Skip to main content
sharethis


ประชาไทคัดสรร - เหตุจลาจลเผารถยนต์และอาคารทั่วชานเมืองปารีส ได้ลามเข้ายังใจกลางกรุงปารีสแล้ว ตำรวจระดมเฮลิคอปเตอร์ติดสปอตไลท์บินเหนืองปารีสและเมืองใหญ่ ควานหาวัยรุ่นก่อเหตุ ขณะที่ไฟจลาจลลามถึงตูลูส เรนเนส์ นองเตส์ และลิลย์

 


เหตุรุนแรงที่นำไปสู่การเผายวดยานทั่วชานเมืองใหญ่ของฝรั่งเศส ลุกลามเข้ายังใจกลางกรุงปารีสวานนี้ อันเป็นวันที่ 10 ของเหตุรุนแรง โดยรถยนต์ 11 คันถูกเผา ตำรวจได้ระดมเฮลิคอปเตอร์ติดตั้งสปอตไลท์แรงสูงพร้อมกล้อง บินวนเหนือกรุงปารีสและเมืองใหญ่อื่นๆ เพื่อหาตัวคนทำผิดที่เป็นกลุ่มวัยรุ่น โดยขณะนี้ได้เกิดเหตุเผาเลียนแบบตามย่านชานเมืองต่างๆ อาทิ ตูลูส เรนเนส์ นองเตส์ และลิลย์


 


นอกจากนั้น ตำรวจยังระดมกำลังเพิ่ม 2,300 นายประจำการตามท้องถนน รวมถึงเรียกเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจากเขตอื่นเข้ามาในกรุงปารีสด้วย หลังจากเมื่อคืนวันศุกร์ (4 พ.ย.) มีรถถูกเผาไป 900 คัน และจับกุมผู้ก่อเหตุได้ 250 คน ส่วนการให้บริการรถโดยสารช่วงกลางคืนบริเวณตอนเหนือและตะวันออกของกรุงปารีสต้องระงับไปเมื่อวันเสาร์ (5 พ.ย.) หลังมีการดักซุ่มและจุดไฟเผารถโดยสารไป 2 คัน


 


เจ้าหน้าที่กล่าวว่าทรัพย์สินหลายอย่างถูกทำลายเสียหาย รวมถึงร้านแมคโดนัลด์ โรงเรียน 2 แห่ง และโรงยิมแห่งหนึ่ง


 


นายนิโคลัส ซาร์โคซี รัฐมนตรีมหาดไทย กล่าวว่ากลุ่มที่ก่อเหตุรุนแรงมีการจัดการอย่างดีมากขึ้น มีการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อแจ้งการเคลื่อนไหวของตำรวจ รวมถึงใช้บล็อกทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเพื่อกระตุ้นให้ที่อื่นก่อเหตุวุ่นวาย นับแต่เหตุจลาจลเริ่มต้นขึ้น มีผู้ถูกจับกุมแล้วกว่า 650 คน ส่วนรถยนต์ที่ถูกเผาไปมีจำนวนกว่า 2,000 คัน


 


นายฟรังซัวส์ โฮล์ลองเด ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่านโยบายของรัฐบาลเป็นต้นเหตุของความวุ่นวายครั้งนี้ โดยเฉพาะนายซาร์โคซีที่ใช้ถ้อยคำรุนแรง โดยก่อนเกิดเหตุจลาจล นายซาร์โคซีเรียกผู้กระทำผิดกฎหมายบริเวณย่านชานเมืองว่า "ชนชั้นต่ำ" สร้างความไม่พอใจให้ผู้อาศัยอยู่ย่านนี้มาก อย่างไรก็ตาม เหตุรุนแรงเริ่มต้นขึ้นวันที่ 27 ตุลาคม เมื่อวัยรุ่น 2 คน เป็นชาวแอฟริกันและอาหรับ ถูกไฟช็อตตายขณะหลบอยู่ในโรงไฟฟ้าย่อยหลังหลบหนีตำรวจที่ขอตรวจบัตรประชาชน


 


นายกรัฐมนตรีโดมินิก เดอ วิลแปง ซึ่งยกเลิกการเยือนแคนาดาเพื่อแก้ปัญหาความรุนแรง ได้เรียกรัฐมนตรี 8 คนพร้อมเจ้าหน้าที่มุสลิมระดับสูง เข้าพบ เพื่อหาทางยุติเหตุวุ่นวาย นอกจากนั้น นายกฯ ฝรั่งเศสยังพบปะกับชาวบ้านจากย่านที่มีปัญหา เพื่อเปิดการเจรจา


 


เหตุรุนแรงซึ่งตอนแรกอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือ ชานกรุงปารีส อันเป็นถิ่นที่อยู่ของผู้อพยพ บีบให้ฝรั่งเศสเผชิญหน้ากับความจริงของชุมชนย่านชานเมือง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวแอฟริกันและลูกหลานของคนเหล่านี้กลายเป็นคนชายขอบ ต้องดิ้นรนหางานทำ มีที่อยู่อาศัยที่ไม่ดี ถูกกีดกันด้านเชื้อชาติ ทั้งยังมีปัญหาอาชญากรรมและขาดโอกาส


 


......................


ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ 6 พฤศจิกายน 2548

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net