Skip to main content
sharethis



 


 



บอนิเลาะ บาโงซิแน 


 



ความหวาดกลัวและความหวาดระแวงยังเป็นอุปสรรคสำคัญในการดำเนินโครงการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะเป็นอุปสรรคขัดขวางการนำเงินงบประมาณของรัฐซึ่งมาจากภาษีของประชาชนไปช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนจริงๆ


 


รวมทั้งการช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบจากภาครัฐด้วย ทำให้การการช่วยเหลือเยียวยายังขาดตกบกพร่องด้วย


 


ด้วยเหตุนี้ คณะทำงานประสานชุมชนเพื่อสนับสนุนภารกิจประธาน (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) คณะกรรมการนโยบายและอำนวยการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงได้โครงการส่งเสริมบทบาทปอเนาะและอาสาสมัครเพื่อการฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้ปอเนาะและโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม 70 แห่ง ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นศูนย์กลางการเยียวในชุมชน


 


ทั้งนี้ด้วยเหตุผลง่ายๆ คือปอเนาะเป็นที่เชื่อถือของคนชุมชน โดยจะทำงานร่วมกับอาสาสมัครฟื้นฟูและเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงด้วยกระบวนการชุมชน 140 คน กระจายใน 3 จังหวัด


 


ถึงกระนั้นก็ตาม ในวันที่ 2 ของการสัมมนา เรื่องบทบาทผู้บริหารและสถาบันปอเนาะกับการบริการชุมชน ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 3 - 4 ธันวาคม 2548 ที่โรงแรมอิมพีเรียลนราธิวาส ได้มีโต๊ะครูบางคนแสดงความกังวลต่อการดำเนินโครงการนี้


 


"เราเกรงว่าจะทำให้ว่ากลุ่มขบวนการก่อความไม่สงบจะเข้าใจผิดว่า โต๊ะครูจะกลายเป็นคนของรัฐ โดยนำเงินของรัฐไปให้ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนที่เกิดจากกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐเอง หรืออาจคิดว่าโต๊ะครูตกเป็นเครื่องมือของรัฐได้ ซึ่งมันไม่เป็นผลดีต่อตัวโต๊ะครูเอง"


 


ในขณะที่โต๊ะครูส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่า การช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนและมีความยากลำบาก เป็นข้อบัญญัติในทางศาสนาอิสลาม เพราะฉะนั้นโครงการนี้จึงสอดคล้องกับหลักศาสนา


 


เกี่ยวกับเรื่องนี้ บาบอนิเลาะ บาโงซิแน โต๊ะครูจากอำเภอยะหา จังหวัดยะลา บอกว่า ศาสนาอิสลามสอนให้ช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือนร้อน ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการที่ดีสอดคล้องกับคำสอนทางศาสนาอิสลามในเรื่อง "ตะอาวุน"หรือการช่วยเหลือซื่งกันและกัน จะทำให้ผู้ที่ได้รับความเดือนร้อนได้มีที่พึ่ง เปรียบเสมือนต้นไม้ที่เมื่อโตขึ้น จะมีสัตว์นานาชนิดมาเกาะอาศัยเป็นที่พึ่งพิง


 


อย่างไรก็ตามนายแพทย์พลเดช ปิ่นประทีป ประธานคณะทำงานชุดนี้ ในฐานะที่ปรึกษาโครงการ บอกว่า เป็นโครงการที่ชุมชนร่วมกันคิดและร่วมกันทำงาน เพื่อให้การเยียวยาเป็นไปในลักษณะชาวบ้านกับชาวบ้าน และเน้นการเยียวยาจิตใจด้วยน้ำใจของคนในชุมชนเอง และจะทำงานแบบการชาดสากล ที่ทำงานในพื้นที่สงคราม ซึ่งเมื่อมีผู้ได้รับผลกระทบอาสาสมัครจะเข้าไปช่วยเหลือทันทีไม่ว่าผู้นั้นจะอยู่ฝ่ายใดก็ตาม


 


"เราช่วยเติมเต็มกระบวนการเยียวยาของภาครัฐในชุมชน สร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนในการเยียวยาผู้ที่เดือดร้อน ไม่ใช่ไปจับผิดใคร เป็นการเชื่อมต่อให้เกิดกระบวนการเยียวยาโดยชุมชนเอง ทั้งชีวิต ร่างกายและทรัพย์สิน" เป็นคำยืนยันของนายแพทย์พลเดช


 


การให้เวทีแก่โต๊ะครูและให้ปอเนาะเป็นศูนย์กลาง นับเป็นการเติมเต็มกระบวนการสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นด้วย โดยเริ่มจากการการบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ที่ได้รับผลกระทบในชุมชนก่อนนั่นเอง


กลับหน้าแรกประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net