ประชาไท - 2 พ.ย.48 กรีนพีซ แถลงข่าวด่วนค้าน ซี.พี. ย้ำเป็นการผลักดันเปิดวิจัยจีเอ็มโอในไร่นาเพื่อผลประโยชน์บริษัท ขณะที่อธิบดีกรมวิชาการเกษตรไม่ยอมรับมะละกอจีเอ็มโอที่แพร่กระจายเป็นผลงานชิ้นโบว์ดำของกรมฯ ยืนยันวิจัยจีเอ็มโอต่อ แต่ต้องรอบคอบ
หลังจากวานนี้นาย
ทั้งนี้ เนื่องจากทุกวันนี้ตลาดโลกเริ่มยอมรับพืชจีเอ็มโอมากขึ้น และมีการศึกษาวิจัยกันอย่างแพร่หลายทั้งใน จีน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ซึ่งได้ทำการศึกษารุดหน้าไปมาก มีทั้งข้าวจีเอ็มโอ ถั่วเหลืองจีเอ็มโอ และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จีเอ็มโอ
อย่างไรก็ตาม น.ส.
"จริงๆ แล้ว แม้แต่ในสหรัฐอเมริกาเองก็ยังควบคุมการปนเปื้อนไม่ได้ ดูอย่างกรณีของข้าวโพดสตาร์ลิงค์ ซึ่งเป็นข้าวโพดจีเอ็มโอที่เกิดการปนเปื้อนในข้าวโพดธรรมดาในสหรัฐเมื่อปี 2544 ทำให้กระทรวงเกษตรของสหรัฐต้องใช้เงินกว่า 13 ล้านเหรียญเพื่อตัดวงจรการแพร่กระจาย โดยตามซื้อเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดจากบริษัททั้งสิ้น 64 บริษัท" น.ส.ภัสน์วจีกล่าว
เจ้าหน้าที่กรีนพีซกล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลควรพิจารณาบทเรียนจากหลายประเทศด้วยในการตัดสินใจเชิงนโยบายเกี่ยวกับจีเอ็มโอ เช่น รายงานเศรษฐกิจเกี่ยวกับข้าวโพดจีเอ็มโอในประเทศฟิลิปปินส์พบว่าเกษตรกรต้องใช้ต้นทุนสูงกว่าการปลูกข้าวโพดปกติ ขณะที่เกษตรกรอินเดียต้องล้มละลายจากการปลูกฝ้ายจีเอ็มโอ และเรียกร้องค่าเสียหายจากบริษัทมอนซานโต เนื่องจากไม่ได้ผลผลิตตามการโฆษณาชวนเชื่อ รวมถึงรัฐบาลอิรักกำหนดให้นำเข้าข้าวปลอดจีเอ็มโอเท่านั้น และล่าสุดประเทศแอฟริกาใต้ออกกฎหมายห้ามนำเข้าข้าวโพดจีเอ็มโอ ส่วนในสหภาพยุโรปมีรายงานกลุ่มผู้ผลิตอาหารในยุโรปต้องกำหนดนโยบายปลอดจีเอ็มโอ เนื่องจากผู้บริโภคไม่ต้องการจีเอ็มโอ
เมื่อถามว่าในกรณีของประเทศไทย บริษัทเกษตรขนาดใหญ่จะได้อะไรจากการผลักดันให้มีการทดลองจีเอ็มโอในไร่นา เจ้าหน้าที่จากกรีนพีซชี้แจงว่า เมื่อมีการทดลองในระดับไร่นาย่อมต้องมีการหลุดรอดแพร่กระจายของพืชจีเอ็มโอนั้นๆ ในธรรมชาติอย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก เช่น กรณีของมะละกอจีเอ็มโอ และหากพืชชนิดนั้นเป็นของบริษัทใด บริษัทนั้นก็มีสิทธิทันที ไม่ว่าชาวบ้านหรือรัฐจะยอมรับหรือไม่ ทำให้บริษัทสามารถผูกขาดได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
ทั้งนี้ มีกรณีการแพร่กระจายของพืชจีเอ็มโอที่นำไปสู่การฟ้องร้องเกิดขึ้นในต่างประเทศแล้ว เมื่อพบว่าพืชของเกษตรกรที่ทำการเกษตรแบบอินทรีย์กลายเป็นพืชจีเอ็มโอ และถูกบริษัทเอกชนเจ้าของสิทธิบัตรจีเอ็มโอฟ้องร้องดำเนินคดี
อธิบดีกรมวิชาการเกษตรคนใหม่ยันเดินหน้าจีเอ็มโอ
น.ส.ภัสน์วจี กล่าวถึงการเข้าพบอธิบดีกรมวิชาการเกษตรคนใหม่ เพื่อรับทราบจุดยืนเรื่องจีเอ็มโอของกรมฯ เมื่อวานนี้ (1 พ.ย.) ด้วยว่า ดร.
ส่วนในกรณีของมะละกอจีเอ็มโอนั้น อธิบดีกรมวิชาการเกษตรชี้แจงว่าแม้จะมีการตรวจพบ แต่ไม่สามารถพิสูจน์ดีเอ็นเอได้ว่าเป็นของกรมวิชาการเกษตรหรือไม่ เพราะมีหลายหน่วยงานรวมทั้งต่างประเทศที่ทำการทดลองมะละกอจีเอ็มโอ อย่างไรก็ตาม อธิบดีกรมวิชาการเกษตรรับปากว่าจะเข้าไปดูแลกระบวนการจัดการการแพร่กระจายอีกครั้งหนึ่ง
"เราเพียงต้องการนำเสนอข้อมูลต่างๆ ของกรณีมะละกอจีเอ็มโอให้กับอธิบดี โดยเฉพาะในการประเมินความเสี่ยงที่กรมวิชาการเกษตรมีเอกสารระบุชัดเจนว่าทดลองเสร็จสิ้นแล้ว แต่กลับไม่มีการพูดถึงสารต้านทานยาปฏิชีวนะเตตราซัยคลินแต่อย่างใด ซึ่งขัดต่อข้อแนะนำขององค์การอนามัยโลก อาจทำให้คนไทยตกอยู่ในความเสี่ยงต่อการดื้อยา"น.ส.ภัสน์วจีกล่าว