ความคืบหน้ากรณีการแพร่กระจายของมะละกอตัดแต่งพันธุกรรม (จีเอ็มโอ) ออกจากแปลงทดลองของสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 3 ส่วนแยกพืช จ.ขอนแก่น ตามที่ปรากฏเป็นข่าวตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2547

ล่าสุด อนุกรรมการเฉพาะกิจฯ ในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ เลขานุการตำรวจแห่งชาติ เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษนายฉกรรจ์ แสงรักษาวงศ์ อดีตอธิบดีกรมวิชาการเกษตร และเจ้าหน้าที่ประจำสำนักวิจัยฯ จ.ขอนแก่น ฐานละเว้นหน้าที่ ปล่อยปละละเลยการติดตามทำลายมะละกอจีเอ็มโอ ทำให้เกิดการแพร่กระจายอย่างกว้างขวาง เท่าที่ตรวจพบมีมะละกอจีเอ็มโอพันธุ์แขกดำท่าพระจากแปลงเกษตรใน 4 จังหวัดแล้ว คือ ระยอง มหาสารคาม ชัยภูมิ และกาฬสินทธุ์ ซึ่งถือเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ.2507 และแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติกักพืช (ฉบับที่ 1) พ.ศ. 2542

"เดิมมีมติคณะรัฐมนตรีให้การปลูกมะละกอจีเอ็มโอ อยู่ในขั้นทดลอง และเพาะปลูกในระบบปิด แต่ทราบว่าขณะนี้ มีการเสนอให้มีการแก้มติ ครม.ดังกล่าว โดยให้สามารถเพาะปลูกมะละกอจีเอ็มโอในเรือกสวนไร่นาของเกษตรกรได้ ซึ่งผมเห็นว่า แทนที่รัฐบาลจะเล็งเห็นปัญหาและหาหนทางในการแก้ปัญหา แต่กลับทำให้กลายเป็นสิ่งถูกต้อง โดยออกกฎหมายมารองรับ" นายวสันต์ พานิช กรรมการสิทธิฯ กล่าว

นายวสันต์  กล่าวว่า ผลกระทบของพืชจีเอ็มโอต่อสิ่งแวดล้อมนั้น ขณะนี้ยังไม่มีการศึกษาทางวิชาการว่าจะก่อให้เกิดปัญหาด้านใด แต่ปัญหาที่ชัดเจนที่สุด คือ เรื่องสิทธิบัตร ซึ่งหากเกษตรกรทั่วไปปลูกมะละกอพันธุ์แขกดำท่าพระ ซึ่งมีผู้จดสิทธิบัตรไว้ ไม่ว่าจะโดยทราบหรือไม่เกษตรกรจะต้องชดใช้ค่าสิทธิบัตร

ทั้งนี้ คณะกรรมการสิทธิฯ ได้แจ้งเตือนไปยังกรมวิชาการเกษตรหลายครั้ง รวมทั้งได้ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อแจ้งผลการตรวจสอบไปถึง 2 ครั้ง คือ เมื่อ 14 ก.ย.47และ7 ก.ย.48 เพื่อให้จัดการแก้ไขปัญหาการแพร่กระจายมะละกอตัดแต่งพันธุกรรมในสภาพแวดล้อมโดยด่วน รวมทั้งเสนอแนะในเชิงนโยบายด้วย ซึ่งแม้ทราบภายหลังว่านายกรัฐมนตรีได้สั่งการไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบแล้ว แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่เกิดการแก้ปัญหาใดๆ

กลับหน้าแรกประชาไท