นายวัฒนา เมืองสุข รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยแนวคิดการแก้ปัญหาเด็ก และเยาวชนติดสุราหลังได้ลงพื้นที่จังหวัดในภาคอีสาน ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดสารคามรายงานให้ทราบว่าชาวบ้านและเด็ก กินเหล้ากันมาก โดยเฉพาะ เด็กอายุ 11-12
ดังนั้น ข้อเท็จจริงที่พบคือจังหวัดที่มีความยากจนมาก คนก็ยิ่งดื่มเหล้ากันมาก แม้แต่พื้นที่ กทม.ก็เช่นกัน เช่น บริเวณใต้สะพานพระราม 8 มีกลุ่มเด็กผู้หญิงอายุ 11-15 ปี ตั้งวงกินเหล้า บางคนใส่กระโปรงสั้น เมาแล้วกระโปรงเปิดไม่รู้ตัว นอกจากนี้การที่พ่อแม่ดื่มเหล้าเมา มักมีเพศสัมพันธ์ให้ลูกเห็น ก็เป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดี
นาย
ทั้งนี้ หากสังคมเห็นด้วยจะรับเป็นหัวหอกผลักดันเรื่องดังกล่าวในการพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีเพื่อเสนอให้ออกเป็นมติ ครม.ห้ามเด็กดื่มเหล้าในที่สาธารณะต่อไป และเมื่อออกเป็นนโยบายแล้ว จะสั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดให้รณรงค์ อันดับแรกอาจเริ่มจากลดปริมาณการกินเหล้าในพื้นที่ก่อน เป็นการทดสอบผลงานของผู้ว่าฯไปด้วย
อย่างไรก็ตาม แนวคิดนี้จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากประชาชนด้วย เพราะการออกเป็นกฎหมายอาจเข้าข่ายละเมิดสิทธิเสรีภาพประชาชน แต่จากรายงานการวิจัยต้องยอมรับว่า เหล้าเป็นตัวอันตรายกว่าบุหรี่หลายเท่า ที่สำคัญยังเป็นสาเหตุอันดับแรกของการเกิดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลด้วย สถิติการทะเลาะวิวาทหรือคดีร้ายแรง เช่น ข่มขืนก็มาจากการกินเหล้าเป็นส่วนใหญ่ และหากมีกรณี ร้านอาหารเลี่ยงบาลีว่าลูกค้าหิ้วเหล้ามากินเองนั้นมาตรการนี้จะได้ไม่เกิด หากอยากทานเหล้าก็ให้ดื่มที่บ้านจะได้ไม่มีปัญหา
หากเรื่องนี้จะมีผู้ประกอบการที่เสียประโยชน์ออกมาคัดค้าน ก็ไม่แคร์ เพราะไม่จำเป็นต้องกลัวบริษัทเหล้าเจ๊ง หากคนเลิกเหล้าได้ ก็น่าจะเลิกดีกว่า อีกทั้งยังมีธุรกิจอื่นๆ ที่ผู้ประกอบการทำได้ สำหรับแนวคิดการขึ้นภาษีเหล้าให้เหมือนกับภาษีบุหรี่นั้น เป็นเรื่องดี ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อร้านอาหารและ ภัตตาคาร เพราะคนส่วนใหญ่ไปกินอาหารมากกว่าเหล้า ส่วนสถานบันเทิงกลางคืนยังสามารถขายเหล้าได้ตามปกติ แต่ขอให้เข้มงวดกวดขันห้ามจำหน่ายเหล้าแก่เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีเด็ดขาด นายวัฒนากล่าว
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)