระสุนตัดขั้วหัวใจ ทำให้นายยะปาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลธารโต และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ขณะนี้ตำรวจกำลังสืบสวนสอบสวนว่าการสังหารมาจากสาเหตุส่วนตัวหรือการก่อความไม่สงบ


 


เผากุฏิวัตปัตตานีอีก


ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 00.15 น.วันเดียวกัน คนร้ายไม่ทราบจำนวนวางเพลิงเผากุฏิพระภายในวัดตะเคียนทอง หมู่ที่ 3 ตำบลยามู อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี ริมถนนสายปัตตานี-นราธิวาส ทำให้ได้รับความเสียหายบางส่วน โดยไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต โดยคนร้ายได้ข้ามถนนใหญ่แล้วปีนกำแพงเข้ามาภายในบริเวณวัด


พร้อมใช้อาวุธปืนสงครามยิงข่มขู่ จากนั้นจึงใช้น้ำมันราดกุฏิพระแล้วจุดไฟเผา ก่อนจะยิงปืนขู่อีกครั้งหนึ่งแล้วหลบหนีไป


 


ต่อมา พ.ต.ท.โกวิท รัตนโชค รองผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอำเภอยะหริ่งนำกำลังเข้าไปตรวจสอบพบว่าเพลิงเพิ่งจะลุกไหม้กุฏิจึงช่วยกันดับไว้ ส่วนโรงรถที่อยู่ใกล้เคียงถูกไฟเผาเสียหายทั้งหลัง และรถยนต์อีซูซุแบบแวน สีบรอนซ์ ทะเบียน นบ-133 ปัตตานี ถูกไฟเผาเสียหายทั้งคัน นอกจากนี้ยังพบปลอกกระสุนปืนอาก้าตกอยู่ 2 ปลอก ส่วนบริเวณถนนทางเข้าวัดคนร้ายได้โรยตะปูเรือใบไว้


 


พ.ต.ท.โกวิท กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้เตรียมความพร้อมอยู่แล้วว่าอาจเกิดเหตุในลักษณะนี้ ซึ่งเมื่อเกิดเหตุจึงรีบเข้าไปในที่เกิดเหตุทันที โดยครั้งนี้คนร้ายก่อเหตุหลังจากเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยวัดเพิ่งจะลาดตระเวนผ่านไปได้ไม่นาน คาดว่าคนร้ายน่าจะมีมากกว่า 2 คน อย่างไรก็ตามสามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ 3 คน ถูกนำตัวไปสอบสวนยังสถานีตำรวจภูธรอำเภอยะหริ่ง


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net