เมนูพิสดาร "กินยีราฟ - ม้าลาย" สร้างความอับอายให้เมืองเชียงใหม่  ทั่วโลกประนามหนัก   คนเคนยาจี้รัฐทบทวนข้อตกลงกับไทย  ขณะที่ฝ่ายไทยเตรียมถกเป็นประเด็นใหญ่ในวันคุ้มครองสัตว์ป่าโลก  

            กรณีนายปลอดประสพ สุรัสวดี  ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการสำนักงานบริหารโครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี  ให้สัมภาษณ์เมื่อวันเปิดตัวอย่างไม่เป็นทางการของโครงการนี้เมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2548 ว่าภายในร้านอาหารสุดหรูจะมีเมนูพิเศษเนื้อยีราฟ เนื้อม้าลายนำเข้าจากประเทศเคนยา และอีกหลายประเทศ  ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศอย่างมาก

            สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานในวันรุ่งขึ้นทันทีว่า กลุ่มนักเคลื่อนไหวเพื่ออนุรักษ์สัตว์ป่าในเคนยาออกมาแสดงความเห็นคัดค้านกันดุเดือด โดยระบุว่า ทางการเคนยาจำเป็นต้องทบทวนการตัดสินใจ ตามข้อตกลงที่ทำไว้ระหว่างที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย ในกรณีที่เคนยาจะส่งสัตว์ป่า 175 ตัว ไปที่ไนท์ซาฟารีเชียงใหม่

คอนนี ไมนา โฆษก Kenya Wildlife Service (KWS) กล่าวถึงคำให้สัมภาษณ์ของนายปลอดประสพว่า "นี่เป็นข่าวใหม่ ... เราจำเป็นต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องบุฟเฟต์สัตว์ป่านี้ ถ้าเป็นเรื่องจริง รัฐบาลก็จำเป็นต้องทบทวนเรื่องส่งสัตว์ป่าไประเทศไทย"

            อลิซาเบธ แวมบา โฆษกกองทุน International Fund for Animal Welfare (IFAW) ซึ่งเป็นหน่วยงานผู้นำการเคลื่อนไหวคัดค้านการส่งออกสัตว์ป่าของเคนยากล่าวว่า  รู้สึก ตกใจกับแนวคิดในการเปิดร้านอาหารแบบนี้ที่เชียงใหม่ มันเหมือนเอาเกลือไปทาซ้ำที่บาดแผลของชาวเคนยา ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อมีการตกลงส่งสัตว์ป่า นอกจากนั้นประเทศไทยเองก็มีประวัติเรื่องสวัสดิภาพสัตว์ค่อนข้างแย่อยู่แล้ว

"มีอะไรการันตีได้ไหมว่า สัตว์ป่าจากเคนยาจะไม่ไปจบลงอยู่บนจานอาหาร ในเมื่อตอนนี้สัตว์ป่าจากชาติแอฟริกันอื่นๆ ดูจะมีจุดจบแบบนั้น?"

เว็บไซต์ของ Born Free องค์กรเคลื่อนไหวด้านการอนุรักษ์สัตว์ป่านำเสนอข่าวนี้ พร้อมมีรูปภาพยีราฟภายในสวนสัตว์ไนท์ซาฟารี และบรรยายใต้ภาพว่า  Next on the menu? ขณะที่สำนักข่าวต่างประเทศทั้งอังกฤษและออสเตรเลียต่างนำเสนอเรื่องดังกล่าวในทิศทางเดียวกันคือประนามความคิดที่สวนทางกับการอนุรักษ์เช่นนี้ 

            ที่ประเทศไทย นายอานันท์ ปันยารชุน  ประธานสภาสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย ระบุว่า เป็นเรื่องฝืนกระแสธรรมชาติเพราะทั่วโลกมีแต่จะเลิกบริโภคเนื้อสัตว์ป่าและเน้นการอนุรักษ์มากขึ้น

            นายชัยพันธ์ ประภาสวัตร ผู้อำนวยการสถาบันสิทธิชุมชน กล่าวว่า แนวคิดดังกล่าวขัดแย้งกับเมืองพุทธศาสนา และเป็นการสร้างจุดขายที่สวนทางกับแนวคิดการสร้างสวนสัตว์ที่ต้องการให้มีการเรียนรู้ชีวิตและธรรมชาติ

ส่วนที่สำนักงานหนังสือพิมพ์พลเมืองเหนือ มีผู้โทรศัพท์และส่งอีเมลล์มาแสดงความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างมากมาย  ทั้งหมดแสดงความไม่เห็นด้วย  บางท่านเสนอถึงว่าหากยังมีเมนูเช่นนี้ในโครงการก็เสนอ ให้เปลี่ยนชื่อโครงการเป็น The Chiang Mai Night Slaughterhouse ซึ่งแปลว่า "โรงฆ่าสัตว์"  แทน

มีรายงานว่านักอนุรักษ์ในเมืองไทยกำลังจะนำประเด็นนี้หารือใหญ่ในวันคุ้มครองสัตว์ป่าโลก  26 ธันวาคมที่จะถึงนี้เตรียมนำประเด็นสวนสัตว์กลางคืนเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ถกเป็นประเด็นใหญ่ในวันคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติปีนี้

นายนิคม พุทธา ผู้ประสานงานมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า   วันที่ 26 ธันวาคม ของทุกปี ถือเป็นวันคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ   ปีนี้ได้หารือกันแล้วว่าจะหยิบยกกรณีสัตว์ป่าในไนท์ซาฟารีมาพูดคุย  โดยจะมีการอภิปรายเรื่องการใช้ประโยชน์จากสัตว์ป่า เนื่องจากรัฐบาลพยายามอธิบายว่าไนท์ซาฟารีคือการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ แต่รูปแบบที่ดำเนินการจริงกลับทำเป็นเชิงธุรกิจการค้า  จะมีการพูดถึงจรรยาบรรณของประเทศที่เป็นสมาชิกไซเตรสหรืออนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ และถกถึงโครงการยักษ์ที่จะมีต่อเนื่องไปในพื้นที่นี้ด้วย โดยจะจัดที่บ้านธารแก้ว มหาวิทยาลัยพายัพ ถนนห้วยแก้ว อ.เมือง จ.เชียงใหม่

ขณะที่นายปลอดประสพ ระบุว่า การเปิดร้านอาหารแบบนี้เป็นแนวคิดแบบการตลาด โดยต้องการทำอะไรแบบแหวกแนวออกไปเพราะเป้าหมายคือต้องการดึงนักท่องเที่ยวมาเที่ยวเชียงใหม่และเนื้อสัตว์ที่นำเข้าจากเคนย่าต้องถูกต้องตามกฎหมายและปลอดภัย    และล่าสุดระบุว่าได้มีการทบทวนเมนูดังกล่าวแล้ว