3 จังหวัดใต้อ่วม น้ำจากแม่น้ำไหลบ่าเข้าท่วมตัวเมืองปัตตานีตั้งแต่เช้ามืด ชาวบ้านเก็บข้าวของอพยพกันจ้าละหวั่น ขณะที่อำเภอรอบนอกเริ่มขาดแคลนอาหาร เพราะถนนหลายสายถูกตัดขาด ทางหลวงสายปัตตานี-หาดใหญ่ยังเดี้ยง ส่วนที่ยะลา 4 ตำบลรอบ อ.เมืองยังวิกฤติ นราธิวาสเบาสุด น้ำเริ่มลดแล้ว "คงศักดิ์" รุดตรวจพื้นที่ เทงบช่วยจังหวัดละ 100 ล้าน
สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดชายแดนภาคใต้แม้จะเริ่มคลี่คลายลงในบางพื้นที่ แต่ในอีกหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ จ.ปัตตานี ยังคงอยู่ในภาวะวิกฤติ เพราะถูกน้ำที่ระบายจาก จ.ยะลา ไหลบ่าเข้าท่วมเมืองตั้งแต่ช่วงเช้ามืด
ทั้งนี้ น้ำในแม่น้ำปัตตานีเริ่มมีระดับสูงขึ้นอย่างผิดปกติตั้งแต่ช่วงค่ำวานนี้ (18 ธันวาคม) จนทางจังหวัดต้องส่งเจ้าหน้าที่ออกประกาศเตือนให้ประชาชนเตรียมอพยพข้าวของหนีน้ำ
กระทั่งเวลาประมาณ 04.00 น. น้ำจากแม่น้ำได้เอ่อล้นตลิ่ง และไหลบ่าเข้าท่วมในเขตเทศบาลเมืองปัตตานี และเขตเทศบาลรอบนอก ระดับน้ำสูงประมาณ 1-2 ฟุต ส่งผลให้ถนนขาดหลายสาย ชาวบ้านต้องอพยพข้าวของไปไว้ในที่สูง และบนถนนที่น้ำท่วมไม่ถึง ซึ่งทางจังหวัดก็ได้เตรียมกางเต็นท์ไว้รองรับ
สำหรับบริเวณที่น้ำท่วมหนัก ได้แก่ย่านจะบังติกอ , ถนนจากแยกดอนรักมุ่งเข้าตัวเมืองปัตตานี ซึ่งผ่านหน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี , ถนนมะกรูด และถนนหน้าตลาดสด โดยถนนทุกสายระดับน้ำสูงเกิน 1 ฟุต รถเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้
ส่วนทางหลวงสายต่างๆ ที่เชื่อมระหว่างตัวเมืองปัตตานี กับอำเภออื่นๆ นั้น ปรากฏว่า ทางหลวงสาย 410 ปัตตานี-ยะลา (ด้าน อ.ยะรัง) ผ่านได้เฉพาะรถใหญ่ , ทางหลวงสาย 409 ปัตตานี-ยะลา (ด้าน อ.หนองจิก , อ.โคกโพธิ์) รถยนต์ไม่สามารถสัญจรผ่านได้เลย เพราะถนนขาดหลายช่วง
ขณะที่ทางหลวงสาย 42 ที่เชื่อมระหว่างปัตตานี กับ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จนถึงช่วงบ่ายของวันนี้ เจ้าหน้าที่ยังไม่อนุญาตให้รถยนต์ทุกชนิดผ่าน เพราะมีน้ำท่วมสูงบริเวณบ้านบ่อเตย อ.เทพา จ.สงขลา
สำหรับอำเภออื่นๆ ของ จ.ปัตตานี อาทิ อ.หนองจิก , แม่ลาน , ทุ่งยางแดง , โคกโพธิ์ และยะรัง มีน้ำท่วมสูงเฉลี่ย 1-2 เมตร ส่งผลให้ประชาชนต้องอพยพขึ้นมาอยู่บนถนน ซึ่งทางการได้จัดเตรียมเต็นท์ไว้ให้เช่นกัน และหลายพื้นที่เริ่มขาดแคลนน้ำและอาหารแล้ว
ขณะเดียวกัน ที่ ต.ตะโละแมะนา ต.ปากู สัตว์เลี้ยงทั้งวัว ควาย แพะ และแกะ จำนวนมากไม่มีที่อยู่อาศัย และเริ่มขาดแคลนอาหาร
มท.1 บินตรวจสถานการณ์
ต่อมาเวลา 09. 30 น. พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา รมว.มหาดไทย และคณะ ได้เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ไปตรวจสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.ปัตตานี จากนั้นได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่ศาลากลางจังหวัด
ทั้งนี้ นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ได้บรรยายสรุปสถานการณ์ พร้อมกับขอเรือท้องแบนเพิ่มเติม ซึ่ง รมว.มหาดไทยก็รับปากว่าจะจัดส่งเรือท้องแบนมาให้ทางเครื่องบิน ในวันพรุ่งนี้ (20 ธันวาคม)
หลังจากนั้น พล.อ.อ.คงศักดิ์ ได้เดินทางไปตรวจสภาพน้ำในแม่น้ำปัตตานี ที่บริเวณสะพานเฉลิมพระเกียรติ รวมทั้งจุดที่ติดตั้งเครื่องสูบน้ำของเทศบาลเมืองปัตตานี ก่อนจะออกเยี่ยมเยียนประชาชนผู้ประสบภัย พร้อมกับมอบถุงยังชีพ และเครื่องอุปโภคบริโภคให้กับชาวบ้านที่ ต.ตุยง อ.หนองจิก แล้วเดินทางต่อไปยัง จ.ยะลา
มั่นใจคุมสถานการณ์ได้
ต่อมา เวลา 11.30 น. พล.อ.อ.คงศักดิ์ และคณะ ได้เดินทางถึงศูนย์ปฎิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า (ศปก.ตร.สน.) ซึ่งตั้งอยู่ในโรงเรียนตำรวจภูธร 9 อ.เมือง จ.ยะลา เพื่อรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จากนายบุณยสิทธิ์ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัด
พล.อ.อ.คงศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้สถานการณ์โดยรวมของ จ.ยะลา เริ่มดีขึ้น เนื่องจากฝนหยุดตก แต่ก็ยังน่าเป็นห่วงเพราะน้ำท่วมขังค่อนข้างหนัก ส่วนที่ปัตตานีมีปัญหาพอสมควร เพราะน้ำจาก จ.ยะลา ไหลทะลักเข้าท่วมในพื้นที่ปัตตานี อย่างไรก็ตาม หากไม่มีฝนตกลงมาซ้ำอีก ก็มั่นใจว่าจะควบคุมสถานการณ์ได้
"ขณะนี้ทางกระทรวงมหาดไทยได้ตั้งศูนย์ที่ศาลากลางจังหวัดทุกจังหวัด เพื่อรับบริจาคเงินและเครื่องอุปโภคบริโภคช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย นอกจากนั้น ที่กองทัพอากาศ และที่กระทรวงมหาดไทย กรุงเทพมหานคร ก็เปิดโต๊ะรับบริจาคเช่นกัน โดยสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่โทรศัพท์หมายเลข 1784"
เทงบฯจังหวัดละ 100 ล้านช่วยชาวบ้าน
สำหรับมูลค่าความเสียหายจากเหตุอุทกภัยใหญ่ในครั้งนี้นั้น รมว.มหาดไทย กล่าวว่า คงสามารถประเมินได้หลังน้ำลดแล้ว แต่เบื้องต้นในพื้นที่ จ.ปัตตานี ได้รับรายงานว่ามีประชาชนได้รับผลกระทบกว่า 100,000 คน ส่วนใน จ.ยะลา และนราธิวาส กำลังตรวจสอบอยู่
"ทางกระทรวงมหาดไทยได้จัดงบฯซีอีโอ จำนวน 50 ล้านบาท ให้กับทุกจังหวัดที่ประสบภัยน้ำท่วม และทางรัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมให้อีกจังหวัดละ 50 ล้าน รวมเป็น 100 ล้านบาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน" พล.อ.อ.คงศักดิ์ ระบุ
4 ตำบลรอบอำเภอเมืองยะลาวิกฤติ
สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.ยะลา ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมานั้น ปรากฏว่าระดับน้ำในแม่น้ำปัตตานีเริ่มลดลงประมาณ 80 เซนติเมตร ทำให้น้ำที่ท่วมขังในเขตเทศบาลนครยะลา ลดระดับลงพอสมควร ประชาชนเริ่มทยอยออกมาทำความสะอาดบ้านเรือน
ส่วนพื้นที่ 4 ตำบลรอบนอกของ อ.เมือง ประกอบด้วย ต.ยุโป ต.ท่าสาป ต.เปาะเส้ง และต.หน้าถ้ำนั้น ระดับน้ำยังไม่ลดลง ขณะที่ ต.ตาเซะ สะพานขาด ส่งผลให้รถยนต์ไม่สามารถสามารถสัญจรผ่านไปมาได้
สำหรับพื้นที่อื่นๆ ที่ยังอยู่ในสภาวะวิกฤติ ประกอบด้วย หมู่ 1 และหมู่ 3 บ้านละแอ อ.ยะหา จ.ยะลา ถนนถูกตัดขาด รถยนต์ทุกชนิดไม่สามารถผ่านไปมาได้ เจ้าหน้าที่ต้องใช้เรือท้องแบนเข้าไปให้ความช่วยเหลือประชาชน
นอกจากนั้นในพื้นที่ หมู่8 ต.ปะแต อ.ยะหา ระดับน้ำก็ยังคงวิกฤติ เจ้าหน้าที่ต้องใช้เฮลิคอปเตอร์ขนถ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค น้ำดื่ม และยารักษาโรคไปแจกจ่ายให้ชาวบ้าน
เดือดร้อน 3 แสนชีวิต-สังเวยเพิ่มอีก 1
นายบุณยสิทธิ์ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น มีประชาชนได้รับความเดือดร้อนประมาณ 70,000 ครัวเรือน หรือราว 300,000 คน ซึ่งทางจังหวัดได้ประสานงานไปยังทุกส่วนราชการ ให้เร่งช่วยเหลือประชาชนหลังน้ำลดแล้ว
ส่วนปริมาณน้ำในเขื่อนบางลาง อ.ธารโต จ.ยะลา ซึ่งหลายฝ่ายหวั่นเกรงว่าน้ำอาจจะมากจนเขื่อนรับไม่ไหวนั้น นายบุณยสิทธิ์ กล่าวว่า ทางเขื่อนบางลางจะปล่อยน้ำในอัตราเพียง 150 คิวต่อวินาที ทั้งๆ ที่สามารถปล่อยน้ำได้ถึง 2,300 คิวต่อวินาที ซึ่งเชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อราษฎรที่อยู่ใต้เขื่อนอย่างที่กังวลกัน
ทั้งนี้ อุทกภัยที่เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้กลายเป็นเรื่องเศร้าสลดซ้ำเติมสถานการณ์ความรุนแรง เมื่อมีชาวบ้านต้องสังเวยชีวิตไปกับน้ำที่ไหลบ่าเข้าท่วมบ้านเรือน
โดยในวันเดียวกันนี้ ชาวบ้าน หมู่ 5 ต.พร่อน อ.เมือง จ.ยะลา พบศพ นางสะอุเดาะ กามา อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 91 หมู่ 3 ต.พร่อน ซึ่งถูกน้ำพัดสูญหายไปตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งนางสะอุเดาะ ถือเป็นผู้เคราะห์ร้ายรายที่ 4 ของ จ.ยะลา ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งรุนแรง
นราธิวาสอ่วม 4 อำเภอสูญ 20 ล้าน
ส่วนที่ จ.นราธิวาส นายประชา เตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า ขณะนี้ จ.นราธิวาส มีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสภาวะน้ำท่วมทั้ง 13 อำเภอ แต่ที่รุนแรงมากมี 4 อำเภอ คือ อ.รือเสาะ สุคีริน ศรีสาคร และจะแนะ มูลค่าความเสียหายประมาณ 20 ล้านบาท และมีผู้เสียชีวิต 1 คน
"ในด้านการให้ความช่วยเหลือนั้น ได้มีหน่วยกาชาดนำข้าวสาร อาหารแห้งไปแจกจ่ายแก่ชาวบ้านแล้ว ขณะเดียวกันก็ได้ระดมกำลังทหาร ตำรวจ เข้าไปช่วยซ่อมแซมบ้านเรือนราษฎรที่ได้รับความเสียหาย ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ใน อ.สุคีริน และ อ.ศรีสาคร"
นายประชา กล่าวด้วยว่า ถ้าฝนไม่ตกลงมาอีก สถานการณ์น่าจะดีขึ้นตามลำดับ อย่างไรก็ดี ทางกรมอุตุนิยมวิทยาได้แจ้งล่าสุดเข้ามาว่า จะมีพายุฝนถล่ม 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อีกระลอกหนึ่ง จึงได้แจ้งเตือนให้ชาวบ้านทราบ และเตรียมรับมือกับสภาวะน้ำท่วมฉับพลันที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วง 1-2 วันนี้
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)