Skip to main content
sharethis


 


วันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม 2005 18:51น. 


วัสยศ งามขำ : ศูนย์ข่าวอิศรา สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย


 


ตำรวจเตรียมแผนรับ 131 คนไทยจากมาเลเซีย ระบุแม้ส่งคืนไทยมาก็ให้กลับบ้านทันทีไม่ได้ เพราะเกรงปัญหาด้านความปลอดภัย หวั่นถูกลอบทำร้ายหรือสร้างความปั่นป่วนจากมือที่สาม เสนอให้อยู่รวมกันเพื่อฟื้นความเข้าใจก่อนปล่อยเข้าพื้นที่ ขณะที่ กอส. แนะให้ชาวบ้านเป็นผู้ตัดสินใจเอง เพราะเป็นสิทธิส่วนบุคคล


 


พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 และ รองผู้อำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (รองผอ.สสส.จชต.) กล่าวถึงข่าวมาเลเซียเตรียมส่ง 131 คนไทยกลับสู่แผ่นดินเกิด ว่า กำลังเตรียมแผนการรองรับคนไทยจำนวน 131 คนที่อพยพไปยังประเทศมาเลเซีย แม้ว่าจะยังไม่มีกำหนดเดินทางกลับเข้าประเทศที่แน่ชัด เนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อน จึงต้องมีแผนรองรับที่ชัดเจนว่าเมื่อเดินทางกลับเข้ามายังประเทศไทยแล้วจะให้ไปพักอยู่ที่ไหน


 


พล.ต.ท.อดุลย์ กล่าวต่อว่า หลังจากคนไทยทั้งหมดเดินทางกลับเข้ามาแล้ว คงจะต้องนำตัวไปทำความเข้าใจกันก่อนถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ขณะเดียวกันยังเป็นเหตุผลเรื่องความปลอดภัย  เพราะหากเดินทางกลับเข้าพื้นที่ทันที อาจจะมีมือที่สามเข้าไปก่อเหตุหรือสร้างความวุ่นวายกับคนกลุ่มนี้  ฉะนั้นจึงต้องดูสถานการณ์และความปลอดภัยของแต่ละพื้นที่ด้วย


 


"ทาง กอ.สสส.จชต.  ได้เตรียมจัดสถานที่รองรับคนไทยทั้งหมดไว้แล้ว คงจะต้องนำมาอยู่รวมกันก่อนเพื่อทำความเข้าใจ ส่วนจะอยู่รวมกันนานแค่ไหนนั้น ยังไม่ได้ข้อยุติ" รองผอ.กอ.สสส.จชต. กล่าว


 


ด้าน นายโสภณ สุภาพงษ์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กรุงเทพฯ และหนึ่งในคณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ (กอส.) กล่าวถึงกรณีที่ กอ.สสส.จชต. มีแผนให้ 131 คนไทยอยู่รวมกันเพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจก่อนส่งตัวกลับบ้าน ว่า เรื่องแบบนี้เป็นสิทธิส่วนบุคคล ดังนั้นจะต้องขึ้นอยู่กับความสมัครใจของผู้อพยพทั้ง 131 คนด้วยว่าต้องการจะกลับบ้านทันที หรือจะเต็มใจไปอยู่รวมกันก่อน โดยรัฐบาลจะต้องใช้ความจริงใจเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับคนไทยกลุ่มนี้ และกลับมาเป็นฝ่ายเดียวกับรัฐให้ได้


 


"131 คนไทยจะเลือกไปอยู่ที่ไหนก็ขึ้นกับการตัดสินใจของพวกเขาเอง เพราะเป็นสิทธิที่เขาพึงมี  รัฐไม่มีสิทธิยัดเยียดให้เขาไปอยู่ที่นั่นที่นี่ และถ้าหากโจรสามารถดึงพวกเขาเข้าไปเป็นแนวร่วมได้ เราก็ต้องสามารถดึงพวกเขากลับมาเป็นพวกเราให้ได้ ถ้ามัวแต่คิดว่าคนอื่นเป็นศัตรู ปัญหาทุกอย่างก็จะมืดมนอยู่อย่างนี้ต่อไป" นายโสภณ กล่าว


 


นายโสภณ ยังเสนอแนะด้วยว่า เราต้องแยกแยะให้ได้ว่ายังมีเจ้าหน้าที่รัฐส่วนหนึ่งที่มีความจริงใจในการทำงาน แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นเวลานี้ก็คือ มีบุคคลที่อยู่ในเงามืดคอยสร้างเงื่อนไขให้เกิดความขัดแย้งระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับประชาชนในพื้นที่มาตลอด และหากรัฐบาลใช้อารมณ์ในการแก้ไขปัญหา ทุกอย่างก็จะบานปลาย ฉะนั้นสิ่งที่รัฐบาลจะต้องดำเนินการเป็นอย่างแรก คือหาทางจัดการกับผู้ที่อยู่ในเงามืดให้ได้เสียก่อน


 


"อย่างยุทธศาสตร์ปลาแยกน้ำที่พูดกันนั้น ผมเห็นว่าเรามุ่งที่จะแยกปลาออกมาอย่างเดียว โดยไม่สนใจว่าน้ำจะเน่าหรือไม่ ฉะนั้นควรให้ความสำคัญกับน้ำซึ่งถือเป็นประชาชนส่วนใหญ่ด้วย ผู้บริหารประเทศต้องมองให้ออกว่าประชาชนส่วนใหญ่เป็นคนดี ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นคนผิดทั้งหมด ดังนั้นการแก้ปัญหา จะต้องช่วยเหลือคนดีไปพร้อมกัน" นายโสภณ กล่าวในที่สุด


กลับหน้าแรกประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net