วันนี้ (20 พ.ย.) ที่ ร.ร.รัตนโกสินทร์ นาย
โดยนายพิทยา กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ปรากฏสถานการณ์ทางการเมืองหลายประการ มีแนวโน้มขัดแย้งรุนแรงขึ้นจนอาจนำไปสู่วิกฤติทางการเมือง ที่ใช้กำลังปะทะกัน หรือการใช้อำนาจรัฐเผด็จการทหาร ตำรวจ หรือกฎหมาย ตามอำเภอใจ และอาจจะส่งผลกระทบ ต่อการดำรงอยู่ของระบอบประชาธิปไตย หรือทำลายระบอบประชาธิปไตย อันเป็นสถานการณ์ที่น่าวิตกเป็นอย่างยิ่ง จากเหตุการณ์ที่นายทหารระดับผู้บังคับบัญชากองพลประกาศไม่พอใจ และส่งนายทหารยื่นหนังสือประท้วง นาย
พร้อมยังได้ออกมาระบุถึง การไม่สบายใจ รวมทั้งยังได้กล่าวอ้างถึงลูกน้องที่เป็นทหารเกือบ 14,000 คน ก็ไม่สบายใจซึ่งการไม่สบายใจเหล่านี้ ทำให้บางคนอาจจะแสดงออกหรือบางคนอาจเก็บอาการได้นั้น เท่ากับว่าเป็นการพูดแบบมีนัยยะว่าทหารกำลังจะทำอะไร
"การออกมาพูดเช่นนี้ถือว่าเป็นการคุกคาม ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อฝ่ายทหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายทหารดังกล่าว เป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ดังนั้นภาคประชาชนก็มีความวิตกกังวลว่า จะมีเห็นการที่รุ่นแรงเกิดขึ้น เป็นปัญหาที่น่ากลัวอย่างยิ่ง โดยเฉพาะชีวิตประชาชนที่อาจจะเป็นแพะรับบาป จากสถานการณ์ที่มีแนวโน้มไปสู่การใช้อำนาจด้วยความรุนแรงในการตัดสินปัญหามากยิ่งขึ้น ซึ่งทางครป.ก็ได้แต่หวังว่าทหารประชาธิปไตยย่อมไม่ทำตนเป็นเครื่องมือให้นัการเมือง ด้วยศักดิ์ศรีที่มีเกียรติยศสูงกว่านักการเมือง" นายพิทยา กล่าว
นายพิทยา กล่าวอีกว่า สาเหตุที่บ่งบอกว่า จะนำไปสู้สถานการณ์ที่รุนแรง คือเหตุการณ์ประชาชนแห่กันไปฟังรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ของ นายสนธิ ที่มีแต่จะเพิ่มระดับมากขึ้นเรื่อยๆ คล้ายๆกับเกตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อน 14 ตุลา 16 และเหตุการณ์ 17 พ.ค. 35 ที่เรียกว่าพฤษาทมิฬ จะเห็นได้ว่าความตื่นตัวของประชาชนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อรัฐบาลใช้อำนาจทางกฎหมายยังยั้งการเผยแพร่ข่าวสาร การฟ้องร้อง นายสนธิว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
ขณะที่ประชาชนส่วนหนึ่งเห็นว่าเป็นการปกป้องพระบรมเดชานุภาพ และความรู้สึกประชาชนยิ่งไม่พอใจมากขึ้น เมื่อหน่วยงานของรัฐสั่งห้ามการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร โดยที่รัฐบาลทักษิณไม่สามารถแก้ต่างกับข้อกล่าวหา และปัญหาที่สะสมเอาไว้ยาวนาน กำลังถูกรื้อเปิดโปง กระแสสนธิฟีเวอร์ กำลังเป็นเช่นเดียวกับจำลองฟีเวอร์ ก่อนเหตุการณ์พฤษภาคม 2535
นาย
"แต่การพยายามยับยั้งหรือจำกัดสิทธิเสรีภาพ ในการรับรู้ของข่าวสารของรัฐบาล ยิ่งเข้มงวดกวดขันและเด็ดขาดเท่าใดหรือใช้อำนาจมากเท่าใด ก็ยิ่งทำให้ประชาชนเชื่อว่า ที่นายกฯกระทำการต่างเป็นความจริง ในเรื่องของการเป็นเผด็จการประเทศ อาจจะทำไปสู่การขับไล่ได้ ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่นาวิกตกอย่างยิ่งหากประชาชนคนไทยส่วนใหญ่เทิดทูนพระมหากษัตริย๋ หากลูกเสือชาวบ้าน กลุ่มองค์กรจัดตั้งฝ่ายขาวจัด หรือประชาชนออกมาพิทักษ์สถาบัน และรับบาลห้ามปรามจนเกินเหตุถึงใช้กำลัง หรือมีผู้สร้างสถานการณ์วิกฤติรุนแรงถึงขั้นใช้กำลังก็ย่อมสร้างความสูญเสียครั้งใหญ่ให้แก่ชาติบ้านเมือง" นายพิทยา กล่าว
นายพิทยา กล่าวอีกว่า ขณะนี้จะเห็นได้ว่าเป็นรัฐบาลขาลง แล้วรัฐบาลได้สะสมปัญหาไว้หลายอย่าง ดังนั้นครป.จึงเห็นว่าทางออกที่ดีที่สุดในการแก้ไขปัญหา คือนายกรัฐมนตรีควรยุบสภา และจัดการเลือกตั้งใหม่ เพื่อหลีกเลี่ยงแนวโน้มการขัดแย้งที่จะนำไปสู่การนองเลือดอีกครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ขณะเดียวกันถ้าหากพรรคไทยรักไทยได้รับเลือกตั้งอย่างท่วมท้นกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ข้อครหาและปัญหามากมายก็จะหมดสิ้นไป ซึ่งเป็นหนทางที่พิสูจน์ตัวเองได้อย่างงดงาม และจะทำอย่างไร เพื่อที่จะยับยั้งไม่ให้เกิดเหตุการณ์นองเลือดและรุนแรงขึ้นอีก ภาคประชาชนไม่อยากจะเห็นและไม่อยากให้เกิดขึ้นมาอีก จึงอยากจะให้ยุติปัญหาด้วยการยุบสภาเสีย
ด้านนายคณิน กล่าวว่า ขอเรียกร้องรัฐบาลโดยเฉพาะอย่างยิ่ง พ.ต.ท.
"อยากกราบวิงวอน พ.ต.ท.ทักษิณ ขอคืนรัฐธรรมนูญแก่ประชาชน และแบ่งพื้นที่ให้กับคนอื่นบ้าง ขอแต่เพียงท่านคืนเสรีภาพของสื่อและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 39 ให้กับสื่อมวลชนและประชาชน และขอให้ท่านเมตตาเพื่อนร่วมชาติ โดยการถอนฟ้องสื่อมวลชน นายสนธิ น.ส.สโรชา พรอุดม น.ส.สุภิญญา และบุคคลอื่นๆ ทุกคดี และขอให้คืนรายการ "เมืองไทยรายสัปดาห์" กับรายการ "สมัคร-ดุสิต คิดตามวัน" แล้วปล่อยให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ตามวิถีทางอันงดงามของระบอบประชาธิปไตย" นายคณิน กล่าว
นายคณิน ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้ประชาชนไม่เชื่อรัฐบาลแล้ว เพราะการดำเนินการต่างๆของรัฐไม่ได้ทำด้วยความจริงใจ อย่างเช่นการเรียกร้องของญาติวีรชน จนมาถึงทุกวันนี้ ที่รัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการอิสระ เพื่อติดตามผู้สูญหายและช่วยเหลือผู้เสียหายจากเหตุการณ์เดือนพฤษภาคม 2535 ที่มีนาย
อย่างไรก็ตามการตั้งคณะกรรมการฯ ขึ้นมาก็ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะในเมืองคณะกรรมการฯเสนอไปแต่รัฐบาล ก็ไม่เห็นด้วย แถมยังไปตั้งนายอานันท์ และน.พ.ประเวศ วะสี เป็นกรรมการกอส. เพื่อเป็นการสร้างภาพให้กับรัฐบาล จึงอยากเรีกยร้องให้คณะกรรมการสมานฉันท์ ฯ (กอส.) อย่าเปลืองตัวกันอีกเลยควรยุติบทบาท และลาออกมาในวันนี้พรุ่งนี้เสีย ไม่ต้องรอให้ถึงเดือนมี.ค.เลยมันนานเถิดไป และทุกวันนี้ก็เปลืองตัวมามากแล้ว สิ่งที่พวกท่านทำมานั้นดีอยู่แล้ว ขอให้หยุดเท่านี้พอแล้วอย่าทำไปอีกเลย เพราะทำไปรัฐบาลก็ไม่ได้ใสใจอะไร และเพื่อเราจะได้มองภาพของรัฐบาลทักษิณได้ชัดเจนขึ้นว่า เป็นสีดำหรือสีอะไร ไม่ใช่ขมุกขมัวอยู่อย่างนี้ และจะได้เป็นการพิสูจน์ด้วยว่าเขาจริงใจ ในการช่วยเหลือพี่น้อง ใน 3 จังหวัดชายแดนภายใต้อย่างไร เมื่อมีคณะกรรมการอยู่ทุกวันนี้ก็ไม่สามารถที่จะเข้าไปแก้ไขปัญหาอะไรได้คนก็ตายเพิ่มขึ้น จะไปเป็นเสือกระดาษ ไปเป็นเครื่องมือให้รัฐสร้างภาพอยู่ทำไม
ด้านนายอดุลย์ กล่าวว่า ตนจำเป็นต้องพูด เพราะเมื่อประเมินสถานการณ์ขณะนี้แล้ว เหมือนกับเหตุการณ์การที่ญาติวีรชนต้องสูญเสียเนื่องจากเกิดเหตุการณ์ที่รุนแรง โดยเฉพาะมีนายทหารออกมาพูดในสิ่งที่น่าวิตกอย่างยิ่ง จึงอยากขอร้องให้รัฐบาล และสถาบันทหารตระหนังให้มาก หากจะมีการกระทำอะไรควรบอกประชาชนให้รู้บ้าง จะได้ไม่ต้องไปเป็นเหยื่อและต้องเจ็บปวดอยู่ทุกวันนี้เลย อย่าออกมาพูดอะไรโดยไม่ยั้งคิดเช่นนี้ ประชาชนตกอกตกใจหมด ที่มาพูดครั้งนี้ก็เพราะความเป็นห่วงเพราะสถานการณ์หลายๆอย่างมันบ่งชี้ไปสู่สถานการณ์ที่รุนแรงขอให้สงสารประชาชน
..................................................................................
ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ 20 พฤศจิกายน 2548
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)