ไนท์ซาฟารีหมกเม็ดไม่เลิก แฉขอ ครม.ใช้พื้นที่อุทยานแห่งชาติ
สัปดาห์ที่ผ่านมายังคงมีความเคลื่อนไหวต่อเนื่องในเรื่องของสวนสัตว์กลางคืนเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี โดยเมื่อวันที่ 25 พ.ย.2548 ที่มูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ กรุงเทพฯ ได้มีตัวแทนองค์กรพันธมิตรด้านอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย นาย
ที่ประชุมได้แจกเอกสารบันทึกลงนามการตกลงซื้อขายแลกเปลี่ยนสัตว์ป่า ระหว่าง Guangzhou Panyu Xiangjiang Safari Park Co.,Ltd. และโครงการสวนสัตว์เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เมื่อวันที่ 10 ต.ค.2548 โดยฝ่ายไทยมีกงสุลใหญ่ ประจำนครกวางโจว ประเทศจีน เป็นตัวแทนลงนาม โดยเอกสารแผ่นที่ 4 มีบัญชีชื่อสัตว์แลกเปลี่ยนแนบท้ายเกือบ 20 รายการ
นายสุรพล กล่าวว่าเอกสารดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการหมกเม็ด เนื่องจากดำเนินการภายใต้องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน(องค์การมหาชน) ตัดสินใจโดยซีอีโอ ทำให้หลายๆเรื่องไม่ต้องผ่านขั้นตอนกำกับดูแล รวมถึงตรวจสอบการนำเข้าและส่งออกสัตว์ป่าตามพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า แม้กระทั่งกรณีมีร้านอาหารเมนูเปิบเนื้อสัตว์ พอถูกท้วงติงก็บอกว่าเลิก แสดงให้เห็นว่าจัดการแบบไม่เป็นรูปแบบ รวมถึงสัญญาต่างๆ ก็ไม่เปิดเผย
ส่วนกรณีของการแลกสัตว์กับประเทศเคนยา นายสุรพลกล่าวว่าองค์กรอนุรักษ์สัตว์ป่าของต่างประเทศแสดงเจตนารมณ์ร่วมคัดค้านการแลกสัตว์ป่าระหว่างเคนยากับสวนสัตว์ไนท์ซาฟารี รวม 20 กว่าองค์กร ไม่ว่าจะเป็นอเมริกา เยอรมนี ฝรั่งเศสรวบรวมรายชื่อได้กว่า15,000 รายชื่อที่ไม่เห็นด้วยกับการดำเนินการครั้งนี้
นายพิสิษฐ์ ซึ่งเป็นอดีตผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า การสร้างสวนสัตว์ไนท์ซาฟารีผิดตั้งแต่เริ่ม ที่ไม่เลือกคนที่ทำเป็นหรือมืออาชีพมาทำ ถ้าเป็นคนจากสวนสัตว์จะไม่ทำอย่างนี้เด็ดขาด และไม่คิดหรือพูดออกมาว่าจะให้มีบริโภคเนื้อสัตว์ โครงการนี้ทั้งผิดพลาด ราคาแพง และใช้เวลา รวมถึงคุณภาพต่ำกว่าปกติ ใช้เงินของประชาชน 1,000-2,000 ล้านไปทำไนท์ซาฟารีโดยไม่รู้ว่าคืออะไร
นายพิสิษฐ์กล่าวอีกว่า แม้กระทั่งการเลือกประเทศที่แลกเปลี่ยนสัตว์ก็ถือว่าผิด เพราะเคนยาไม่ได้ส่งออกสัตว์มานานนับ 10 ปี ปัญหาการจับ การทำกล่องใส่ และขนสัตว์จะมีปัญหาตามมา รวมถึงเคนยายังเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของกลุ่มอนุรักษ์ที่เข้มแข็ง ทั้งยังเป็นแหล่งของโรคสัตว์อีกหลายประเภท สุดท้ายนี้อยากให้จับตาและทวงคำสัญญาที่นายปลอดประสพ สุรัสวดี พูดไว้ทางทีวีว่าจะคืนเงินแก่ประชาชนหากบริหารงานสวนสัตว์ไนท์ซาฟารีขาดทุน นี่คือข้อผูกมัดที่ต้องติดตามต่อไป
ในการแถลงข่าวดังกล่าวมีการนำเสนอเอกสารอัตราค่าจ้างผู้ทำงานในไนท์ซาฟารีว่า ตำแหน่งซีอีโอหรือประธานสำนักงานนโยบายและที่ปรึกษา มีเงินดือนถึงเดือนละ 200,000 บาท ตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด 100,000 บาท สัตว์แพทย์ 50,000 บาท
ด้านนายนิคมกล่าวว่า เชียงใหม่ไนท์ซาฟารียังใช้พื้นที่เลี้ยงสัตว์ไม่เหมาะสม สัตว์บางชนิดอยู่ในกรงแคบมาก แม้กระทั่งนำสังกะสีมาพันรอบเสาในกรงหมี ใช้อาหารเม็ดเลี้ยงสัตว์มากกว่าใช้อาหารตามธรรมชาติของสัตว์ประเภทนั้นๆ
ส่วนนายชัยพันธ์กล่าวว่า โครงการนี้ใช้เงินลงทุนมหาศาล เป็นเงินภาษีประชาชน นำพื้นที่อุทยานมาผนวกเป็นสวนสัตว์ และบุคคลที่เข้ามาทำก็แปดเปื้อนคดี โอกาสที่ไนท์ซาฟารีจะเลี้ยงตัวเองได้ไม่มี ยังไม่พูดถึงเมนูเปิบพิสดาร ที่สร้างภาพลักษณ์ติดลบให้กับประเทศ เมื่อมีคนพูดถึงเมืองไทยก็จะบอกว่าเป็นแหล่งค้าสัตว์ป่า สร้างความอัปลักษณ์ซ้ำเติมให้เมืองเชียงใหม่เมื่อถูกพูดถึงยังมีเรื่องของน้ำที่ขาดแคลนอีก
ช่วงท้ายของการประชุมตัวแทนกลุ่มองค์กรพันธมิตรร่วมลงนามในจดหมายเปิดผนึก เรื่องข้อท้วงติงเพื่อปรับปรุบแก้ไขการดำเนินงานสวนสัตว์เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีส่งถึงนายกรัฐมนตรี โดยเนื้อหาระบุว่า สวนสัตว์ไนท์ซาฟารีไม่ควรเปิดร้านอาหารสัตว์ป่า เพราะกิจกรรมดังกล่าวส่งเสริมให้มีการฆ่าสัตว์ป่า การซื้อขายสัตว์ และทำธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์ป่า นอกจากนี้ยังเป็นการแพร่กระจายของเชื้อโรคที่จะมากับสัตว์ป่า ส่วนการจัดการ ดูแลรักษาสัตว์ป่านั้นยังมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขให้ได้มาตรฐานที่ดีกว่านี้อีกมาก ประเทศไทยอาจถูกประณามอย่างรุนแรงจากนานาประเทศ ผู้รับผิดชอบโครงการไม่ได้ให้ความสำคัญกับกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยเฉพาะในท้องถิ่นที่วิตกกังวล ต่อการใช้พื้นที่สาธารณะ เนื่องจากโครงการอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ซึ่งน่าเสียดายที่ไม่มีการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรืออีไอเอ รวมถึงความไม่โปร่งใส และผลประโยชน์ทับซ้อน.
"พลเมืองเหนือ" ตรวจสอบเอกสารพบสิ่งผิดปกติที่ยังไม่มีการชี้แจง กล่าวคือ เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ในการเสนอโครงการนี้เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2548 เพื่อพิจารณาการขอใช้งบกลางของปี 2547 วงเงิน1,155,900,000 ล้านบาท ระบุถึงการใช้พื้นที่เพื่อก่อสร้างโครงการนี้
ขณะที่ด้านการลงทุน ในการเสนอเข้าครม.ครั้งเดียว ระบุว่าได้วิเคราะห์ผลตอบแทนของโครงการในการประเมินความเป็นไปได้ทางด้านการเงิน และการวิเคราะห์ทางด้านเศรษฐศาสตร์ของโครงการ โดยใช้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ปัจจุบัน (Marginal Loan Rate : MLR) 6.5% ปรากฏว่าโครงการมีความเป็นไปได้ในการลงทุน และให้ผลตอบแทนคุ้มค่า โดยมี NPV = 88.38, B/C Ratio = 1.053 และ IRR = 8 แต่ล่าสุดนายปลอดประสพ กลับระบุว่าโครงการนี้ไม่ได้สร้างเพื่อหวังผลกำไร แต่จะเป็นแม่เหล็กดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวเชียงใหม่มากขึ้นต่างหาก
นอกจากนั้น ในที่ประชุม ครม. วันที่ 25 มกราคม 2548 มีการเสนอของบกลางปี 2548 วงเงิน 1,151,927,799 บาทอีก เพื่อใช้ในการดำเนินการของโครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี และโครงการเกี่ยวเนื่อง (โครงการพัฒนาพื้นที่หนองเต็ง - จักราช จังหวัดนครราชสีมา และโครงการอุทยานช้าง จังหวัดเชียงใหม่) ซึ่งโครงการนี้มีนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภเป็นประธานกรรมการ
ครั้งนั้น ครม.ขอให้ทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ และโครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี และโครงการอุทยานช้าง เตรียมการในเรื่องการบริหารจัดการให้มีความชัดเจน ก่อนที่จะมีการดำเนินการเปิดโครงการ ฯ ในเดือนเมษายน 2548 และควรให้การจัดทำแผนงานการบริหารจัดการในระยะยาวทั้งแผนการบริหารจัดการโครงการ ฯ และแผนการบริหารการเงิน เพื่อเสนอภาพรวมให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป แต่หลังจากนั้นยังไม่มีรายงานเข้าสู่คณะรัฐมนตรีถึงแผนการดังกล่าวแต่อย่างใด