หมกเม็ดไนท์ซาฟารีฮุบป่าอีก 200 ไร่

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ

 

 

ไนท์ซาฟารีหมกเม็ดไม่เลิก  แฉขอ ครม.ใช้พื้นที่อุทยานแห่งชาติ 600 ไร่ ทำเสร็จกลายเป็น 819 ไร่ไม่มีเหตุผล  อ้อนขอทำบอกมีกำไร  แต่ทำเสร็จแล้วบอกไม่หวัง อดีต ผอ.องค์การสวนสัตว์นำทีมจวก คนทำไร้ความรู้ด้านสัตว์ แต่กินเงินเดือน 2 แสน แถมดอดไปเซ็นต์สัญญาแลกสัตว์กับจีนอีก

 

สัปดาห์ที่ผ่านมายังคงมีความเคลื่อนไหวต่อเนื่องในเรื่องของสวนสัตว์กลางคืนเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี โดยเมื่อวันที่ 25 ..2548 ที่มูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ กรุงเทพฯ ได้มีตัวแทนองค์กรพันธมิตรด้านอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย นายพิสิษฐ์ ณ พัทลุง รองประธานมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าฯ นายสุรพล ดวงแข เลขาธิการมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าฯ นายนิคม พุทธา ผู้ประสานงานมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าฯ ภาคเหนือ นายศศิน เฉลิมลาภ รองเลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ดร.เจริญวิชญ์ หาญแก้ว สมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย นายชัยพันธ์ ประภาสะวัต ผอ.สถาบันเพื่อสิทธิชุมชน และตัวแทนภาคีฮักเจียงใหม่ นายวีรวัธน์ ธีรประสาธน์ ประธานมูลนิธิฟื้นฟูชีวิตและธรรมชาติ นายโรเจอร์ โลหนันทน์ นายกสมาคมพิทักษ์สัตว์ น.สพ.ชิษณุ ติยะเจริญศรี รองประธานมูลนิธิช่วยชีวิตสัตว์ป่าแห่งประเทศไทย นายสวรรค์ แสงบัลลังค์ ผอ.สมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งประเทศไทย MR.Edwin Wickและตัวแทนจากมูลนิธิโลกสีเขียวร่วมแถลงเรื่องสวนสัตว์เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี

ที่ประชุมได้แจกเอกสารบันทึกลงนามการตกลงซื้อขายแลกเปลี่ยนสัตว์ป่า ระหว่าง Guangzhou Panyu Xiangjiang Safari Park Co.,Ltd. และโครงการสวนสัตว์เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เมื่อวันที่ 10 ..2548 โดยฝ่ายไทยมีกงสุลใหญ่ ประจำนครกวางโจว ประเทศจีน เป็นตัวแทนลงนาม โดยเอกสารแผ่นที่ 4 มีบัญชีชื่อสัตว์แลกเปลี่ยนแนบท้ายเกือบ 20 รายการ

นายสุรพล กล่าวว่าเอกสารดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการหมกเม็ด เนื่องจากดำเนินการภายใต้องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน(องค์การมหาชน) ตัดสินใจโดยซีอีโอ ทำให้หลายๆเรื่องไม่ต้องผ่านขั้นตอนกำกับดูแล รวมถึงตรวจสอบการนำเข้าและส่งออกสัตว์ป่าตามพ...สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า แม้กระทั่งกรณีมีร้านอาหารเมนูเปิบเนื้อสัตว์ พอถูกท้วงติงก็บอกว่าเลิก แสดงให้เห็นว่าจัดการแบบไม่เป็นรูปแบบ รวมถึงสัญญาต่างๆ ก็ไม่เปิดเผย 

 

ส่วนกรณีของการแลกสัตว์กับประเทศเคนยา นายสุรพลกล่าวว่าองค์กรอนุรักษ์สัตว์ป่าของต่างประเทศแสดงเจตนารมณ์ร่วมคัดค้านการแลกสัตว์ป่าระหว่างเคนยากับสวนสัตว์ไนท์ซาฟารี รวม 20 กว่าองค์กร ไม่ว่าจะเป็นอเมริกา เยอรมนี ฝรั่งเศสรวบรวมรายชื่อได้กว่า15,000 รายชื่อที่ไม่เห็นด้วยกับการดำเนินการครั้งนี้

นายพิสิษฐ์ ซึ่งเป็นอดีตผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า การสร้างสวนสัตว์ไนท์ซาฟารีผิดตั้งแต่เริ่ม ที่ไม่เลือกคนที่ทำเป็นหรือมืออาชีพมาทำ ถ้าเป็นคนจากสวนสัตว์จะไม่ทำอย่างนี้เด็ดขาด และไม่คิดหรือพูดออกมาว่าจะให้มีบริโภคเนื้อสัตว์  โครงการนี้ทั้งผิดพลาด ราคาแพง และใช้เวลา รวมถึงคุณภาพต่ำกว่าปกติ ใช้เงินของประชาชน 1,000-2,000 ล้านไปทำไนท์ซาฟารีโดยไม่รู้ว่าคืออะไร

นายพิสิษฐ์กล่าวอีกว่า แม้กระทั่งการเลือกประเทศที่แลกเปลี่ยนสัตว์ก็ถือว่าผิด เพราะเคนยาไม่ได้ส่งออกสัตว์มานานนับ 10 ปี ปัญหาการจับ การทำกล่องใส่ และขนสัตว์จะมีปัญหาตามมา รวมถึงเคนยายังเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของกลุ่มอนุรักษ์ที่เข้มแข็ง  ทั้งยังเป็นแหล่งของโรคสัตว์อีกหลายประเภท สุดท้ายนี้อยากให้จับตาและทวงคำสัญญาที่นายปลอดประสพ สุรัสวดี พูดไว้ทางทีวีว่าจะคืนเงินแก่ประชาชนหากบริหารงานสวนสัตว์ไนท์ซาฟารีขาดทุน นี่คือข้อผูกมัดที่ต้องติดตามต่อไป

 

ในการแถลงข่าวดังกล่าวมีการนำเสนอเอกสารอัตราค่าจ้างผู้ทำงานในไนท์ซาฟารีว่า ตำแหน่งซีอีโอหรือประธานสำนักงานนโยบายและที่ปรึกษา มีเงินดือนถึงเดือนละ 200,000 บาท ตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด 100,000 บาท สัตว์แพทย์ 50,000 บาท  

 

ด้านนายนิคมกล่าวว่า เชียงใหม่ไนท์ซาฟารียังใช้พื้นที่เลี้ยงสัตว์ไม่เหมาะสม สัตว์บางชนิดอยู่ในกรงแคบมาก แม้กระทั่งนำสังกะสีมาพันรอบเสาในกรงหมี ใช้อาหารเม็ดเลี้ยงสัตว์มากกว่าใช้อาหารตามธรรมชาติของสัตว์ประเภทนั้นๆ

ส่วนนายชัยพันธ์กล่าวว่า โครงการนี้ใช้เงินลงทุนมหาศาล เป็นเงินภาษีประชาชน นำพื้นที่อุทยานมาผนวกเป็นสวนสัตว์ และบุคคลที่เข้ามาทำก็แปดเปื้อนคดี โอกาสที่ไนท์ซาฟารีจะเลี้ยงตัวเองได้ไม่มี ยังไม่พูดถึงเมนูเปิบพิสดาร ที่สร้างภาพลักษณ์ติดลบให้กับประเทศ เมื่อมีคนพูดถึงเมืองไทยก็จะบอกว่าเป็นแหล่งค้าสัตว์ป่า สร้างความอัปลักษณ์ซ้ำเติมให้เมืองเชียงใหม่เมื่อถูกพูดถึงยังมีเรื่องของน้ำที่ขาดแคลนอีก

ช่วงท้ายของการประชุมตัวแทนกลุ่มองค์กรพันธมิตรร่วมลงนามในจดหมายเปิดผนึก เรื่องข้อท้วงติงเพื่อปรับปรุบแก้ไขการดำเนินงานสวนสัตว์เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีส่งถึงนายกรัฐมนตรี โดยเนื้อหาระบุว่า สวนสัตว์ไนท์ซาฟารีไม่ควรเปิดร้านอาหารสัตว์ป่า เพราะกิจกรรมดังกล่าวส่งเสริมให้มีการฆ่าสัตว์ป่า การซื้อขายสัตว์ และทำธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์ป่า นอกจากนี้ยังเป็นการแพร่กระจายของเชื้อโรคที่จะมากับสัตว์ป่า ส่วนการจัดการ ดูแลรักษาสัตว์ป่านั้นยังมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขให้ได้มาตรฐานที่ดีกว่านี้อีกมาก ประเทศไทยอาจถูกประณามอย่างรุนแรงจากนานาประเทศ ผู้รับผิดชอบโครงการไม่ได้ให้ความสำคัญกับกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยเฉพาะในท้องถิ่นที่วิตกกังวล ต่อการใช้พื้นที่สาธารณะ เนื่องจากโครงการอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ซึ่งน่าเสียดายที่ไม่มีการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรืออีไอเอ รวมถึงความไม่โปร่งใส และผลประโยชน์ทับซ้อน.

"พลเมืองเหนือ" ตรวจสอบเอกสารพบสิ่งผิดปกติที่ยังไม่มีการชี้แจง กล่าวคือ เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ในการเสนอโครงการนี้เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี  เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2548 เพื่อพิจารณาการขอใช้งบกลางของปี 2547 วงเงิน1,155,900,000 ล้านบาท  ระบุถึงการใช้พื้นที่เพื่อก่อสร้างโครงการนี้  625 ไร่  แต่ในการนำชมพื้นที่แก่นายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2548 กลับระบุว่ามีพื้นที่โครงการ  819 ไร่ และในแผ่นพับประชาสัมพันธ์ก็ระบุการใช้พื้นที่ 819 ไร่  ทั้งนี้ไม่มีคำอธิบายจากผู้เกี่ยวข้องว่าผืนป่าอีกกว่า 200 ไร่คือส่วนใดและขยายเพราะเหตุใด

 

ขณะที่ด้านการลงทุน ในการเสนอเข้าครม.ครั้งเดียว  ระบุว่าได้วิเคราะห์ผลตอบแทนของโครงการในการประเมินความเป็นไปได้ทางด้านการเงิน และการวิเคราะห์ทางด้านเศรษฐศาสตร์ของโครงการ โดยใช้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ปัจจุบัน (Marginal Loan Rate : MLR) 6.5% ปรากฏว่าโครงการมีความเป็นไปได้ในการลงทุน และให้ผลตอบแทนคุ้มค่า โดยมี NPV = 88.38, B/C Ratio = 1.053 และ IRR = 8  แต่ล่าสุดนายปลอดประสพ กลับระบุว่าโครงการนี้ไม่ได้สร้างเพื่อหวังผลกำไร แต่จะเป็นแม่เหล็กดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวเชียงใหม่มากขึ้นต่างหาก

 

นอกจากนั้น ในที่ประชุม ครม. วันที่ 25 มกราคม 2548 มีการเสนอของบกลางปี 2548 วงเงิน  1,151,927,799 บาทอีก เพื่อใช้ในการดำเนินการของโครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี และโครงการเกี่ยวเนื่อง (โครงการพัฒนาพื้นที่หนองเต็ง - จักราช จังหวัดนครราชสีมา และโครงการอุทยานช้าง จังหวัดเชียงใหม่) ซึ่งโครงการนี้มีนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภเป็นประธานกรรมการ

 

ครั้งนั้น ครม.ขอให้ทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ  และโครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี และโครงการอุทยานช้าง เตรียมการในเรื่องการบริหารจัดการให้มีความชัดเจน ก่อนที่จะมีการดำเนินการเปิดโครงการ ฯ ในเดือนเมษายน 2548 และควรให้การจัดทำแผนงานการบริหารจัดการในระยะยาวทั้งแผนการบริหารจัดการโครงการ ฯ และแผนการบริหารการเงิน เพื่อเสนอภาพรวมให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป  แต่หลังจากนั้นยังไม่มีรายงานเข้าสู่คณะรัฐมนตรีถึงแผนการดังกล่าวแต่อย่างใด

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท