ศูนย์ข่าวอิศรา สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
"ผมเริ่มเข้ามาอยู่ในขบวนการณ์นี้หลายปีมาแล้ว ถ้าถามว่าเมื่อก่อนผมคิดอย่างไรกับเจ้าหน้าที่ ก็ตอบได้เลยว่าเกลียดมากที่สุด โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะตำรวจเอาแต่จับอย่างเดียวนี่คือสิ่งที่เข้าใจมาโดยตลอด และวันแรกที่โดนจับผมคิดอย่างเดียวคือตัวต่อตัว จะตายก็ไม่ว่า ขอแค่คนเดียวเป็นเพื่อนผมคือเพื่อนตายเท่านั้นคือขอเจ้าหน้าที่คนเดียว"
นี่คือคำพูดของนายมะโซเร เจะสนิ ซึ่งถูกตำรวจตั้งข้อหาว่าร่วมกับพวก ก่อเหตุฆ่าพระแก้ว ปัญเพชรแก้ว อายุ 78 ปี พระวัดพรหมประสิทธิ์ ต.บ้านเกาะ อ.ปานาเระ จ.ปัตตานี พร้อมจุดไฟเผาศพ และใช้อาวุธปืนยิงนายหาญณรงค์ คำอ่อง อายุ 17 ปี และนายสถาพร สุวรรณรัตน์ อายุ 15 ปี ซึ่งเป็นเด็กวัดเสียชีวิตเมื่อวันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา
เป็นคำพูดของผู้ต้องหา เกี่ยวกับการบ่มเพาะแนวคิด และการปฏิบัติตามคำสั่งในขบวนการก่อความไม่สงบ ซึ่งผู้บริหารระดับสูงของกองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กอ.สสส.จชต.) นำตัวมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยห้ามสื่อมวลชนซักถามผู้ต้องหา
นาย
"เมื่อถูกควบคุมตัวมาไว้ที่ ศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.สน.) เจ้าหน้าที่สอนให้รู้ว่าเวลามองเหรียญให้มองทั้งสองด้าน ซึ่งก่อนหน้านี้ขณะที่อยู่ร่วมในขบวนการก็มองเพียงด้านเดียวมาตลอด อยากจะบอกเพื่อนๆที่ยังหลงผิดในขณะนี้ให้ลองทบทวนสิ่งที่ทำอยู่ขณะนี้ว่าผิดหรือถูก คงบังคับใครไม่ได้ อยากให้เปลี่ยนด้วยจิตใจตัวเอง ทุกวันนี้รู้ว่าเข้าใจผิดต่อเจ้าหน้าที่มาโดยตลอด
ที่ผ่านมาการลงมือปฏิบัติการณ์ทำลงไปเพราะอุดมการณ์ และอำนาจมืดที่สั่งให้ทำโดยไม่มีสิทธิ์ที่จะโต้ตอบแม้แต่คำพูด อยากจะฝากให้ผู้หลงผิดให้คิดและพิจารณาตนเองในสิ่งที่กำลังจะทำ อยากให้ทุกคนรู้ว่าอะไรคือความจริง ทุกวันนี้พ่อแม่เสียใจกับการกระทำของผมมาก เนื่องจากในขณะที่อยู่ในขบวนการณ์พ่อแม่ไม่มีสิทธิ์รับรู้ได้เลย เมื่อขบวนการณ์เรียกก็ต้องไปทันที"
สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 16 คนที่ถูกจับกุมและตั้งข้อหาประกอบด้วย 1.นาย
พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 (ผบช.ภ.9) แถลงว่า หลังเกิดเหตุการณ์ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.
"ขอเรียนให้ทราบว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุทั้งหมดที่ควบคุมตัวไว้ได้จำนวน 16 คน เป็นเด็กวัยรุ่นที่เรียบร้อยแต่ถูกชักจูงให้หลงผิดจากกลุ่มขบวนการณ์ และทั้ง 16 คนได้ให้การรับสารภาพว่าลงมือปฏิบัติงานโดยไม่ได้รับผลตอบแทนแต่อย่างใด ทำไปตามอุดมการณ์ที่ถูกปลูกฝั่งโดยกลุ่มขบวนการณ์ และจะมีโครงสร้างทางด้านการเงินที่หากมีการปฏิบัติงานเป็นผลสำเร็จ ก็จะมีผลประโยชน์เป็นเงินขึ้นไปสู่กลุ่มผู้บริหารในขบวนการณ์ ซึ่งกลุ่มที่ปฏิบัติการในพื้นที่ไม่ได้รับเงินแม้แต่บาทเดียว ซึ่งเป็นการหลอกใช้ให้ปฏิบัติงานเพื่อผลประโยชน์" ผบช.ภ.9 กล่าว
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)