"ทิศทางการพัฒนาระบบคมนาคมของจังหวัดเชียงใหม่จะต้องเดินไปให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของจังหวัด ที่จะเป็นนครแห่งชีวิตและความมั่งคั่ง แต่เราจะจัดการความมั่งคั่ง วิถีธรรมชาติให้เดินไปด้วยกันได้อย่างไร เมืองเชียงใหม่วันนี้เติบโตค่อนข้างเร็ว แต่เป็นการเติบโตที่ขาดคิดขาดทาง ประชากร 90% เดินทางโดยรถส่วนตัว ดังนั้น การมี Mass Transit เกิดขึ้นในเชียงใหม่ จึงมีความจำเป็นอย่างมากและต้องเชื่อมโยงอย่างเป็นระบบ"
นี่เป็นถ้อยวลีของนาย
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขณะนี้สำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้รับงบประมาณจำนวน 50 ล้านบาท เพื่อนำมาจัดทำแผนแม่บทด้านการคมนาคมจังหวัดเชียงใหม่ ขณะนี้พบว่าในเขตตัวเมืองเชียงใหม่เริ่มมีปัญหาการจราจรติดขัด ปัจจุบันความต้องการเดินทางโดยเฉพาะในเขตผังเมืองรวมในพื้นที่ประมาณ 400 ตารางกิโลเมตร ประมาณวันละ 1.5 ล้านเที่ยว สัดส่วนประมาณ 90% เป็นการเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว อีก 10% เป็นการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ (สี่ล้อแดง) แต่จากการคาดการณ์ในอนาคตความต้องการในการเดินทางจะเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันเป็น 2.4 ล้านเที่ยวต่อวันในอีก 5 ปีข้างหน้า และ 2.9 ล้านเที่ยวต่อวันในอีก 10 ปีข้างหน้า ดังนั้น ระบบขนส่งสาธารณะที่มีอยู่ในปัจจุบันจะไม่สามารถรองรับการเดินทางในอนาคตได้ จึงจำเป็นต้องพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ เพื่อรองรับการให้บริการการเดินทางที่เพิ่มขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ สะดวก รวดเร็วและปลอดภัย
สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมที่สุดคือ การนำระบบขนส่งมวลชนเข้ามาใช้กับระบบการจราจรในตัวเมืองเชียงใหม่ ขั้นแรกอาจะเริ่มด้วยระบบราง ซึ่งสามารถขนส่งผู้คนในเมืองได้ทีละจำนวนมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าบนดิน ใต้ดิน หรือลอยฟ้า โดยจะต้องทำการศึกษาและพิจารณาถึงความเหมาะสมให้สอดคล้องกับเมืองและความต้องการของประชาชนด้วย
"ในส่วนของรถสี่ล้อแดงนั้น จะต้องมาปรับนโยบายร่วมกัน โดยกระทรวงคมนาคมจะหาทางจัดระเบียบและให้เขาอยู่ได้ แม้ว่าอนาคตจะมีขนส่งสาธารณะระบบใหม่เกิดขึ้น ระบบเดิมกับระบบใหม่ต้องสามารถเดินไปด้วยกันได้ และคงต้องจัดระเบียบรถสี่ล้อแดงให้สอดคล้องกับความต้องการเดินทางของประชาชนอย่างแท้จริง"
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเชียงใหม่ได้กลายเป็นแม่เหล็กดูดเอาทรัพยากรมนุษย์ นักท่องเที่ยวเข้ามาไม่ต่างอะไรจากกรุงเทพมหานคร เป็นการรวมเอาความมั่งคั่งกับปัญหามากมายเข้าไว้ด้วยกัน เชียงใหม่จึงเป็นพื้นที่เฉพาะที่มีรูปแบบการขยายตัวของเมือง (Urbanization Pattern) อย่างรวดเร็ว ตามมาซึ่งปัญหาการจราจรและการขนส่งในเมือง เป็นประเด็นที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังและทันท่วงที
วันนี้ระบบการจัดการขนส่งมวลชนทางเลือกควรเกิดขึ้นมาพร้อม ๆ กับโครงข่ายถนน รวมถึงการผลักดันทางการเมืองที่จะต้องวางแนวคิด เพราะอนาคตจุดขายของเชียงใหม่อาจลดลง หากยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาด้านระบบขนส่งมวลชน รถเมล์ รถไฟฟ้า รถรางขนาดเบาคือทางเลือกที่ทุกคนกำลังรอให้เกิดขึ้นในอนาคต
เจาะเมกกะโปรเจ็กต์โครงข่ายคมนาคม
ถม 4,000 พันล้านบูมเชียงใหม่
นอกจากการจัดระบบการขนส่งสาธารณะในเขตตัวเมืองแล้ว ประเด็นเรื่องโครงข่ายเส้นทางคมนาคมที่กำลังจะเกิดขึ้นในเมืองเชียงใหม่ก็ถูกหยิบขึ้นมาพูดอย่างกว้างขวางในเวทีครั้งนี้
นาย
1.โครงการก่อสร้างทางลอดแยกข่วงสิงห์ ทางหลวงหมายเลข 11 ตัดกับทางหลวงหมายเลข 107 ผู้รับจ้างคือ หจก.จิระเทพ งบประมาณ 243,289,721 บาท เริ่มต้นสัญญา 24 ตุลาคม 2546 สิ้นสุดสัญญา 10 เมษายน 2549 ความคืบหน้าโครงการ 42.61 %
2.โครงการก่อสร้างทางลอดแยกศาลเด็ก ทางหลวงหมายเลข 11 ตัดกับทางหลวงหมายเลข 118 ผู้รับจ้าง หจก.จิระเทพ งบประมาณ 268,823,714 บาท เริ่มต้นสัญญา 24 ตุลาคม 2546 สิ้นสุดสัญญา 10 เมษายน 2549 ผลการดำเนินงาน 37.79 %
3.โครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 107 ตอนอำเภอแม่ริม - อำเภอแม่แตง ตอน 1 กม.17+700 - กม.34+000 ผู้รับจ้าง บ.อุดมศักดิ์เชียงใหม่ จก. งบประมาณ 268,139,230 บาท เริ่มต้นสัญญา 7 สิงหาคม 2547 สิ้นสุดสัญญา 30 กันยายน 2548 ผลการดำเนินงาน 85.27 % กำลังเร่งรัดงานจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน
4.โครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 107 ตอนอำเภอแม่ริม - อำเภอแม่แตง ตอน 2A กม.34+000 - กม.35+000 ผู้รับจ้าง หจก.รัตนานุพัชร งบประมาณ 135,727,589 บาท เริ่มต้นสัญญา 23 กุมภาพันธ์ 2548 สิ้นสุดสัญญา 18 พฤษภาคม 2549 ผลการดำเนินงาน 44.53 % กำลังเร่งรัดงานก่อสร้าง
5.โครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 107 ตอนอำเภอแม่ริม - อำเภอแม่แตง ตอน 2B กม.35+000 - กม.38+800 ผู้รับจ้าง บ.บัญชากิจ จก. งบประมาณ 94,834,342 บาท เริ่มต้นสัญญา 23 กุมภาพันธ์ 2548 สิ้นสุดสัญญา 19 มีนาคม 2549 ผลการดำเนินงาน 58.67 %
สำหรับโครงการที่มีแผนดำเนินการปี 2549 มี 4 โครงการคือ
1.โครงการก่อสร้างทางลอดแยกปอยหลวง ทางหลวงหมายเลข 11 ตัดกับทางหลวงหมายเลข 1006 ผู้รับจ้าง บ.เชียงใหม่คอนสตรัคชั่น จก. งบประมาณ 379,615,000 บาท ระยะเวลาทำการ 600 วัน เริ่มต้นสัญญา 3 พฤศจิกายน 2548 สิ้นสุดสัญญญา 25 มิถุนายน 2550
2.โครงการก่อสร้างสะพานข้ามทางแยก ทางหลวงหมายเลข 11 ตัดกับทางหลวงหมายเลข 121 ผู้รับจ้าง บ.เอส แอล พี เอ็นจิเนียริ่ง จก. งบประมาณ 149,030,539.20 บาท ระยะเวลาทำการ 365 วัน อยู่ระหว่างเตรียมเซ็นสัญญา
3.โครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 107 ตอนอำเภอแม่แตง - ศูนย์ฝึกลูกช้าง ส่วนที่ 1 กม.38+800 - กม.50+000 ระยะทาง
4.โครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 107 ตอนอำเภอแม่แตง - ศูนย์ฝึกลูกช้าง ส่วนที่ 2 กม.50+000 - กม.55+600 และ กท.63+759.947 - กม.72+500 ระยะทาง
ขณะเดียวกัน ยังมีโครงการเร่งด่วนตามบัญชานายกรัฐมนตรี เพื่อแก้ไขปัญหาจราจรในจังหวัดเชียงใหม่ 3 โครงการ ได้แก่
1.โครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 11 สายท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ - แยกรินคำ ขนาด 4 - 6 ชิ่งจราจร ระยะทาง
2.โครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 121 ถนนเลียบคลองชลประทาน ผู้รับจ้าง บ.เชียงใหม่คอนสตรัคชั่น จก. งบประมาณ 510 ล้านบาท ระยะเวลาทำการ 300 วัน เสนอของบกลางปี 2549
3.โครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 1014 ผู้รับจ้าง บ.หาญเจริญเอ็นเตอร์ไพรส์เชียงราย จก. งบประมาณ 290 ล้านบาท ระยะเวลาทำการ 300 วัน เสนอของบกลางปี 2549
โดยทั้ง 3 โครงการ อธิบดีกรมทางหลวง บอกว่า เป็นโครงการเร่งด่วนและจะเร่งรัดการดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี
นอกจากนี้ ยังมีโครงการพัฒนาทางหลวงขนาดใหญ่ในจังหวัดเชียงใหม่และพื้นที่ใกล้เคียง มูลค่ารวมกันมากกว่า 1,000 ล้านบาท มีทั้งหมด 8 โครงการ ประกอบด้วย
1.โครงการก่อสร้างเพิ่มช่องจราจร สายเชียงใหม่ - ลำพูน 2.โครงการถนนวงแหวนรอบนอกเชียงใหม่ 3.โครงการก่อสร้างเพิ่มช่องจราจร สายเชียงใหม่ - เชียงราย 4.โครงการก่อสร้างเพิ่มช่องจราจร สายเชียงใหม่ - อำเภอฝาง - อำเภอแม่จัน 5.โครงการก่อสร้างเพิ่มช่องจราจร สายอำเภอจอมทอง - อำเภอแม่สะเรียง 6.โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายเชียงใหม่ - เชียงราย 7.โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายเชียงใหม่ - ลำปาง 8.โครงการก่อสร้างทางหลวงแนวใหม่ สายเชียงใหม่ - อำเภอสะเมิง - แม่ฮ่องสอน
ทั้งหมดเป็นเมกะโปรเจ็กต์โครงข่ายคมนาคมมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท ที่กำลังจะเกิดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ใน 1 - 2 ปีนี้ เป็นการเตรียมรองรับการเติบโตของเมืองที่จะขยายมากกว่านี้ในอีกหลายเท่าตัวในอนาคตอันใกล้ สนข.ระบุว่าหากจังหวัดเชียงใหม่ยังไม่วางแผนล่วงหน้าทั้งการวางโครงข่ายเส้นทางคมนาคม การวางระบบขนส่งสาธารณะอย่างครอบคลุม คาดว่าในปี 2563 ประชากรในเชียงใหม่อาจต้องใช้วิธีการเดินแทนการใช้รถส่วนตัว เพราะบนถนนทุกสายจะอัดแน่นไปด้วยรถที่ไม่ต่างอะไรจากสภาพของกรุงเทพมหานคร ในวันนี้
นาย
ขณะที่นาย
เมกะโปรเจ็กต์โครงข่ายคมนาคมมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท หรือระบบขนส่งสาธารณะรูปแบบใหม่ ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น คือการเปลี่ยนโฉมหน้าเมืองเชียงใหม่ในอนาคตที่ชัดเจน ซึ่งนอกจากจะเป็นเรื่องที่ต้องติดตามอย่างเกาะติดแล้ว ประชาชนชาวเชียงใหม่ก็ควรเตรียมพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน