ประชาไท - งานมหกรรมเอดส์ภาคประชาชนเปิดตัวเป็นวันแรกที่ท้องสนามหลวง โดยนาย
เขากล่าวต่อว่า สิ่งที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นว่า การให้ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับเอดส์ได้หายไปจากสังคม รวมทั้งการกระตุ้นการป้องกันด้วยการแจกถุงยางอนามัยฟรีก็หายไป โดยรัฐบาลสามารถนำเงินไปใช้จ่ายในโครงการต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลได้ แต่กลับไม่มีเงินในการซื้อถุงยางอนามัยและสนับสนุนการรณรงค์ให้ความรู้เรื่องนี้แก่ประชาชน
"หากไม่ซื้อรถถัง 1 คัน ก็จะมีเงินซื้อถุงยางอนามัยไม่รู้ว่ากี่สิบล้านชิ้น ขอย้ำว่า ขณะนี้โรคเอดส์ได้กลายเป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่งของไทย และมีจำนวนผู้เสียชีวิตมากกว่าจำนวนทหารที่ตายไปในสงครามถึง 4 เท่า" นายมีชัยกล่าว
ขณะที่รายงานสถานการณ์เอดส์โลกปี 2005 ของยูเอ็นเอดส์ (UNAIDS) และองค์การอนามัยโลก (WHO) ที่เปิดเผยก่อนถึงวันเอดส์โลกในวันที่ 1 ธ.ค.ของทุกปี ระบุว่า ปัจจุบันมีผู้ป่วยเอดส์ทั่วโลกราว 40.3 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีถึง 2.3 ล้านคน ราย มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นถึง 4.9 ล้านคน และมีผู้ติดเชื้อเอดส์รายใหม่เพิ่มขึ้นวันละ 13,500 รายโดยเป็นการเพิ่มขึ้นมากสุดนับตั้งแต่มีรายงานการพบผู้ป่วยโรคเอดส์ครั้งแรกเมื่อปี 2524 โดยในปีนี้มีผู้เสียชีวิตด้วยโรคเอดส์ทั่วโลกราว 3.1 ล้านราย ในจำนวนนี้เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี 5.7 แสนราย
วันเดียวกันที่กระทรวงสาธารณสุข มีการแถลงข่าวการรณรงค์วันรวมใจต้านภัยเอดส์ ซึ่งตรงกับวันที่ 1 ธันวาคมของทุกปี โดยในปีนี้องค์การอนามัยโลกได้กำหนดคำขวัญไว้ว่า "เอดส์หยุดได้ ร่วมใจรักษาสัญญา" (Stop AIDS. Keep the Promise) เพื่อให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการต่อต้านเอดส์
นายแพทย์
เฉพาะในปี 2548 ปีเดียวมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 18,000 ราย ซึ่งพบมากสุดในวัยทำงานอายุ 20-39 ปีจำนวน 77% โดยติดเชื้อมาจากการมีเพศสัมพันธ์มากถึง 84% ส่วนในกลุ่มชายรักชายในกทม.มีอัตราติดเชื้อ 28% และกลุ่มวัยรุ่นอายุ 15-19 ปี พบว่าเป็นกลุ่มน่าห่วงที่สุด เนื่องจากมีพฤติกรรมเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น และมีการใช้ถุงยางอนามัยน้อย
นายแพทย์ปราชญ์กล่าวต่อไปว่า นับตั้งแต่ผู้นำประเทศทั่วโลกและผู้แทนระดับรัฐมนตรีเห็นเอดส์เป็นวิกฤตระดับโลกก็ได้ประกาศปฏิญญาว่าด้วยพันธะกรณีเรื่องโรคเอดส์ตั้งแต่ปี 2544 ในการประชุมสมัชชาแห่งสหประชาชาติ สมัยพิเศษว่าด้วยโรคเอดส์ โดยในปี 2548 มีแผนที่จะช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเอดส์ในประเทศที่สังคมไม่ค่อยยอมรับ ส่งเสริมพฤติกรรมความรับผิดชอบ การใช้ถุงยางอนามัยทั้งชายและหญิง ให้มีการถ่ายเลือดอย่างปลอดภัย และให้มีอาสาสมัครที่ให้คำปรึกษาและตรวจเลือดอย่างมีความลับ ตั้งเป้าภายในปี 2548 จะเผยแพร่ข้อมูลและบริการเกี่ยวกับการป้องกันเอดส์ครอบคลุมหนุ่มสาวอายุ 15-24 ปีทั่วโลกถึง 90% และเพิ่มเป็น 95% ภายในปี 2553
ด้านนายแพทย์
โดยแหล่งปลุกอารมณ์เพศสำคัญ ได้แก่ หนังสือการ์ตูน 72% รองลงมาคือ ดูวีซีดี วิดีโอเอ็กซ์ 64% อินเตอร์เน็ตโป๊ 61% เหตุที่ทำให้เด็กมีเพศสัมพันธ์กันเนื่องจาก อยู่ลำพังสองต่อสอง อยากลองอยากรู้ กลัวแฟนไม่รัก โดยมี 11% ต้องการทำสถิติ ที่น่าห่วงมากที่สุดพบว่ามีการใช้ถุงยางป้องกันเพียง 7% เท่านั้น นับว่าเป็นพฤติกรรมที่น่าเป็นห่วงมาก เนื่องจากมีเพศสัมพันธ์ที่อายุน้อยลงและไม่มีความพร้อมในการป้องกัน
นายแพทย์ธวัชชัยระบุด้วยว่า ในปี 2549 กระทรวงสาธารณสุขมีแผนในการป้องกันปัญหาดังกล่าว โดยจัดซื้อถุงยางอนามัยคุณภาพดีกว่า 24 ล้านชิ้นราคา 37 ล้านบาท ส่งให้กลุ่มที่มีพฤติกรรมเสี่ยงทั่วประเทศใช้ฟรี ได้แก่ ผู้ให้บริการทางเพศ ผู้ติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ แรงงานอพยพ/ชายแดน เด็กและเยาวชน จำนวน 156,000 ราย และเพื่อการเข้าถึงถุงยางอนามัยง่ายขึ้น
]
รวมทั้งจะมีการติดตั้งตู้จำหน่ายถุงอนามัยแบบหยอดเหรียญทั่วประเทศ ใน 75 จังหวัดจำนวน 4,575 เครื่อง ในราคา แพ็คละ 10 บาทมี 3 ชิ้น เฉลี่ยชิ้นละ 3.33 บาท ซึ่งนับว่าราคาถูกมาก ตั้งเป้าหมายว่าเมื่อสิ้นปี 2549 นี้ จะเพิ่มการใช้ถุงยางอนามัยในกลุ่มวัยรุ่นให้ได้มากกว่า 50% และลดอัตราการติดเชื้อในหญิงตั้งครรภ์ไม่เกิน 0.95% อัตราการติดเชื้อในกลุ่มทหารเกณฑ์ไม่เกิน 0.45%
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)