พื้นที่เชียงใหม่-ลำพูน มีความอุดมสมบูรณ์อย่างมากของพื้นที่ทางประวัติศาสตร์และโบราณสถาน การรักษาแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมเหล่านี้ไว้เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง พระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจการปกครองสู่ท้องถิ่น พ.ศ.2542 และพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.2546 มีผลให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องรับภาระในการดูแลโบราณสถานในชุมชน
ด้วยเหตุผลดังกล่าวเมื่อวันที่ 3 พ.ย. ที่ผ่านมา สถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัย จึงได้จัดเวทีประชุมโต๊ะกลมเรื่อง การบริหารจัดการแหล่งศิลปกรรมและโบราณสถานโดยท้องถิ่น ในกรณีของเวียงกุมกาม จังหวัดเชียงใหม่ และวัดเกาะกลาง จังหวัดลำพูน เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องร่วมกันเกี่ยวกับแนวทางการอนุรักษ์และการบริหารจัดการแหล่งศิลปกรรมและโบราณสถาน โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วม เพื่อความถูกต้องตามหลักวิชาการ ประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และสอดคล้องกับศักยภาพของท้องถิ่น
จากรายงานเรื่องการพัฒนาเวียงกุมกามกับความยั่งยืนชุมชนล้านนา โดย สุรีย์ บุญญานุพงศ์ นักวิจัยประจำสถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า การใช้ที่ดินในเขตเวียงกุมกาม นอกจากเป็นพื้นที่อยู่อาศัย และพื้นที่ทำการเกษตรแล้ว ที่เหลือเป็นพื้นที่ว่างโล่ง คติความเชื่อของชาวล้านนาแต่ดั้งเดิมเชื่อว่าไม่ควรขุดรื้อซากวัดร้างเพื่อใช้ทำประโยชน์ใดๆ เพราะถือว่า"ขึด" ผู้ครอบครองจะไม่มีความสุขความเจริญ แต่ประชาชนที่ข้ามาตั้งบ้านเรือนในเขตเวียงกุมกามส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าใต้ดินมีซากโบราณสถานเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ตั้งแต่ปี 2545 เป็นต้นมา เวียงกุมกามมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือการก่อสร้างศูนย์ข้อมูลเวียงกุมกาม การที่กรมศิลปากรได้รับงบประมาณมากขึ้นเพื่อขุดค้นและบูรณะโบราณสถาน มีการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง มีการปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคทั้งถนนและทางระบายน้ำ มีการลงทุนเพื่อให้บริการแก่นักท่องเที่ยวทั้งในด้านการให้บริการรถลาก รถม้า ช้าง และรถจักรยาน รวมทั้งการก่อสร้างร้านค้าขายอาหารและของที่ระลึก ซึ่งได้ส่งผลกระทบในทางสังคมคือ เกิดการแก่งแย่งที่อาจนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างประชาชนและชุมชนที่อยู่ในเขตเวียงกุมกาม การที่บริเวณเวียงกุมกามและพื้นที่ข้างเคียงยังมีพื้นที่ว่างเหลืออีกมาก และแนวโน้มที่ว่าการสนับสนุนด้านการอนุรักษ์และพัฒนาเวียงกุมกามจะยังคงมีต่อไป จึงมีโอกาสสูงมากที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินและการสร้างบริการใหม่ๆตอบสนองต่อนักท่องเที่ยว และตอบสนองความต้องการขยายตัวของเมืองเชียงใหม่ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของคนในชุมชนอย่างเลี่ยงไม่ได้ หากประชาชนในชุมชนที่เกี่ยวข้องยังละเลยและไม่เข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการแหล่งโบราณสถานแห่งนี้
นาย
โบราณสถานวัดเกาะกลาง ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 8 ตำบลบ้านเรือน อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานตามพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ.2504 (แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2535) ประชากรในพื้นที่มีเชื้อสายมอญ ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม สภาพชุมชนเป็นชนบทสงบเงียบ อาคารบ้านเรือนส่วนใหญ่เป็นบ้านไม้ 1-2 ชั้น ตั้งต่อเนื่องเป็นแนวยาวริมสองฟากถนน จากการศึกษาค้นคว้าหาหลักฐาน ทั้งในส่วนของประวัติศาสตร์แหล่งโบราณสถานวัดเกาะกลางและประวัติศาสตร์ชุมชนท้องถิ่น ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนและถูกต้อง อย่างไรก็ตามการที่หน่วยงานรัฐได้เข้ามาสนับสนุนการดำเนินงานบูรณะซ่อมแซมโบราณสถานวัดเกาะกลาง จะเป็นผลดีต่อชุมชนทั้งด้านการบูรณะฟื้นฟูแหล่งโบราณสถานเพื่อเพิ่มคุณค่าของพื้นที่ และเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ รวมทั้งประวัติศาสตร์ชุมชนก็จะได้รับการศึกษาค้นคว้า เพื่อสร้างความกระจ่างและความเข้าใจที่ถูกต้อง ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งเช่นกันที่ชุมชนต้องเข้ามามีส่วนร่วม
นาย
ด้านนาย