เมื่อเร็วๆ นี้ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย จัดรายการราชดำเนินเสวนาเรื่อง "การใช้อำนาจ กกต. ชัวร์หรือมั่วนิ่ม" โดยมี อาจารย์
นายนคร กล่าวว่า ถึงวันนี้คำถามถึงความผิดปกติของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ไม่ได้เกิดขึ้นกับเฉพาะผู้ที่ได้รับใบเหลืองหรือใบแดงเท่านั้น แต่ประชาชนส่วนใหญ่กำลังสงสัยว่ากกต.ชุดนี้ทำหน้าที่โดยสุจริตจริงหรือไม่ เพราะข้อเท็จจริงเริ่มปรากฏออกมามากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกับการเลือกตั้งใหญ่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา กล่าวได้ว่ามี "เงิน" สะพัดเป็นจำนวนมากที่ส่งผลถึงการแพ้-ชนะการเลือกตั้ง แต่กลับไม่มีการแจ้งจับการทุจริตจากกกต.มากเท่าที่ควรจะเป็น
ประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง กล่าวว่า ไม่นานมานี้ได้เชิญทั้งกกต. ศาลฏีกา และผู้ที่เข้าสู่กระบวนการการเลือกตั้งมาหารือให้ข้อเท็จจริง ปัญหาจากข้อชี้แจงในที่ประชุมก็คือ คำวินิจฉัยของกกต.ไม่ได้มาตราฐาน ขณะที่ศาลฎีกาตั้งข้อสังเกตว่า คำวินิจฉัยของกกต.มีธงคำตอบก่อนที่จะมีคำวินิจฉัยหรือไม่
"ในบางเรื่องมีคำวินิจฉัยที่เป็นธงคำตอบออกมาก่อนแล้ว จึงเกิดข้อปัญหาอย่างกรณีที่จ.ร้อยเอ็ด ที่จ.เพชรบูรณ์ หรือที่อื่นๆตามมาว่า ทำไมคำวินิจฉัยจึงไม่ตรงกับธงคำตอบ"
พลเรือโทณรงค์ กล่าวว่า วันนี้ตนไม่เชื่อมั่นกับการทำหน้าที่ของกกต. พร้อมกับตั้งคำถามถึงประชาชนว่ามีความเชื่อมั่นในกกต.มากน้อยเพียงใด เช่นคำถามที่ว่า กกต.ไม่ได้ถูกแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองจริงหรือไม่ หรือการบริหารจัดการของกกต.บริสุทธิ์เที่ยงธรรมมากน้อยเพียงใด แม้กระทั้งคำถามว่า จริงหรือที่ใบเหลืองใบแดงมีการซื้อกันได้ ผู้เกี่ยวข้องจะต้องมานั่งระดมสมองเพื่อทบทวนที่ของกกต.ทั้งหมด ไม่เช่นนั้นแล้วความเสื่อมศรัทธาในกกต.จะมีเพิ่มมากขึ้น
กรรมการองค์กรกลาง เสนอว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่กกต.กลาง ควรกระจายอำนาจสู่กกต.จังหวัดให้มากขึ้น และตั้งศาลเลือกตั้งเป็นกรณีพิเศษ เพราะดูเหมือนว่าคนส่วนใหญ่จะเชื่อมั่นในระบบของศาลมากกว่าเชื่อมั่นในตัวกกต. รวมถึงการยกเลิกการให้ใบเหลือง เพราะที่ผ่านมาเมื่อกกต.ให้ใบเหลืองก็ปัดความรับผิดชอบ จนนำมาสู่การเลือกตั้งใหม่
"หากพบผู้สมัครที่ทำการฝ่าฝืนอย่างชัดเจนก็ให้ใบแดงไป แต่หากยังคลุมเครือเพราะไม่มีหลักฐานว่าเขาทำผิดจริงก็อาจจะให้เขียวไปเลย เพราะจะช่วยลดปัญหาการวินิจฉัยที่ซับซ้อนได้ ไม่ต้องแก้กฏหมายหรือแก้รัฐธรรมนูญ"
ด้าน อาจารย์
อาจารย์คมสัน กล่าวว่า สังคมค่อนข้างหมดหวังกับสภาพของกกต.หรือองค์กรอิสระส่วนใหญ่ เปรียบเสมือนคนที่เป็นอัมพาตไม่สามารถขยับร่างกายได้ ขณะที่ปัญหาเรื่องใบเหลืองใบแดงของกกต. โดยอำนาจหน้าที่แล้วไม่ควรเกิดเรื่องผิดพลาดเช่นนี้ขึ้น และรู้สึกรับไม่ได้ที่กรรมการเลือกตั้งบางคนมองว่า ทำงานมา 4 ปี ความผิดพลาดย่อมเกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติ
ด้านนายการุณ กล่าวว่า หากนำข้อมูล ข้อเท็จจริงถึงผลงานการปฏิบัติงานของกกต. วันนี้มาดู จะพบความผิดปกติที่น่ากลัวหลายประการ แต่ทั้งนี้เคยเรียกร้องให้มีการถอดถอนกกต.ในหลายครั้ง แต่ฝ่ายการเมืองทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านรวมถึงผู้เกี่ยวข้องกลับสนใจเพียงชั่วคราว แต่ที่สุดก็ปล่อยให้เรื่องเงียบหายไป
นอกจากนี้ ส.ว.บุรีรัมย์ กล่าวด้วยว่า ปัญหาเรื่องที่กกต.ทุจริตหรือไม่ เป็นเรื่องที่น่าคิด เพราะแม้ไม่มีใบเสร็จการรับเงินที่จะนำมาเป็นหลักฐานจับผู้กระทำผิดได้ แต่เมื่อมองโดยเนื้องานของกกต.กลับพบว่ามีความไม่ชอบเกิดขึ้น เช่น กรณีการขึ้นเงินเดือนให้ตนเอง หรือกรณีการใช้งบประมาณราชการลับ หรืองบประมาณรับรอง เป็นต้น ส่งผลให้มีผู้ได้ประโยชน์จากการกระทำไม่ชอบดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันผลประโยชน์ไม่ชอบดังกล่าวเป็นเรื่องใหญ่แทบทั้งสิ้น เช่น การชนะการเลือกตั้งนายกฯอบต. ชนะการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล รวมไปถึงการชนะเลือกตั้งส.ส. ส.ว. เป็นต้น โดยที่มูลค่าการลงทุนถึงความผิดปกติดังกล่าวในแต่ละระดับเป็นจำนวนเงินมาศาล
นายการุณ กล่าวต่อว่า สื่อมวลชนควรตั้งคำถามกับกกต. ต่อกรณีคำวินิจฉัยในแต่ละปี แต่ละเดือน ที่ยังไม่สามารถประกาศในราชกิจจานุเบกษาว่ามีกี่ฉบับ ที่ใดบ้าง และเพราะอะไร เพราะหากกกต.ตอบด้วยความสุจริตสังคมจะพบความผิดปกติเป็นจำนวนมาก
"คำวินิจฉัยที่เกิน 1 ปี ยังเซ็นชื่อกันไม่ครบ และไม่สามารถนำไปประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ มีกีฉบับ ที่ไหนบ้าง เพราะอะไร เกิน 6 เดือนมีกี่ฉบับ เกิน 3 มีกี่ฉบับ ตรงนี้ถามให้ชัด ถ้ากกต.ตอบตรงๆเห็นแล้วจะน่ากลัวมาก เพราะเมื่อไปเปิดในราชกิจานุเบกษาแล้ว จะพบว่ามีเป็นจำนวนมากที่ยังไม่ได้ลงประกาศ"
ขณะเดียวกันส.ว. บุรีรัมย์ ยังตั้งข้อสังเกตถึงอำนาจหน้าที่ของ พล.ต.อ. วาสนา เพิ่มลาภ ประธานกกต.ถึงคำสั่งที่ลงนาม 2 ฉบับ ฉบับแรกคือ 1 กรณีการเซ็นมอบอำนาจให้กับกกต.จังหวัดทำหน้าที่วินิจฉัยในกรณีการเลือกตั้งท้องถิ่นทั้งหมด บกพร่องผิดพลาดอย่างไร ฉบับที่2 คือ คำสั่งว่าด้วยเรื่องการตั้งพนักงานสอบสวน 400 เขต 1200 คน ทั่วประเทศ เนื่องจากทั้ง 2 ฉบับ ต้องไม่ได้มีมติจากกกต.ทั้งหมดรับรอง แต่ข้อเท็จจริงกลับปรากฏว่าเป็นการลงนามโดยประธานกกต.เพียงคนเดียว
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)