สื่อต่างประโคม ทักษิณบุกเคนยาอ้อนลงนามแลกสัตว์นำเข้าสัตว์มาเสริมในเชียงไนท์ซาฟารี ขณะที่สัตว์ในพื้นที่กวาดต้อนภายในประเทศมาอยู่ร่วม 700 ตัว ปฏิเสธลั่นข่าวลือ "กวางผา"ตาย เดินหน้าเปิดงานแค่ให้นายกฯ มาเดินชมพร้อมนักธุรกิจ โทษถนนและสะพานสร้างไม่เสร็จ
การเยือนสาธรณรัฐเคนยาอย่างเป็นทางการของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทยระหว่างวันที่ 8- 11 พฤศจิกายน 2548 ได้รับความสนใจจากสื่อทั่วโลก แต่มุมของการรายงานข่าวกลับเป็นคนละด้านของฝ่ายไทย โดยก่อนหน้าการเดินทางไป สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2548 ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทยเดินทางไปเคนยา 3 วัน เพื่อติดตามข้อถกเถียงกรณีการแลกสัตว์แอฟริกามายังสวนสัตว์ไนท์ซาฟารีที่บ้านเกิดของเขา โดยระบุการให้ข้อมูลของแหล่งข่าวว่า เคนยามีสัตว์ป่าจำนวนมากที่จะมอบให้ไทยแต่มีการคัดค้านจากกลุ่มนักอนุรักษ์ ทั้งนี้รอยเตอร์ได้อ้างถึงคำให้สัมภาษณ์ของนายปลอดประสพ สุรัสวดี ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนไทยว่าเคนยาจะมอบสัตว์ให้ 135 ตัว และไทยจะบริจาคเงิน 20 ล้านบาทเพื่อตั้งกองทุนคุ้มครองสัตว์ป่า โดยเฉพาะช้าง ในแอฟริกา
ทั้งนี้กำหนดการเดินทางของนายกรัฐมนตรีตามที่โฆษกรัฐบาล นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ระบุ คือการ
เยือนเคนยา ของนายกรัฐมนตรีครั้งนี้เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการค้าและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งถือเป็นผู้นำไทยคนแรกที่ไปเยือนเคนยาหรือประเทศแถบแอฟริกา ทั้งนี้กำหนดการในประเทศเคนยา นายกรัฐมนตรีไทยจะไปเยือนกรุงไนโรบีเมืองหลวงพูดคุยกับประธานาธิบดีเคนยา เพื่อจะเจรจาด้านสิ่งทอ ข้าว และการท่องเที่ยวกับผู้นำเคนยา จากนั้นจะไปเยือนป่าซาฟารีในแถบ มาไซ มารา ด้วย
ระหว่างการเยือนดังกล่าว ศูนย์ข่าวทำเนียบรัฐบาล รายงานภารกิจผลการเจรจาร่วมของนายกรัฐมนตรีไทยและประธานาธิบดีเคนยาว่า คณะกรรมการการค้าร่วมระหว่างไทยและเคนยาจะร่วมกันพิจารณาแนวทางเพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าของสองประเทศ โครงการความร่วมมือ หรือ The
ขณะเดียวกันไทยได้เรียนรู้ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านซาฟารีจากเคนยา ซึ่งไทยกำลังจะเปิดสวนสัตว์กลางคืนหรือ Night Safari ที่เชียงใหม่ และการรักษาสิ่งแวดล้อมของเคนยา
อย่างไรก็ตาม ข่าวประชาสัมพันธ์จากทางการเคนยา ส่งผ่านไปยังสำนักข่าวทั่วโลก เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2548 มีรายละเอียดเพิ่มเติมจากคำให้สัมภาษณ์ของประธานาธิบดีเคนยาด้วยว่า การมาเยือนครั้งนี้นายกรัฐมนตรีของไทยยังเป็นพยานการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลเคนยาและรัฐบาลไทยในความร่วมมือการจัดการด้านสัตว์ โดยผู้ลงนามคือ Morris Dzoro รัฐมนตรีด้านการท่องเที่ยวและสัตว์ป่าของเคนยา กับนายยงยุทธ ติยะไพรัช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของไทย พร้อมทั้งระบุถึงการเตรียมจะเข้าไปลงทุนด้านกิจการคอมพิวเตอร์ของนักลงทุนไทยด้วย
ประเด็นการแลกสัตว์ป่านี้ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนเคนยาซักถามในรายละเอียดซึ่งรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศเคนยาชี้แจงว่าเคนยาตกลงจะส่งสัตว์ป่าเคนยา 175 ตัว จาก 25 ชนิดให้กับรัฐบาลไทย
ส่วนความเคลื่อนไหวโครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ก่อนถึงวันที่กำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการ 16 พฤศจิกายน 2548 หรือวันลอยกระทงตามที่ ผู้รับผิดชอบโครงการคือนายปลอดประสพ สุรัสวดี ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประกาศไว้
แหล่งข่าวภายในโครงการแจ้ง "พลเมืองเหนือ"ว่า การเตรียมงานเพื่อเปิดตัวในวันที่ 16 พฤศจิกายน นี้ยังมีอยู่ แต่เป็นลักษณะเชิญ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนักธุรกิจกลุ่มหนึ่งราว 200 คน มาเยี่ยมชมความพร้อม นายกรัฐมนตรีจะกล่าวถึงเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี และเชียงใหม่เวิล์ด พร้อมจะมีพิธีการรับสัตว์บางชนิดเป็นลูกบุญธรรมหรือรับเลี้ยงดูเป็นสปอนเซอร์ แต่จะไม่ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมอย่างเป็นทางการเลยเนื่องจากถนนทางเข้าและสะพานยังไม่แล้วเสร็จสมบูรณ์ ทั้งนี้คาดว่าจะมีการเปิดใหญ่อย่างเป็นทางการคือการมอบให้เป็นของขวัญชาวเชียงใหม่ในวันที่ 1 มกราคม 2549
ขณะที่การนำสัตว์เข้าภายในโครงการ แหล่งข่าวกล่าวว่า ได้ราวร้อยละ 70 ของเป้าหมายแล้ว โดยส่วนใหญ่เป็นสัตว์จากภายในประเทศทั้งของรัฐและซื้อจากเอกชน มีบางส่วนที่ซื้อจากต่างประเทศเข้ามา ส่วนแผนการแลกเปลี่ยนสัตว์กับออสเตรเลีย คือหมีโคล่านั้น อยู่ระหว่างการปลูกยูคาลิปตัสซึ่งเป็นอาหาร
นอกจากนั้น ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังมีข่าวลือสะพัดว่า เลียงผาที่ซื้อมาจากเอกชนตัวละหนึ่งล้านบาท 2 ใน 3 ได้ตกหน้าผาเทียมตาย ซึ่งนาย
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)