Skip to main content
sharethis


ประชาไท - 22 พ.ย. 48     พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวกับผู้สื่อข่าวจากศูนย์ข่าวอิศรา และสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยที่ขอเข้าพบเมื่อวันที่ 22 พ.ย. ว่า  แนวทางการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ขณะนี้ใช้หลักการให้ทหารเข้าไปเคลื่อนไหว สร้างความสัมพันธ์กับประชาชน โดยใช้การเมืองนำ

 


แนวทางดังกล่าวจะทำให้เจ้าหน้าที่สามารถเกาะติดพื้นที่ได้ และจะรู้ได้เองว่าในหมู่บ้านมีใครเป็นผู้ก่อความไม่สงบ หรือใครเป็นแนวร่วมบ้าง สงครามประชาชนต้องใช้ประชาชนมาต่อสู้กับความคิดของประชาชนด้วยกัน เพื่อดึงประชาชนที่ไม่ดีออกไป


 


ทั้งนี้จะใช้การวางกำลังในลักษณะของใยแมงมุม คาดว่าสามารถคุมพื้นที่ได้ทั้งหมด เพื่อจำกัดเสรีในการเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม แต่เรื่องนี้อาจต้องใช้เวลาบ้าง


 


ชัยชนะที่จะเกิดขึ้นไม่ได้มาจากการปฏิบัติการทางทหาร แต่จะชนะโดยทางการเมือง ซึ่งงานด้านกิจการพลเรือนจะต้องเข้าไปปรับแนวความคิดของประชาชน ขณะนี้เจ้าหน้าที่รัฐทุกฝ่ายที่ทำงานในพื้นที่มีความเข้าใจตรงกันและคิดเหมือนกันหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม ทั้ง 3 หน่วยงานหลัก คือ ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ยังไม่มีความพร้อม 100% แต่หากสร้างความเข้มแข็งตรงนี้ขึ้นมาได้ ก็จะทำให้สามารถทำงานได้ดีขึ้น


 


ผบ.ทบ.ระบุอีกว่า ขณะนี้สถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ได้รุนแรงขึ้น และมีแนวโน้มลดลง โดยเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องของการก่อความไม่สงบทุกเรื่อง จะต้องศึกษาข้อเท็จจริง เพียงแต่บางครั้งกระบวนการสืบสวนสอบสวนของตำรวจเข้าไม่ถึงพื้นที่ ส่วนคนในพื้นที่ก็ไม่กล้าให้ข่าว จึงทำให้สรุปเป็นเรื่องการก่อความไม่สงบ ทั้ง ๆ ความจริงแล้ว มีทั้งปัญหาส่วนตัว การแก้แค้น การขัดผลประโยชน์


 


นอกจากนี้ พล.อ.สนธิ ยังกล่าวอีกว่า การทำความเข้าใจกับคนไทยมุสลิม ไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องประวัติศาสตร์เพราะมีหลายตอนแล้วแต่คนจะคิด แต่ควรจะพูดถึงบทบัญญัติในคัมภีร์อัลกุรอานที่เขียนไว้ว่า เกิดในประเทศไหน ก็ต้องจงรักภักดีต่อประเทศนั้น


 


ส่วนเงื่อนไขที่ทำให้เกิดปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ ความไม่เป็นธรรมในอดีต เพราะทุกหน่วยจะส่งคนไม่เก่งหรือคนมีปัญหาลงไปอยู่ในพื้นที่ ทำให้เกิดผู้ปกครองที่ไม่ดี นำไปสู่สภาวะที่เกิดปัญหามาตลอด ยอมรับว่า ที่ผ่านมาเป็นความผิดพลาด นอกจากนี้เรื่องผลประโยชน์ตามแนวชายแดน โดยเฉพาะการค้าขายของหนีภาษี ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งของปัญหาด้วย


 


นอกจากนี้ พล.อ.สนธิ กล่าวถึงกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบว่ากลุ่มเหล่านี้แฝงตัวอยู่ในหมู่บ้าน และการปฏิบัติการไม่เลือกว่าจะเป็นคนไทยพุทธ หรือไทยมุสลิม แต่จะเลือกพื้นที่ที่เป็นจุดอ่อนหรือจุดพลั้งเผลอ ดังนั้นการที่พื้นที่ค่อนข้างกว้างใหญ่และเจ้าหน้าที่รัฐไม่ได้มากมาย ทุกฝ่าย ทั้งองค์กรประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐต้องประสานทำความเข้าใจและร่วมมือกัน ซึ่งสิ่งสำคัญคือการดูแลตัวเอง


 


"ขณะนี้สามารถจับกุมกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบได้จำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วง 2 - 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ถือเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่ทำงานมา ซึ่งเป็นผลสำเร็จมาจากการวางนโยบายที่ชัดเจน และประชาชนให้ความร่วมมือมากขึ้น" พล.อ.สนธิ กล่าว


 


อย่างไรก็ตาม พล.อ.สนธิ กล่าวว่า แม้จะจับกุมผู้ก่อความไม่สงบมาได้มากแล้ว แต่ก็ไม่สามารถประเมินได้ว่า ฝ่ายตรงข้ามเหลืออีกเท่าไร เพราะขบวนการก่อความไม่สงบมีเป็นองค์กร เมื่อตายไป 1 คน ก็พยายามหามาทดแทนให้ได้ 1 คน แต่ขณะนี้พยายามไม่ให้มีการยายตัว โดยใช้วิธีทางการการเมืองสร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชน เมื่อฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถสร้างคนมาทดแทนได้ก็จะหมดไปเอง


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net