ประชาไท—19 พ.ย. 2548 ชาวบ้านผู้ประกอบการบนเกาะพีพีกว่า 200 คน หารือร่วมกันเมื่อวันที่ 13 พ.ย. ที่ผ่านมา หลังถูกจังหวัดสั่งห้ามก่อสร้างบ้านถาวร ระบุโครงการสร้างบ้านถาวรกว่า 200 หลังชะงัก ผู้ประสบภัยสึนามิไม่มีที่อยู่

ชาวบ้านในพื้นที่เกาะพีพียังประสบปัญหาเรื้อรังจากสึนามิ หลังรัฐพลิกนโยบายจัดการพื้นที่หลายครั้ง โดยนโยบายแรกมอบหมายให้กรมโยธาธิการและผังเมืองเป็นผู้ดูแล แต่ต่อมาได้โอนให้กับองค์การบริหารการท่องเที่ยวพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. ซึ่งมีแนวทางที่จะเปลี่ยนพื้นที่ 270 ไร่ริมทะเลเป็นสวนสาธารณะ และพัฒนาโครงการโรงแรมระดับ 5 ดาว โดย อพท. เสนอให้ชาวบ้านผู้ประกอบการที่อาศัยอยู่บนพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิ์ 270 กว่าไร่ ย้ายไปอยู่บนภูเขาซึ่งเป็นที่ของอุทยานแห่งชาติ แต่ถูกชาวบ้านคัดค้านโดยระบุว่าโครงการดังกลายจะส่งผลกระทบต่อชาวบ้านและทำลายผู้ประกอบการรายย่อยในพื้นที่ จนในที่สุด อพท.ได้ออกมาปฏิเสธว่าไม่เคยเสนอผังเมืองดังกล่าว

ต่อมารัฐบาลได้มอบหมายให้ กรมโยธาธิการและผังเมืองจัดทำผังเมืองซึ่งขณะนี้ใช้เวลาเกือบ 1ปี แต่ยังไม่มีความชัดเจนแน่นอน ส่งผลให้ชาวบ้านในพื้นที่เกิดความวิตกกังวล ในขณะที่มีกระแสข่าวเกี่ยวกับการเจรจาซื้อและเช่าที่ดินโดยผู้อ้างตัวว่าเป็นตัวแทน อพท.

และหลังจาก ครม.สัญจรที่จังหวัดพังงาเมื่อวันที่ 6 ก.ย. ที่ผ่านมา ครม. ได้มีมติให้ยกเลิกการทำผังเมืองโดยกรมโยธาฯ และให้ อพท. กลับมาเป็นผู้ดูแลพื้นที่ดังกล่าวอีกครั้ง

กระทั่งล่าสุด รายงานข่าวระบุว่าทางจังหวัดกระบี่ได้สั่งห้ามการสร้างบ้านถาวรในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งส่งผลกระทบต่อโครงการสร้างบ้านถาวรซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง อบต. อ่าวนาง กับ มูลนิธิศุภนิมิต โดยโครงการดังกล่าวจะสร้างบ้านถาวรให้กับผู้ประสบภัยสึนามิจำนวนประมาณ 200 หลัง

ทั้งนี้ ผู้ร่วมการประชุมสะท้อนปัญหาว่า จากนโยบายที่ไม่ชัดเจนและการโอนย้ายหน่วยงานผู้รับผิดชอบไปมาระหว่าง กรมโยธาฯ กับ อพท. นั้น ทำให้ชาวบ้านขาดความเชื่อมั่นและสิ้นหวังกับการแก้ปัญหาของรัฐบาล ในขณะที่ต้องดำรงชีพโดยขาดปัจจัยพื้นฐานด้านที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กในวัยเรียนซึ่งถึงแม้กระทรวงศึกษาธิการจะมีนโยบายให้โรงเรียนเปิดเรียนตามปกติแล้ว แต่บางคนก็ไม่สามารถไปเรียนได้เนื่องจากยังไม่มีความแน่นอนเรื่องที่อยู่อาศัย