ประชาไท7 ธ.ค. 2548 นาย
ทั้งนี้ นายธนากล่าวด้วยกว่าการดำเนินการถอนฟ้องครั้งนี้ได้เจรจากับนายสนธิแล้วว่าจะไม่มีการฟ้องกลับ และสำหรับการวิพากษ์วิจารณ์ของสื่อมวลชนนั้นยังคงกระทำได้ตามปกติแต่ไม่ควรวิพากษ์วิจารณ์เรื่องส่วนตัว และหากสื่อมวลชนวิจารณ์เฉพาะการทำงานได้ก็จะถือเป็นมิติใหม่สำหรับสื่อมวลชนด้วย
อย่างไรก็ตามนายธนากล่าวว่าไม่สามารถยืนยันได้ว่าต่อปะไม่มีการฟ้องสื่อมวลชนอีก และจากนี้ไปจะติดตามรายการที่มีเนื้อหาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลและหากมีการวิพากษ์วิจารณ์เกินเลยก็อาจจะต้องมาพิจารณาว่าเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ก้าวล่วงไปในประเด็นส่วนตัวหรือไม่ซึ่งสื่อมวลชนเองก็ควรจะต้องระมัดระวังไม่ให้ล้ำเส้นด้วย
ทั้งนี้ การถอนฟ้องมีผลตั้งแต่วานนี้ โดยคดีอาญาฐานหมิ่นประมาทเป็นความผิดที่มีการยอมความกันได้และศาลมีคำสั่งอนุญาตได้ทันที
สำหรับคดีที่นายกรัฐมนตรีได้ยื่นฟ้อง นายสนธิ กับบริษัทแมเนเจอร์ฯ และน.ส.สโรชานั้นรวมทั้งสิ้น 3 คดีได้แก่
1. คดีแพ่ง-อาญา นายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัท แมเนเจอร์ จำกัด เจ้าของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน ,บรรณาธิการผุ้พิมพ์ผู้โฆษณาหนังสือพิมพ์ผุ้จัดการรายวัน เรียกค่าเสียหาย 500 ล้านบาท จากกรณีที่ หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวันได้ตีพิมพ์เผยแพร่ข่าว อ้างคำเทศนาของหลวงตามหาบัวพาดพิงถึงนายกรัฐมนตรี ว่า มุ่งหวังจะเป็นประธานาธิบดี
2. คดีแพ่ง-อาญา นายกฯเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการและนางสาวสโรชา พรอุดมศักดิ์ ผู้ดำเนินรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ เรียกค่าเสียหาย 500 ล้าน จากกรณีที่ ระหว่างดำเนินรายการนายสนธิ ได้พาดพิงถึงนายกฯ ในการแต่งตั้ง สมเด็จพระสังฆราช และคดีแพ่งอาญา
3.คดีแพ่ง-อาญา นายกฯเป็นโจทก์ยื่นฟ้องบริษัทไทยแลนด์ ดอท คอม จำกัด ผู้ผลิตรายการเมืองไทย รายสัปดาห์ สัญจร , นายสนธิ ,นางสาวสโรชา, บริษัทแมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เจ้าของเวปไซค์ผู้จัดการกับพวกรวม 10 คน เรียกค่าเสียหาย 1000 ล้านบาทกรณีที่ นายสนธิได้กล่าวพาดพิง ถึงนายกฯ ในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ครั้งที่ 1 ,3,4,5 และ 7 เกี่ยวกับการ วิ่งเต้นสัมปทานดาวเทียมไทยคม และเครือข่ายโทรศัพท์
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)