สถิติที่เพิ่มมากขึ้นทุกที ชี้ให้เห็นถึงสถานการณ์การลี้ภัยของชาวเกาหลีเหนือว่าใช้เส้นทางแม่น้ำโขง จังหวัดเชียงรายเป็นทางผ่านเพื่อขอลี้ภัยไปยังประเทศอื่นเด่นชัดขึ้นทุกที เป้าหมายสูงสุดของคนเหล่านี้อยู่ที่ประเทศเกาหลีใต้
ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเชียงราย บันทึกการจับกุมบุคคลกลุ่มนี้ ตั้งแต่วันที่ 6 ส.ค.46 มีการจับกุมหญิงชาวเกาหลี 5 คน ขณะลักลอบเข้าเมืองได้ที่บริเวณบ้านสบรวก หมู่ที่ 1 ต.เวียง อ.เชียงแสน อันเป็นจุดที่เรือขนส่งสินค้าจากจีนล่องผ่านแม่น้ำโขงผ่านพม่า และลาว มาถึงประเทศไทย
ที่บริเวณเดียวกัน ในวันที่ 20 ก.ย.46 เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรอำเภอเชียงแสน จับกุมชาวเกาหลีเหนือได้อีก 5 คน เป็นชาย 1 คน และหญิง 4 คน ถัดมา วันที่ 21 ก.ย.46 เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังสามารถจับกุมชาวเกาหลีเหนือหลบหนีเข้าเมืองได้อีก 5 คน
ล่าสุดวันที่ 18 พ.ย.48 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรอำเภอเชียงแสน จับกุมชาวเกาหลีเหนือได้อีก 3 ครอบครัว รวม 12 คน เป็นชาย 4 คน และหญิง 8 คน ขณะกำลังลักลอบเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยกับเรือที่ล่องมาตามแม่น้ำโขง โดยจากการสอบสวนครอบครัวๆ หนึ่งที่ประกอบไปด้วย พ่อ แม่ และลูกสาว 2 คน จุดหมายของการลักลอบออกจากประเทศเกาหลีเหนือมายังประเทศไทย มีจุดหมายปลายทางการลี้ภัยไปอยู่ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้
น.อ.
รายงานระบุว่า การลักลอบเข้าไทยของชาวเกาหลีเหนือจะมีการประสานงานกับผู้ที่จะมารับไปยังประเทศที่สามไว้แล้ว ด้วยการโอนเงินค่าใช้จ่ายทั้งหมดไปก่อน ซึ่งเวลานี้ในประเทศจีนยังมีชาวเกาหลีเหนือที่อพยพหนีความยากลำบากจากเกาหลีเหนือมาพักอาศัยและรอที่จะหนีเข้ามายังประเทศไทยอีกเป็นจำนวนมาก
โดยเวลานี้มีชาวเกาหลีเหนือที่กระจายอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ ของประเทศจีนอีกเป็นจำนวนไม่น้อยกว่า 1,000 คน และที่เดินทางมารออยู่ที่เมืองมอม สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ด้านตรงข้ามชายแดนไทยแล้ว อีกกว่า 100 คน ที่รอเวลาและจังหวะที่เหมาะสมเพื่อจะลักลอบเดินทางเข้ามายังประเทศไทย
รายงานระบุถึงเส้นทางการลักลอบของชาวเกาหลีเหนือเหล่านี้ว่าเริ่มจากการลักลอบเข้าสู่ประเทศจีน แล้วเดินทางไปยังเมืองเชียงรุ้ง สิบสองปันนา มณฑลยูนนาน เพื่อลักลอบออกจากประเทศจีน ผ่านทางด้านเมืองต้าหม่งล่ง (เมืองชายแดนจีน-พม่า) ก่อนที่จะเข้าสู่เขตอิทธิพลของว้า (เขตปกครองพิเศษที่ 4 ชนชาติว้าแห่งสหภาพพม่า) และเดินทางผ่านทางเนิน 240 (เขตว้า) จากนั้นก็จะไปลงเรือในแม่น้ำโขงที่ท่าสบหลวย (ฝั่งพม่า) เพื่อเดินทางมาพักรอเข้าไทยที่เมืองมอม แขวงบ่อแก้ว ประเทศลาว (ตรงข้ามเมืองปง ประเทศพม่า อยู่เหนือสามเหลี่ยมทองคำขึ้นไปไม่เกิน
ขณะที่ในฝั่งประเทศไทยนั้น มีรายงานระบุว่า มีกลุ่มนายหน้าค้าคนที่คอยทำหน้าที่ประสานและลำเลียงชาวเกาหลีเหนือ จากสามเหลี่ยมทองคำและชายแดนจังหวัดเชียงรายอยู่ 2 กลุ่มหลัก ซึ่งเป็นกลุ่มชาวเกาหลีทั้งหมด โดยที่หนึ่งในสองกลุ่มหลักนี้ เป็นชาวเกาหลีใต้ที่เปิดกิจการร้านอาหารเกาหลีเป็นธุรกิจบังหน้าอยู่ใจกลางเมืองเชียงราย
ทั้งนี้วิธีการลำเลียงชาวเกาหลีเหนือหลบหนีเข้าเมืองนั้น กลุ่มนายหน้าจะใช้เส้นทาง เชียงแสน-แม่สายหรือเชียงแสน แล้วนำชาวเกาหลีเหนือไปพักรออยู่บนดอยแม่สะลอง อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย เพื่อรอจังหวะโอกาสที่เหมาะสม จากนั้นจะพาเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อไปยังสถานเอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ประจำประเทศไทย เพื่อขอลี้ภัยการเมืองไปอยู่ประเทศเกาหลีใต้ หรือชาวเกาหลีเหนือบางส่วนจะใช้วิธีการเปิดเผยตัวออกมาให้เจ้าหน้าที่ทำการจับกุมทันทีที่เดินทางเข้าสู่เขตประเทศไทย เพื่อหวังให้ถูกดำเนินคดีผลักดันออกนอกประเทศและจะขอลี้ภัยไปยังประเทศอื่นต่อไป