บทความดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง: หัวอก "พ่อ" บนแผ่นดินทักษิณ

 


            วันนี้ 5 ธันวาคม เป็นวันพ่อแห่งชาติ 

ในโอกาสอันเป็นมหามงคลเช่นนี้  ควรที่คนเป็นพ่อทุกคนจะได้คิดถึงอนาคตของลูก

            ลูกอันเป็นที่รักของเราจะต้องใช้ชีวิตอยู่ต่อไปบนผืนแผ่นดินไทยอีกนาน

ผมแอบหวังว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้นำรัฐบาล ผู้เคยเป็นมาแล้วเกือบทุกอย่าง  เคยเป็นตำรวจ เคยเป็นพ่อค้า เคยเป็นผู้รับสัมปทาน เคยเป็นรัฐมนตรี เคยเป็นรองนายกฯ  เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง แล้วก็เป็นถึงนายกรัฐมนตรี

พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นพ่อ มีลูกชายและลูกสาว  น่าจะลองมองบ้านเมืองของเรา  พิจารณาปัญหาต่างๆ ของประเทศด้วยสายตาและความรู้สึกของคนเป็นพ่อดูสักครั้ง

บางที น่าจะช่วยให้มองเห็น เข้าใจ และ "รู้สึก" ถึงหัวอกของ "พ่อ" บนแผ่นดินยุคทักษิณอีกหลายสิบล้านคน 

 

            ๑) มองผ่านสายตาของ "พ่อ"   พ.ต.ท.ทักษิณ น่าจะมองเห็น "ปัญหายาเสพติด" ในชีวิตลูกของคนในสังคมไทย ที่ปัจจุบันมียาเสพติดหลายขนานแพร่หลายอยู่ในหมู่วัยรุ่นและคนหนุ่มสาว ยาอี ยาเลิฟ ยาบ้า ฯลฯ

หัวอกของพ่อทั่วไปย่อมคิดได้ว่า ถ้าลูกเราติดยาติดยาเสพติด ไม่เป็นอันเรียนหรือทำงาน เราคงรู้สึกเหมือนตกนรกทั้งเป็น 

"พ่อ" ย่อมจะเป็นห่วงอนาคตของลูก คิดหาทางแก้ปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน แก้ที่ตัวผู้เสพ ไม่คิดสั้นด้วยการเครียดแค้น ฆ่าตัดตอน อุ้มฆ่าผู้ค้า เพราะนอกจากจะบาปกรรมและผิดกฎหมายแล้ว  ยังไม่เป็นการแก้ที่ต้นเหตุ แค่กำราบได้ช่วยคราว ไม่นานก็มีผู้ค้ารายใหม่เข้ามาสู่วงจร

 

            ๒) มองผ่านสายตาของ "พ่อ" พ.ต.ท.ทักษิณ น่าจะมองเห็น "ปัญหาการศึกษา" ในสังคมไทย ที่มีค่านิยมเรียนเพื่อปริญญา เพื่อความมีหน้ามีตา เพื่อหาพรรคพวก หาคนร่วมรุ่น มากกว่าจะมุ่งแสวงหาความรู้เพื่อให้เกิดการเรียนรู้อย่างแท้จริง 

หัวอกของพ่อ ย่อมจะเจ็บปวดมากกว่าจะยินดี  หากลูกของตนต้องดิ้นรนไปกวดวิชา หรือใช้วิธีโกงการสอบเพื่อให้สอบผ่าน หรือแม้แต่จะใช้วิธีวิ่งเต้น ใช้เส้นสาย ใช้อำนาจ เพื่อให้ผ่านการสอบเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยดังๆ

"พ่อ" ย่อมจะห่วงอนาคตของลูก โดยเอาจริงเอาจังกับการปฏิรูปการศึกษาของประเทศ เพื่อเปิดโอกาสให้คนทุกคนได้รับสิทธิและโอกาสทางการศึกษาอย่างมีคุณภาพแท้จริง  เพราะความรู้เป็นมรดกที่มีค่ายิ่งกว่าทรัพย์สินใดๆ ที่จะมอบให้แก่ลูกและให้แก่ประเทศ  ไม่ใช่แอบใช้อำนาจให้ลูกได้เปรียบสังคมไปวันๆ

             

๓) มองผ่านสายตาของ "พ่อ" พ.ต.ท.ทักษิณ น่าจะมองเห็น "ปัญหาอบายมุข" ที่กำลังมอมเมาสังคมอยู่ในขณะนี้  ไม่ว่าจะเป็น หวย บ่อนการพนัน โสเภณี  ฯลฯ

หัวอกของพ่อ ย่อมคิดได้ว่า  ถ้าลูกเราติดหวย หรือเป็นผีพนัน ไม่เป็นอันทำงาน หรือเป็นโสเภณี พ่อย่อมรู้สึกเจ็บปวด และพ่อก็คงไม่ต้องการให้ลูกอาศัยอยู่บนแผ่นดินที่เต็มไปด้วยอบายมุขเช่นกัน

            "พ่อ" ย่อมจะเป็นห่วงอนาคตสิ่งแวดล้อมของลูก ต้องหาทางเลิกอบายมุข หรือให้ลดลงเหลือน้อยที่สุด ไม่ใช่รัฐบาลเป็นเจ้ามือเสียเอง  ไม่ว่าจะเป็นเจ้ามือหวย หรือที่เตรียมจะเป็นเจ้ามือบ่อนและพนันฟุตบอล

 

            ๔) มองผ่านสายตาของ "พ่อ"  พ.ต.ท.ทักษิณ  น่าจะมองเห็น "ปัญหาความเสื่อมทางค่านิยมและศีลธรรม" ที่กำลังทำให้มาตรฐานสังคมบิดเบือน เห็นการบริโภค สะสมวัตถุ เงินทองเป็นของดี เห็นกงจักรเป็นดอกบัว ยึดถือค่านิยมผิดๆ ที่ว่า "คนรวยแล้วไม่โกง" หรือ "ค่านิยมรวยเร็ว รวยลัดฟ้า รวยไม่สนใจวิธีการ"  

            หัวอกของคนเป็นพ่อ ย่อมจะคิดได้ว่า  ถ้าลูกเราต้องมีชีวิตอยู่บนแผ่นดินที่ "คนรวยแต่โกง เป็นใหญ่"  ผู้คนนิยมยกย่องคนรวยที่โกง มากกว่าคนจนที่ดี  ลูกของเราย่อมจะมุ่งแสวงหาความรวยและบูชาคนมีอำนาจแต่โกง  แม้ลูกจะกลายเป็นผู้ประสบความสำเร็จ ก็มีแค่วัตถุเพียบพร้อม แต่ใจหยาบและเหม็น

            "พ่อ" ย่อมจะเป็นห่วงอนาคตของลูก ต้องหาทางให้ลูกได้เรียนรู้หลักคุณธรรม ปลูกฝังค่านิยมและศีลธรรมให้ถูกต้องแก่สังคม  เช่น บทเรียนเรื่อง "ยิ่งรวยยิ่งโกง" ก็มีสอนอยู่ในพระไตรปิฏก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค ว่า 

            "มหาบพิตร  เหล่าสัตว์ (มนุษย์) จำพวกที่ได้โภคทรัพย์ยิ่งใหญ่โอฬารแล้ว ไม่มัวเมา ไม่ประมาท ไม่หลงใหลในกาม และทั้งไม่ปฏิบัติผิดร้ายต่อสัตว์(มนุษย์)ทั้งหลายนั้น มีอยู่ในโลกเพียงจำนวนน้อย  ส่วนเหล่าสัตว์จำพวกที่ได้โภคทรัพย์ยิ่งใหญ่โอฬารแล้ว มัวเมา ประมาท หลงใหลในกาม และทั้งปฏิบัติผิดร้ายต่อสัตว์ทั้งหลายนั่นแหละ มีอยู่ในโลกจำนวนมากมายกว่าโดยแท้"

           

            ๕) มองผ่านสายตาของ "พ่อ" พ.ต.ท.ทักษิณ น่าจะมองเห็น "ปัญหาความเหลวแหลกทางเพศ" ของสังคมสมัยนี้  ที่มีการผิดลูกผิดเมียชาวบ้าน มีกิ๊กเป็นเพื่อนร่วมงานร่วมคณะ  มีชู้ มีเมียน้อย มีการฆ่ากันตายเพราะแย่งคนรัก มีเด็กที่มีเพศสัมพันธ์กันตั้งแต่ ๑๒ ขวบ มีเด็กหนุ่มสาวใจแตก ไปเที่ยวแบบ "ผัวเมียกันคืนเดียว" (one night stand) หรือเที่ยวเปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อย ฯลฯ

            หัวอกของคนเป็นพ่อ ย่อมรู้สึกเสียดายอนาคตของลูก  ถ้าลูกของเราถูกสังคมหยามหยันว่าเป็นลูกเมียน้อย หรือพ่อแม่มีกิ๊ก  หรือลูกสาวของเราไปท้องก่อนแต่ง หรือลูกชายของเราไปติดเอดส์จากการไปเที่ยว 

            "พ่อ" ย่อมหาทางสร้างเสริมความรู้ความเข้าใจเรื่องเพศในสังคม และปลูกฝังให้ผู้นำและหัวหน้าครอบครัวทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดีของลูก  รู้จักยับยั้งชั่งใจ มีเหตุผล สมามารถควบคุมอารมณ์ รู้จักคิดให้รอบคอบถึงผลที่จะตามมาก่อนที่จะตัดสินใจมีเพศสัมพันธ์กับใคร

 

            ๖) มองผ่านสายตาของ "พ่อ"  พ.ต.ท.ทักษิณ น่าจะมองเห็น "ปัญหาสื่อมวลชน" ของสังคมไทย ที่มีการผูกขาดสื่อวิทยุโทรทัศน์อยู่ในมือกลุ่มทุน ถูกใช้เป็นเครื่องมือแสวงหาอำนาจแสวงหากำไร จนมีแต่รายการเกมส์โชว์ ละคร ขายโฆษณาแฝง  มากกว่ารายการที่เสริมสร้างภูมิปัญญาของลูก  ยิ่งสาระข่าวสารบ้านเมือง  ยิ่งถูกบิดเบือน ไม่มีรายการที่แสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์จริงๆ จังๆ ตรงไปตรงมา ลูกจึงไม่มีโอกาสได้ฝึกการคิดและได้เรียนรู้เรื่องบ้านเมืองผ่านวิทยุโทรทัศน์เอาเสียเลย

            หัวอกของคนเป็นพ่อทั่วไป ย่อมรู้สึกเป็นห่วงลูกที่ต้องอยู่ท่ามกลางสื่อมวลชนที่ไม่มีคุณภาพเช่นนี้  "พ่อ" จึงต้องหาวิธีปฏิรูปสื่อ ให้สื่อมีเสรีภาพ คนมีอำนาจต้องไม่คิดสั้นๆ

 

            ๗) มองผ่านสายตาของ "พ่อ"  พ.ต.ท.ทักษิณ น่าจะมองเห็น "ภาระของคนรุ่นต่อไป" ที่เกิดจากนโยบายประชานิยมของรัฐบาล  ที่จะสร้างนิสัยคอยรับความช่วยเหลือ ไท่คิดว่าตนจะประสบความสำเร็จด้วยตัวของตัวเองได้  ปัญหาหนี้สาธารณะ หนี้ครัวเรือนของประชาชน ที่กำลังพุ่งขึ้นสูงในยุคนี้ ในขณะที่รัฐวิสาหกิจที่เป็นสาธารณูปโภคพื้นฐานก็กำลังถูกขายอำนาจผูกขาดไปให้เอกชน ไม่ว่าจะเป็น ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ สนามบิน ฯลฯ ทำให้ต้นทุนชีวิตในอนาคตขึ้นอยู่กับการแสวงหากำไรของธุรกิจเอกชนผูกขาด

            หัวอกของคนเป็นพ่อทั่วไปย่อมเป็นห่วงลูก  เพราะลูกจะต้องแบกหนี้สาธารณะแทนพ่อ

 

            ในฐานะที่ผมเป็นพ่อคนหนึ่ง  ผมก็ต้องการให้ลูกได้มีชีวิตอยู่ต่อไปในสังคมที่ร่มเย็นเป็นสุข มีการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่ประชาชนได้มีส่วนร่วมอย่างแท้จริง  มีการศึกษาที่ทำให้รู้ทันการเปลี่ยนแปลงของโลกของสังคม  มีโอกาสได้ทำงานที่เป็นประโยชน์แก่แผ่นดินโดยได้รับค่าตอบแทนที่เป็นธรรม ไม่เอาเปรียบใคร และก็ไม่ถูกใครเอาเปรียบ

            ในโอกาสวันพ่อแห่งชาติ ขอเชิญทุกท่าน รวมทั้งนายกรัฐมนตรีของเราด้วย ร่วมกันใช้ "ความรู้สึกของคนเป็นพ่อ" สร้างสังคมที่ดีเพื่ออนาคตของลูกหลาน  มองข้ามผลประโยชน์เฉพาะหน้า ไปสู่ผลต่อสังคมระยะยาว

 

ผมเป็นพ่อที่มีลูกเพียงคนเดียว ยังรู้สึกเท่านี้  

แล้ว "พ่อ" ที่ยิ่งใหญ่ มีลูกทั้งแผ่นดิน จะรู้สึกอย่างไร?  

 

ดร.เจิมศักดิ์  ปิ่นทอง

 

             

           

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท