ประชาไทคัดสรร เว็บไซต์คมชัดลึก : การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 7 ธันวาคม โดยมีนาย
เมื่อประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ รายงานผลการพิจารณาแล้ว นาย
ขณะที่ นาย
ด้านนาย
"ทั้งนี้ การกระจายอำนาจด้านการจัดการศึกษาแก่ อปท.ให้ดำเนินการตามความสมัครใจและความพร้อมของ อปท.ตามขอบเขตที่คณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่ อปท.กำหนด และตามความสมัครใจของครูและบุคลากรทางการศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษาและคณะกรรมการสถานศึกษา ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด เพื่อเปิดโอกาสให้ อปท.และสถานศึกษาที่ถ่ายโอนมิให้ครูเกิดความวิตกกังวล" นายโสภณ กล่าว
ต่อจากจากนั้น สมาชิกส่วนใหญ่อภิปรายเห็นด้วยกับคำสงวนคำแปรญัตติของนายโสภณ ทำให้นาย
นาย
"ถ้าจะตัดคำว่า "สมัครใจ" ออกตามความต้องการขอครู จะมีผลอย่างไร เมื่อกฎหมายบังคับใช้แล้วจะมีการถ่ายโอนการศึกษาไปยัง อปท.ทันที ดังนั้น จะต้องคิดให้รอบคอบ ต้องยอมรับหลักการกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่น และต้องยอมรับว่า การกระจายอำนาจด้านการศึกษาไม่เหมือนด้านอื่น เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน จึงต้องยกเลิกเรื่องระยะเวลาการถ่ายโอนแล้วก่อนเปลี่ยนเป็นตามสมัครใจและความพร้อม" นายจำลอง กล่าว
นาย
การพิจารณาร่างแก้ไข พ.ร.บ.ฉบันนี้ผ่านไปประมาณ 5 ชั่วโมง ประธานในที่ประชุมจึงขอมติในมาตรา 3 ปรากฏว่าที่ประชุมมีมติไม่เห็นชอบตามร่างของคณะกรรมาธิการเสียงข้างมาก ด้วยเสียง 370 ต่อ 27 งดออกเสียง 1 เสียง ไม่ลงคะแนน 2 เสียง หลังจากนั้นได้ลงมติตามคำสงวนคำแปรญัตติทั้ง 12 กลุ่ม ปรากฏว่าที่ประชุมเห็นด้วยตามคำแปรญัตติของนายโสภณ 291 ต่อ 29 เสียง งดออกเสียง 10 เสียง ไม่ลงคะแนน 13 เสียง และลงมติวาระ 3 ด้วยคะแนน 301 ต่อ 87 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง ไม่ลงคะแนน 1 เสียง โดยต่อจากนี้จะส่งร่างให้วุฒิสภาพิจารณาต่อไป
เมื่อผลการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรออกมาเช่นนี้ ได้สร้างความไม่พอใจให้กับครูจากทั่วประเทศประมาณ 5 หมื่นคน ที่มารวมตัวกันบริเวณด้านหน้ารัฐสภาตั้งแต่เวลา 04.00 น. วันที่ 7 ธันวาคม เพื่อคัดค้านการถ่ายโอนการศึกษา และไม่เห็นด้วยกับการคงคำว่า "สมัครใจ" ไว้ ภายใต้การนำของ นาย
ทั้งนี้ กลุ่มครูต่างพร้อมกันตะโกนเสียงโห่ฮา เผาบัตรสมาชิกพรรคไทยรักไทยที่เตรียมไว้ และแกนนำครูประกาศบนเวทีว่า วันที่ 8 ธันวาคม ให้มาพบกันที่หน้ารัฐสภา เพื่อนัดเดินหน้าไปถวายฎีกาที่สำนักพระราชวัง เวลา 09.09 น. จากนั้นจะเดินไปสักการะที่วัดพระแก้ว และวันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม จะเดินทางไปสวนลุมพินี เพื่อรวมพลังกับประชาชนที่มาร่วมฟังนาย
นาย
นายอวยชัย กล่าวว่า กลุ่มครูที่มาในวันที่ 7 ธันวาคม ถูกล็อบบี้อย่างหนัก ทั้งอ้างว่าทำให้การจราจรติดขัดหน้ารัฐสภา เมื่อตัวแทนครูที่เป็นกรรมาธิการเสียงข้างน้อยขอตัดคำว่า "สมัครใจ" ออก ก็ถูก ส.ส.พรรคไทยรักไทย โดยเฉพาะนาย
ด้านนาย
อย่างไรก็ตาม การชุมนุมของครูที่บริเวณหน้าอาคารรัฐสภา ตั้งแต่ช่วงเช้าได้มีการตั้งเวทีปราศรัย โดยมี น.พ.เหวง โตจิราการ ตัวแทนองค์กรพันธมิตรคัดค้านการขายสมบัติชาติ และนาย
การชุมนุมครั้งนี้มีทั้งผู้ที่ใส่เสื้อสีเหลือง สีขาว และชุดสีกากี พร้อมทั้งสาปแช่งว่า "หาก ส.ส.คนใดพิจารณาไม่ตัดคำว่า "สมัครใจ" ขอให้เป็นเอดส์" สร้างความครึกครื้นให้กับผู้ชุมนุมเป็นอย่างมาก
กระทั่งเวลา 10.30 น. ได้มี ส.ส.ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลไปพบปะกลุ่มผู้ชุมนุม อาทิ นาย
นายสุชาติ กล่าวกับครูว่า ยังยืนยันจุดยืนว่าให้ตัดคำว่า "สมัครใจ" ออก เวลาลงมติวาระ 3 ไม่สามารถร่วมลงคะแนน เพราะภรรยาเข้ารับการผ่าตัดต้องไปดูแล
"อะไรที่ประชาชนไม่เห็นด้วยผมก็จะไม่ทำ และวันนี้ผมจะไม่ยกมือลงมติ และถ้าผมไม่ลงมติตาม พรรคจะไม่ให้เป็น ส.ส.ของพรรคก็ได้ เพราะคนที่เป็น ส.ส.ต้องมีจุดยืน คนที่ไม่มีจุดยืนจะมาเป็น ส.ส.ทำไม อย่างไรก็ตาม ผมขอให้กำลังใจครูที่มาชุมนุมในครั้งนี้ให้สู้ต่อไป" นายสุชาติ กล่าว
นายวิชัย กล่าวว่า จะนำเรื่องนี้เข้าหารือในที่ประชุมกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา เพื่อหาทางออกช่วยครูทั่วประเทศ
ต่อมาเมื่อเวลา 15.00 น. ตัวแทนองค์กรครู จ.ชัยภูมิ 9 คน นำโดย นาย
ขณะที่ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า เท่าที่พูดคุยกับนายกรัฐมนตรี ก็เห็นว่า การถ่ายโอนไม่ควรให้มีการบังคับ ก็นับว่านายกฯ ใจกว้างแล้ว เมื่อสภาเสนอร่างมาก็จะบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมวุฒิสภา ในวันที่ 13 ธันวาคมนี้ และต้องผ่านการเห็นชอบทันที เพื่อจะส่งให้สภาพิจารณาอีกครั้งวันที่ 14-15 ธันวาคม เพราะหากพ้นจากนี้ก็จะปิดสมัยประชุมก่อนทำให้กฎหมายไม่ทันใช้
ขณะที่ นาย
"ถ้ามีการหยุดการเรียนการสอน ไม่กระทบแค่เด็กเท่านั้น แต่จะกระทบถึงครอบครัวเด็กด้วย ถ้าครูบอกสิ่งที่ทำอยู่ต้องการให้เกิดผลดีต่อเด็ก แต่กลับก่อให้เกิดผลเสียก่อนด้วยการปิดการเรียนการสอน ก็ถือว่าไม่ถูกต้อง" รมว.ศึกษาธิการ กล่าว
นายจาตุรนต์ กล่าวอีกว่า ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ไปพิจารณาตามความเหมาะสมหากมีการหยุดสอน แต่ยึดหลักรักษาผลประโยชน์ของเด็กและผู้ปกครอง
ด้าน นาง
"ขณะนี้ยอดขอรับถ่ายโอนยังไม่รายงานเข้ามา แต่เป็นไปได้ว่าจำนวนที่ขอรับถ่ายโอนปี 2549 จะมากกว่าปี 2548 ที่มี อปท.ขอรับถ่ายโอนกว่า 300 แห่ง ซึ่งคงถ่ายไปได้ไม่มาก เพราะมีการจำกัดจำนวนสถานศึกษาที่จะขอรับการถ่ายโอน เช่น อบจ.ขอรับถ่ายโอนได้ไม่เกิน 3 แห่ง เทศบาลไม่เกิน 2 แห่ง และ อบต.1 แห่ง" นางพรนิภา กล่าวและว่าส่วนครูที่ชุมนุมหน้ารัฐสภากว่า 5 หมื่นคน คงไม่ชุมนุมยืดเยื้อถึงวันที่ 9 ธันวาคม เพราะนายจาตุรนต์ได้ชี้แจงทำความเข้าใจ โดยเชิญผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ทำความเข้าใจ และขอร้องอย่าได้ประกาศปิดโรงเรียนเด็ดขาด แม้ว่าจะมีอำนาจก็ตาม
นายคณิน บุญสุวรรณ อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) กล่าวว่า แม้ว่าสภาจะเห็นควรตัด หรือไม่ตัดคำว่า "สมัครใจ" ออก ก็ยังไม่นำไปสู่ข้อยุติอันเกิดประโยชน์ต่อการศึกษาของชาติ เชื่อว่าความขัดแย้งก็ยังมีอยู่ต่อไป และอาจลุกลามไปถึงเสถียรภาพของรัฐบาลก็เป็นได้ สาเหตุเพราะรัฐบาลแก้ไม่ถูกจุด และพยายามหลบเลี่ยงไม่เผชิญหน้ากับปัญหาที่แท้จริง นั่นคือปัญหากฎหมายการถ่ายโอนสถานศึกษาที่ขัดรัฐธรรมนูญ
นาย
"ดังนั้นการแก้ไขกฎหมายถ่ายโอนครั้งนี้ โดยกำหนดให้เป็นไปตามความสมัครใจของโรงเรียน ครู ผู้บริหาร และคณะกรรมการสถานศึกษา รวมถึง อปท.ที่จะรับโอนโรงเรียนของ ศธ.ในพื้นที่ จะต้องนำเรื่องเข้าสู่สภา อปท.แต่ละพื้นที่นั้น ถือว่าเดินสายกลางแล้ว" นายวิทูร กล่าว
นาย
ร.ร.ต่างจังหวัดสอนปกติ
นาง
นาย
ส่วน นาย
ขณะที่โรงเรียนหลายแห่งใน จ.อุบลราชธานี ว่างเปล่า ไม่มีครูและนักเรียนเช่นปกติ เช่น โรงเรียนวารินชำราบ อ.วารินชำราบ ไม่มีการเรียนการสอน โดยที่หน้าประตูทางเข้าโรงเรียนมีป้ายประกาศข้อความว่า "เปิดเรียนวันที่ 13 ธันวาคม 2548" ทำให้ประชาชนที่ผ่านไปมาบริเวณถนนสายวารินชำราบ-ศรีสะเกษ เกิดความสงสัยและคิดว่าครูพากันเดินทางไปชุมนุมที่กรุงเทพฯ
ครูเวรคนหนึ่งชี้แจงว่า โรงเรียนหยุดทำการเรียนการสอนตั้งแต่วันที่ 6 ธันวาคม ที่ผ่านมา เนื่องจากครูและบุคลากรในเรียนจำนวนหนึ่งเดินทางไปทัศนศึกษานอกสถานที่ ซึ่งจะเปิดเรียนในวันที่ 13 ธันวาคมนี้ การปิดโรงเรียนในครั้งนี้ทางโรงเรียนจะจัดสอนเสริมให้นักเรียนในวันเสาร์ ซึ่งได้สอนไป 2 เสาร์ แล้ว ส่วนที่เหลือเมื่อกลับมาจากทัศนศึกษาจะสอนให้ครบอีกครั้งหนึ่ง ส่วนบรรยากาศในโรงเรียนแม้จะไม่มีครูมาสอน นักเรียนบางคนที่ต้องการหาความรู้ ได้มาศึกษาหาความรู้จากอินเทอร์เน็ตของโรงเรียนด้วยตนเอง โดยไม่ต้องมีครู ซึ่งนักเรียนบอกว่า แม้จะไม่มีครูมาสอนก็สามารถหาความรู้ได้ด้วยตนเองจากแหล่งความรู้ที่เปิดกว้างจากอินเทอร์เน็ต ซึ่งไม่น่าเบื่อเหมือนการนั่งเรียนในชั้นเรียน
นาย
"ทำไมรัฐบาลถึงเล่นสกปรกอย่างนี้ เพื่อพยายามสกัดกั้นครูไม่ให้เคลื่อนไหวทุกวิถีทาง กระทรวงคมนาคมก็สั่งห้ามไม่ให้รถยนต์รับจ้างไม่ประจำวิ่งทับเส้นทางสัมปทาน" นายสานิตย์ กล่าวและว่า จะประสานประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ครูแห่งประเทศไทย ร่วมกับสภาองค์กรวิชาชีพครูแห่งประเทศไทย ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ สอบถามว่า ทำไมต้องมีการกลั่นแกล้งครูเช่นนี้
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)