ข่าวโดย ศูนย์ข่าวประชาสังคม จ.อุบลราชธานี

เจ้าคุณพระศรีวรเวที รองเจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี ได้เปิดเผยกับรายการ "ทุ่งศรีเมืองทุกเรื่องเมืองอุบล" ทางวิทยุประชาสังคม จ.อุบลราชธานี FM 103.5 MHz แสดงความคิดเห็นถึงกรณีที่ นางอุไรวรรณ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม มีนโยบายที่จะเปิดพื้นที่แหล่งเรียนรู้ด้านศาสนา ธรรมะ ในห้างสรรพสินค้า เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้คนเข้าถึงธรรมะตามโครงการมุมสงบพบธรรมะว่า จ.อุบลราชธานีของเรา มีสถานที่ปฏิบัติธรรมที่เหมาะสมมากมาย เรามี วัดหนองป่าพง วัดป่านานาชาติ มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัยก็กำลังจัดสถานที่ที่เหมาะสมกับมุมสงบอย่างแท้จริง ไม่จำเป็นต้องเข้าไปในห้าง ประชาชนส่วนใหญ่ยังคิดว่า ห้างสรรพสินค้าเป็นสถานที่อโคจรที่พระไม่ควรไป จึงเห็นว่าไม่เหมาะสมที่จะไปจัดมุมสงบในห้างสรรพสินค้า นโยบายดังกล่าวมาจากส่วนกลาง แต่กรุงเทพฯไม่ใช่ประเทศไทย

รองเจ้าคณะจังหวัดกล่าวต่อไปว่าที่ จ.อุบลฯคนยังเข้าวัดกันมาก งานวัดต่างๆ ก็ไม่ว่างเว้นจากญาติโยม ผู้ที่เข้าห้างมีความประสงค์จะไปละลายทรัพย์ และส่วนใหญ่คงไม่ได้มีความทุกข์ ในเมื่อเขาสบายใจที่จะไปเที่ยวไปซื้อของ ไม่ได้มีความทุกข์ การนำวัดไปไว้ที่นั่นคงไม่ได้ตามเป้าหมาย โดยสรุปก็เห็นว่าสถานการณ์การเข้าวัดของเรายังไม่วิกฤติถึงขนาดต้องนำวัดเข้าไปในห้าง ยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องทำเช่นนั้น

ด้านสมณะโพธิรักษ์ ผู้นำชาวอโศก ได้กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า โดยส่วนตัวไม่เห็นด้วย เพราะห้างสรรพสินค้าเป็นสถานที่อโคจรของพระที่ไม่ควรเข้าไป แค่พระเดินในห้างก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่เหมาะสมแล้ว หากจะทำอย่างพระมาลัยโปรดสัตว์ในนรก ก็ต้องอาศัยพระอรหันต์พระอริยะเจ้าจริงๆ จึงจะสามารถทนต่อกิเลสในสถานที่เช่นนั้นได้

ส่วนความคิดที่ว่าคนเข้าวัดน้อยจึงต้องนำวัดเข้าไปในห้างเพื่ออำนวยความสะดวกเป็นการคิดแค่ตื้นๆ ง่ายเกินไป ไม่คิดให้ลึกซึ้ง หากจะทำจริงๆ ควรเป็นแค่การสอนจริยธรรมธรรมดา เหมือนครูสอนศิษย์ พ่อแม่สอนลูก ทำในห้างได้ เป็นสังคมศาสตร์ไม่ใช่ศาสนา ต้องแยกให้ออก  

ผู้นำชาวอโศกกล่าวต่อไปว่า ศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาง้อคนเข้ามา ต้องการบริวารมากๆ แต่เน้นที่ปฏิบัติตัวเองให้ดี ใครได้ยิน ใครมีปัญญาจะมารับเอา ไม่ต้องโฆษณา ตีฆ้องร้องป่าวเพื่อให้ได้ปริมาณมากๆ คนไม่ศรัทธาก็ไม่สามารถสอนเขาได้